บท 35
การสำเร็จโทษบาบิโลนใหญ่
1. ทูตสวรรค์พรรณนาสัตว์ร้ายสีแดงเข้มอย่างไร และจำต้องมีสติปัญญาชนิดใดจึงจะเข้าใจสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพระธรรมวิวรณ์?
ในการพรรณนาต่อไปถึงสัตว์ร้ายสีแดงเข้มในพระธรรมวิวรณ์ 17:3 ทูตสวรรค์บอกโยฮันว่า “นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดและสติปัญญาจึงจะรู้ว่า หัวเจ็ดหัวนั้นหมายถึงภูเขาเจ็ดลูกที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนยอด. มีกษัตริย์เจ็ดองค์ ห้าองค์หมดอำนาจไปแล้ว องค์หนึ่งเป็นอยู่ อีกองค์หนึ่งยังไม่มา แต่เมื่อมาแล้วจะต้องอยู่ชั่วขณะหนึ่ง.” (วิวรณ์ 17:9, 10, ล.ม.) ในที่นี้ทูตสวรรค์กำลังถ่ายทอดสติปัญญาจากเบื้องบน สติปัญญาเดียวที่สามารถให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ในพระธรรมวิวรณ์. (ยาโกโบ 3:17) สติปัญญานี้ให้ความกระจ่างแก่ชนจำพวกโยฮันและสหายเกี่ยวกับความสำคัญของสมัยที่เรามีชีวิตอยู่. สติปัญญานี้สร้างความหยั่งรู้ค่าเกี่ยวกับการพิพากษาของพระยะโฮวาซึ่งบัดนี้กำลังจะดำเนินการให้ลุล่วงไว้ในหัวใจที่เลื่อมใส ทั้งยังปลูกฝังให้มีความเกรงกลัวพระยะโฮวาอย่างสมควร. ดังที่สุภาษิต 9:10 บอกว่า “ความยำเกรงพระยะโฮวาเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา; และการรู้ถึงขององค์บริสุทธิ์นั้นคือความเข้าใจ.” สติปัญญาจากพระเจ้าเปิดเผยอะไรแก่เราเกี่ยวกับสัตว์ร้าย?
2. หัวเจ็ดหัวของสัตว์ร้ายสีแดงเข้มหมายถึงอะไร และเป็นไปอย่างไรที่ว่า “ห้าองค์หมดอำนาจไปแล้ว องค์หนึ่งเป็นอยู่”?
2 หัวเจ็ดหัวของสัตว์ร้ายตัวนั้นหมายถึง “ภูเขา” เจ็ดลูก หรือ “กษัตริย์” เจ็ดองค์. ทั้งสองคำนี้มีการใช้ในพระคัมภีร์เพื่อหมายถึงอำนาจการปกครอง. (ยิระมะยา 51:24, 25; ดานิเอล 2:34, 35, 44, 45) ในคัมภีร์ไบเบิล มีกล่าวถึงหกมหาอำนาจโลกว่ามีผลกระทบต่อเรื่องราวของประชาชนของพระเจ้า ได้แก่ อียิปต์, อัสซีเรีย, บาบิโลน, มีเดีย-เปอร์เซีย, กรีซ, และโรม. ในจำนวนเหล่านี้ มีห้ามหาอำนาจที่ได้ขึ้นมาและล่มสลายไปแล้วในตอนที่โยฮันได้รับวิวรณ์ ในขณะที่โรมยังคงเป็นมหาอำนาจโลกอยู่ในเวลานั้น. เรื่องนี้ตรงกันเป็นอย่างดีกับคำกล่าวที่ว่า “ห้าองค์หมดอำนาจไปแล้ว องค์หนึ่งเป็นอยู่.” แต่เป็นอย่างไรกับ “อีกองค์หนึ่ง” ที่กำหนดจะมา?
3. (ก) จักรวรรดิโรมันถูกแบ่งแยกอย่างไร? (ข) เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในจักรวรรดิโรมันตะวันตก? (ค) ควรมองดูจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร?
3 จักรวรรดิโรมันยังคงอยู่และถึงกับขยายดินแดนออกไป เป็นเวลาหลายร้อยปีหลังจากสมัยของโยฮัน. ในปีสากลศักราช 330 จักรพรรดิคอนสแตนตินย้ายเมืองหลวงจากกรุงโรมไปยังเมืองไบแซนทิอุม ซึ่งเขาเปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็นคอนสแตนติโนเปิล. ในปีสากลศักราช 395 จักรวรรดิโรมันถูกแบ่งออกเป็นจักรวรรดิตะวันออกและจักรวรรดิตะวันตก. ในปีสากลศักราช 410 โรมเองก็พ่ายแพ้แก่อาลาริก กษัตริย์ของพวกวิสิก็อต (ชนเผ่าเยอรมานิกซึ่งได้เปลี่ยนมานับถือ “ศาสนาคริสต์” ลัทธิอาเรียน). ชนเผ่าเยอรมานิก (ซึ่งเป็น “คริสเตียน” เช่นกัน) ได้พิชิตสเปนและดินแดนส่วนใหญ่ของโรมในแอฟริกาเหนือ. มีระยะเวลาแห่งความวุ่นวาย, ความไม่สงบ, และการปรับปรุงใหม่ในยุโรปนานหลายศตวรรษ. จักรพรรดิที่มีชื่อเสียงหลายองค์ปรากฏขึ้นในจักรวรรดิตะวันตก เช่น จักรพรรดิชาร์เลอมาญ ผู้สร้างสัมพันธไมตรีกับสันตะปาปาเลโอที่สามในศตวรรษที่ 9 และจักรพรรดิเฟรเดอริกที่สองซึ่งครองราชย์ในศตวรรษที่ 13. แต่ดินแดนในปกครองของจักรพรรดิเหล่านี้แม้จะได้ชื่อว่าจักรวรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังเล็กกว่าดินแดนของจักรวรรดิโรมันที่อยู่ก่อนในคราวที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดนั้นมากนัก. นั่นจึงเป็นการฟื้นฟูหรือการสืบต่ออำนาจที่มีแต่ครั้งโบราณนี้เสียมากกว่าจะเป็นจักรวรรดิใหม่.
4. จักรวรรดิตะวันออกประสบผลสำเร็จอะไรบ้าง แต่เกิดอะไรขึ้นกับอาณาเขตส่วนใหญ่ซึ่งเป็นของโรมโบราณมาก่อนในแอฟริกาเหนือ, สเปน, และซีเรีย?
4 จักรวรรดิตะวันออกของโรม ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ดำเนินอยู่ในสัมพันธภาพที่ไม่ค่อยสงบสุขกับจักรวรรดิตะวันตก. ในศตวรรษที่หก จักรพรรดิยุสติเนียนที่หนึ่งแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออกสามารถพิชิตส่วนใหญ่ของแอฟริกาเหนือได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังเข้าไปแทรกแซงในสเปนและอิตาลีอีกด้วย. ในศตวรรษที่เจ็ด จักรพรรดิยุสติเนียนที่สองได้ตีเอาอาณาเขตของจักรวรรดิแถบมาซิโดเนียที่ชนเผ่าสลาฟพิชิตไปคืนมา. อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงศตวรรษที่แปด อาณาเขตส่วนใหญ่ซึ่งเคยเป็นของโรมโบราณมาก่อนในแอฟริกาเหนือ, สเปน, และซีเรียนั้นตกอยู่ภายใต้จักรวรรดิใหม่แห่งอิสลาม และจึงพ้นจากการควบคุมของทั้งคอนสแตนติโนเปิลและโรม.
5. แม้ว่ากรุงโรมแตกในปีสากลศักราช 410 เป็นไปอย่างไรที่กินเวลาหลายศตวรรษกว่าร่องรอยทั้งหมดของจักรวรรดิโรมันทางด้านการเมืองจะหายไปจากฉากเหตุการณ์ของโลก?
5 กรุงคอนสแตนติโนเปิลเองยืนยงอยู่ค่อนข้างนานกว่า. เมืองนี้รอดผ่านการโจมตีที่มีบ่อย ๆ จากพวกเปอร์เซีย, อาหรับ, บัลแกเรีย, และรัสเซียจนกระทั่งในปี 1203 เมืองนี้ก็แตกในที่สุด มิใช่แก่พวกมุสลิมแต่แก่พวกนักรบครูเสดจากทางตะวันตก. แต่มาในปี 1453 เมืองนี้ตกอยู่ใต้อำนาจของสุลต่านเมฮ์เมดที่สองแห่งชาวตุรกีมุสลิม และในไม่ช้าก็กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมันหรือตุรกี. ดังนั้น แม้ว่ากรุงโรมแตกในปีสากลศักราช 410 แต่ก็กินเวลาอีกหลายศตวรรษกว่าร่องรอยทั้งหมดของจักรวรรดิโรมันทางการเมืองจะหายไปจากฉากเหตุการณ์ของโลก. และถึงกระนั้น อิทธิพลของโรมยังคงสังเกตได้ในศาสนจักรที่ใช้ตำแหน่งสันตะปาปาของโรมและคริสตจักรอีสต์เทอร์นออร์โทด็อกซ์เป็นหลัก.
6. เกิดมีจักรวรรดิใหม่ ๆ อะไรบ้าง และจักรวรรดิใดประสบความสำเร็จมากที่สุด?
6 อย่างไรก็ดี ในศตวรรษที่ 15 บางประเทศได้สร้างจักรวรรดิใหม่ ๆ ขึ้น. ในขณะที่อำนาจของจักรวรรดิใหม่ ๆ บางจักรวรรดิถูกตั้งขึ้นในดินแดนที่เคยเป็นอาณานิคมของโรม จักรวรรดิเหล่านั้นก็หาได้เป็นเพียงการต่อเนื่องจากจักรวรรดิโรมันไม่. ประเทศโปรตุเกส, สเปน, ฝรั่งเศส, และฮอลแลนด์ต่างกลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรที่แผ่ไปกว้างไกล. แต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือบริเตน ซึ่งมีอำนาจเหนือจักรวรรดิมหึมาซึ่ง ‘ดวงอาทิตย์ไม่เคยตก.’ จักรวรรดินี้แผ่ขยายไปในสมัยต่าง ๆ กันเหนือส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ, ทวีปแอฟริกา, ประเทศอินเดีย, และเอเชียอาคเนย์ รวมทั้งอาณาเขตกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแปซิฟิกใต้.
7. เกิดมีมหาอำนาจคู่ขึ้นมาอย่างไร และโยฮันบอกว่า “หัว” หรือมหาอำนาจโลกที่เจ็ดจะอยู่ต่อไปนานเพียงใด?
7 มาถึงศตวรรษที่ 19 อาณานิคมบางแห่งในอเมริกาเหนือแยกตัวออกจากบริเตนเพื่อตั้งตัวเป็นสหรัฐอเมริกาที่เป็นเอกราช. ในทางการเมือง ความขัดแย้งบางอย่างระหว่างชาติใหม่และมาตุภูมิเดิมยังคงมีอยู่. กระนั้น สงครามโลกครั้งที่หนึ่งบังคับให้ทั้งสองประเทศตระหนักถึงผลประโยชน์ร่วม และเชื่อมความสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน. ดังนั้น จึงเกิดเป็นมหาอำนาจคู่อย่างหนึ่งของโลกขึ้น ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ซึ่งบัดนี้เป็นชาติที่มั่งคั่งที่สุดของโลก และบริเตนใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดของโลก. ฉะนั้น นี่คือ “หัว” ที่เจ็ดหรือมหาอำนาจโลกที่เจ็ด ซึ่งคงอยู่ไปจนถึงช่วงอวสานและอยู่ในดินแดนที่พยานของพระยะโฮวาสมัยปัจจุบันได้รับการก่อตั้งขึ้นในตอนแรก. เมื่อเปรียบเทียบกับรัชสมัยอันยาวนานของหัวที่หก หัวที่เจ็ดจึงดำรงอยู่ “ชั่วขณะหนึ่ง” เท่านั้นจนกว่าราชอาณาจักรของพระเจ้าทำลายชาติทั้งปวงให้ย่อยยับ.
เหตุใดจึงเรียกว่ากษัตริย์องค์ที่แปด?
8, 9. ทูตสวรรค์เรียกสัตว์ร้ายสีแดงเข้มโดยนัยว่าอะไร และมันมาจากหัวเจ็ดหัวในแง่ใด?
8 ทูตสวรรค์องค์นั้นอธิบายแก่โยฮันต่อไปว่า “สัตว์ร้ายซึ่งเคยเป็นอยู่เมื่อก่อนและไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้นั่นแหละเป็นกษัตริย์องค์ที่แปด แต่มันก็มาจากกษัตริย์เจ็ดองค์นั้น และมันจะถูกทำลาย.” (วิวรณ์ 17:11, ล.ม.) สัตว์ร้ายสีแดงเข้มโดยนัยนั้น “มาจาก” หัวเจ็ดหัว หมายความว่า มันเกิดจากหรือเป็นมาจากหัวเหล่านั้นของ “สัตว์ร้าย” ตัวแรกเดิมที่ “ขึ้นมาจากทะเล” ซึ่งสัตว์ร้ายสีแดงเข้มเป็นภาพแสดงถึง. โดยวิธีใด? ในปี 1919 อำนาจแองโกล-อเมริกันเป็นหัวที่ขึ้นมามีอำนาจ. หัวทั้งหกที่มีอยู่ก่อนได้ล่มจมไป และตำแหน่งของอำนาจโลกที่เด่นได้ผ่านมายังหัวคู่นี้และเวลานี้รวมศูนย์อยู่ที่นี่. หัวที่เจ็ด ในฐานะตัวแทนปัจจุบันของลำดับมหาอำนาจโลก เป็นกำลังผลักดันในการก่อตั้งสันนิบาตชาติ และยังคงเป็นผู้ส่งเสริมและผู้สนับสนุนทางการเงินอันสำคัญของสหประชาชาติ. ฉะนั้น โดยนัยแล้ว สัตว์ร้ายสีแดงเข้มหรือกษัตริย์องค์ที่แปด “มาจาก” หัวทั้งเจ็ดซึ่งมีอยู่แต่ก่อน. เมื่อมองในแง่นี้ ถ้อยแถลงที่ว่า สัตว์ร้ายนี้เป็นมาจากหัวทั้งเจ็ดจึงสอดคล้องเป็นอย่างดีกับการเปิดเผยก่อนหน้านี้ที่ว่าสัตว์ร้ายที่มีสองเขาเหมือนลูกแกะนั้น (คือมหาอำนาจโลกแองโกล-อเมริกัน หัวที่เจ็ดของสัตว์ร้ายตัวแรกเดิมนั้น) ได้กระตุ้นให้มีการทำรูปของสัตว์ร้ายและให้ชีวิตแก่มัน.—วิวรณ์ 13:1, 11, 14, 15.
9 นอกจากนี้ สมาชิกดั้งเดิมของสันนิบาตชาตินับรวมรัฐบาลต่าง ๆ ที่ปกครองอยู่ในที่ตั้งของหัวก่อน ๆ บางหัว คือ กรีซ, อิหร่าน (เปอร์เซีย), และอิตาลี (โรม) พร้อมกับบริเตนใหญ่ด้วย. ในที่สุด รัฐบาลต่าง ๆ ที่ปกครองดินแดนซึ่งเคยควบคุมโดยมหาอำนาจโลกทั้งหกที่มีอยู่ก่อนนั้นกลายมาเป็นสมาชิกผู้สนับสนุนรูปของสัตว์ร้าย. ในแง่นี้ด้วยเช่นกันที่อาจกล่าวได้ว่าสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวนี้เป็นมาจากมหาอำนาจทั้งเจ็ดของโลก.
10. (ก) กล่าวได้อย่างไรว่า ตัวสัตว์ร้ายสีแดงเข้มเองก็ “เป็นกษัตริย์องค์ที่แปด” ด้วย? (ข) ผู้นำของอดีตสหภาพโซเวียตคนหนึ่งแสดงการสนับสนุนสหประชาชาติอย่างไร?
10 โปรดสังเกตว่า สัตว์ร้ายสีแดงเข้มเอง “เป็นกษัตริย์องค์ที่แปด” ด้วย. ด้วยเหตุนี้ สหประชาชาติในทุกวันนี้จึงถูกกำหนดให้ดูประหนึ่งรัฐบาลโลก. บางครั้ง สหประชาชาติถึงกับปฏิบัติเยี่ยงรัฐบาลหนึ่ง โดยส่งกองทัพเข้าไปในสนามรบเพื่อจัดการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ เช่น ในเกาหลี, คาบสมุทรไซนาย, บางประเทศในแอฟริกา และเลบานอน. แต่มันเป็นเพียงรูปจำลอง ของกษัตริย์. เช่นเดียวกับรูปจำลองทางศาสนา มันไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจที่แท้จริงนอกเหนือจากที่มันได้รับจากคนเหล่านั้นซึ่งทำให้มันดำรงอยู่และนมัสการมัน. บางครั้ง สัตว์ร้ายโดยนัยนี้ก็ดูอ่อนแอ แต่มันไม่เคยประสบกับการถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดีจากสมาชิกที่เอนเอียงไปทางเผด็จการซึ่งได้ส่งสันนิบาตชาติให้กลิ้งลงไปในขุมลึก. (วิวรณ์ 17:8) แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงในด้านอื่น ๆ ผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตในปี 1987 ได้ร่วมกับสันตะปาปาแห่งโรมในการพูดสนับสนุนสหประชาชาติ. เขาถึงกับเรียกร้องให้มี “ระบบครอบคลุมความปลอดภัยระหว่างประเทศ” โดยยึดสหประชาชาติเป็นหลัก. ดังที่โยฮันจะทราบในไม่ช้า เวลาจะมาเมื่อสหประชาชาติจะดำเนินการด้วยอำนาจมากมาย. แล้วเมื่อถึงคราวของมัน มันก็ “จะถูกทำลาย.”
กษัตริย์สิบองค์เป็นอยู่ชั่วโมงหนึ่ง
11. ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกอะไรเกี่ยวกับเขาสิบเขาที่อยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มโดยนัย?
11 ในพระธรรมวิวรณ์บทก่อน ทูตสวรรค์องค์ที่หกและเจ็ดได้เทขันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า. ดังนั้น เราจึงได้รับการแจ้งว่ากษัตริย์ทั้งหลายของแผ่นดินโลกกำลังถูกรวบรวมไปยังสงครามของพระเจ้า ณ อาร์มาเก็ดดอน และว่า “พระเจ้าไม่ทรงลืมบาบิโลนใหญ่.” (วิวรณ์ 16:1, 14, 19, ล.ม.) ตอนนี้ เราจะทราบโดยละเอียดยิ่งขึ้นว่าจะมีการลงโทษตามคำพิพากษาของพระเจ้าต่อกษัตริย์เหล่านั้นอย่างไร. จงฟังทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาอีกครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านพูดกับโยฮัน. “เขาสิบเขาที่ท่านเห็นนั้นหมายถึงกษัตริย์สิบองค์ซึ่งยังไม่ได้รับอาณาจักร แต่พวกเขาจะได้รับอำนาจเป็นกษัตริย์ร่วมกับสัตว์ร้ายนั้นหนึ่งชั่วโมง. กษัตริย์เหล่านี้คิดอย่างเดียวกัน พวกเขาจึงมอบกำลังและอำนาจของตนแก่สัตว์ร้ายนั้น. กษัตริย์เหล่านี้จะสู้รบกับพระเมษโปดก แต่พระเมษโปดกจะทรงชนะพวกเขาเพราะพระองค์เป็นเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลายและเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย. คนเหล่านั้นที่ถูกเรียกและเลือกไว้และซื่อสัตย์ซึ่งอยู่กับพระองค์ก็จะชนะเช่นกัน.”—วิวรณ์ 17:12-14, ล.ม.
12. (ก) เขาสิบเขาเป็นภาพแสดงถึงอะไร? (ข) เป็นอย่างไรที่ว่าเขาสิบเขาโดยนัย “ยังไม่ได้รับอาณาจักร”? (ค) เขาสิบเขาโดยนัยมี “อาณาจักร” ในเวลานี้อย่างไร และนานแค่ไหน?
12 เขาสิบเขานั้นเป็นภาพแสดงถึงอำนาจทางการเมืองทั้งหมดซึ่งในปัจจุบันนี้มีอำนาจในฉากเหตุการณ์ของโลก และซึ่งสนับสนุนรูปของสัตว์ร้าย. ไม่กี่ประเทศซึ่งมีอยู่ในเวลานี้เป็นที่รู้จักในสมัยของโยฮัน. และประเทศซึ่งมีในสมัยนั้น เช่น อียิปต์และเปอร์เซีย (อิหร่าน) ในปัจจุบันก็มีระบบทางการเมืองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง. ดังนั้น ในศตวรรษแรก ‘เขาสิบเขายังไม่ได้รับอาณาจักร.’ แต่เดี๋ยวนี้ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประเทศเหล่านั้นมี “อาณาจักร” หรืออำนาจทางการเมือง. ด้วยการล่มสลายของจักรวรรดิอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย โดยเฉพาะตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง มีชาติใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายชาติ. ชาติเหล่านี้พร้อมด้วยประเทศซึ่งมีอำนาจมานานกว่าจะต้องปกครองร่วมกับสัตว์ร้ายชั่วเวลาสั้น ๆ คือเพียง “หนึ่งชั่วโมง” ก่อนที่พระยะโฮวาทรงนำอวสานมาสู่อำนาจทางการเมืองทั้งสิ้นของโลกนี้ ณ อาร์มาเก็ดดอน.
13. เขาสิบเขา “คิดอย่างเดียวกัน” ในแง่ใด และสิ่งนี้ทำให้แน่นอนว่าจะมีเจตคติเช่นไรต่อพระเมษโปดก?
13 ทุกวันนี้ ลัทธิชาตินิยมเป็นกำลังที่เข้มแข็งอย่างหนึ่งที่ปลุกเร้าสิบเขานี้. พวกเขา “คิดอย่างเดียวกัน” คือต้องการรักษาอำนาจอธิปไตยของชาติไว้แทนที่จะยอมรับราชอาณาจักรของพระเจ้า. นี่คือจุดประสงค์ของพวกเขาในการสนับสนุนสันนิบาตชาติและองค์การสหประชาชาติเป็นอันดับแรก เพื่อพิทักษ์สันติภาพของโลกและด้วยวิธีนี้จึงปกป้องตนเองให้คงอยู่. เจตคติเช่นนั้นทำให้เป็นที่แน่นอนว่าเขาทั้งสิบจะต่อต้านพระเมษโปดกผู้เป็น “เจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลายและเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย” เพราะพระยะโฮวาทรงประสงค์จะให้ราชอาณาจักรของพระองค์ภายใต้พระเยซูคริสต์เข้าแทนที่อาณาจักรเหล่านี้ทั้งสิ้นในไม่ช้า.—ดานิเอล 7:13, 14; มัดธาย 24:30; 25:31-33, 46.
14. เป็นไปได้อย่างไรที่เหล่าผู้ปกครองของโลกจะต่อสู้กับพระเมษโปดก และผลจะเป็นเช่นไร?
14 แน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่เหล่าผู้ปกครองโลกนี้จะทำได้เพื่อต่อต้านพระเยซูเอง. พระองค์สถิตในสวรรค์ ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะไปถึง. แต่พี่น้องของพระเยซู คือชนที่เหลือแห่งพงศ์พันธุ์ของหญิงนั้น ยังคงอยู่บนแผ่นดินโลกและดูเหมือนถูกโจมตีได้ง่าย. (วิวรณ์ 12:17) เขาหลายเขาได้สำแดงความเป็นปรปักษ์ต่อพี่น้องของพระเยซูแล้วอย่างรุนแรง และโดยวิธีนี้ เขาเหล่านั้นได้ต่อสู้กับพระเมษโปดก. (มัดธาย 25:40, 45) แต่ในไม่ช้า เวลาจะมาถึงเมื่อราชอาณาจักรของพระเจ้าจะ “ทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับ.” (ดานิเอล 2:44) ในตอนนั้น กษัตริย์ต่าง ๆ แห่งแผ่นดินโลกจะต่อสู้กับพระเมษโปดกจนถึงที่สุด ดังที่เราจะได้เห็นในไม่ช้านี้. (วิวรณ์ 19:11-21) แต่ในที่นี้ เราได้เรียนรู้มากพอจะตระหนักว่านานาชาติจะไม่ประสบผลสำเร็จ. แม้ว่านานาชาติและสหประชาชาติ สัตว์ร้ายสีแดงเข้มนั้น “คิดอย่างเดียวกัน” แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพิชิต ‘เจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลายและกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย’ องค์ยิ่งใหญ่ ทั้งไม่สามารถพิชิต “คนเหล่านั้นที่ถูกเรียกและเลือกไว้และซื่อสัตย์ซึ่งอยู่กับพระองค์” ซึ่งรวมทั้งสาวกผู้ถูกเจิมของพระองค์ซึ่งยังอยู่บนแผ่นดินโลกด้วย. คนเหล่านี้เช่นกันจะมีชัยด้วยการรักษาความซื่อสัตย์มั่นคงซึ่งเป็นการตอบข้อกล่าวหาอันชั่วร้ายของซาตาน.—โรม 8:37-39; วิวรณ์ 12:10, 11.
การล้างผลาญหญิงแพศยา
15. ทูตสวรรค์พูดอะไรเกี่ยวกับหญิงแพศยารวมทั้งเจตคติและการกระทำที่เขาสิบเขาและสัตว์ร้ายมีต่อนาง?
15 ประชาชนของพระเจ้าไม่ใช่เพียงพวกเดียวที่ตกเป็นเป้าแห่งความเป็นปฏิปักษ์ของเขาสิบเขา. ตอนนี้ ทูตสวรรค์ดึงความสนใจของโยฮันกลับไปที่หญิงแพศยาดังนี้ “แล้วทูตสวรรค์องค์นั้นพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘น้ำทั้งหลายที่ท่านเห็นหญิงแพศยานั่งอยู่นั้นหมายถึงชนชาติ ฝูงชน ประเทศ และภาษาต่าง ๆ. เขาสิบเขากับสัตว์ร้ายที่ท่านเห็นนั้นจะพากันเกลียดชังหญิงแพศยานั้นและล้างผลาญนางและทำให้นางเปลือยกายแล้วจะกินเนื้อนางและเอาไฟเผานางจนสิ้นซาก.’”—วิวรณ์ 17:15, 16, ล.ม.
16. เหตุใดบาบิโลนใหญ่จะไม่สามารถหมายพึ่งน้ำทั้งหลายของตนเพื่อได้การสนับสนุนปกป้องเมื่อรัฐบาลทางการเมืองหันมาโจมตีเมืองนี้?
16 เช่นเดียวกับบาบิโลนโบราณที่หมายพึ่งแนวป้องกันทางน้ำ บาบิโลนใหญ่ในปัจจุบันก็หมายพึ่งสมาชิกจำนวนมหาศาลของตนจาก “ชนชาติ ฝูงชน ประเทศ และภาษาต่าง ๆ.” ทูตสวรรค์ดึงความสนใจของเราไปยังสิ่งเหล่านี้อย่างเหมาะสมก่อนจะบอกถึงเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึง นั่นคือรัฐบาลต่าง ๆ ทางการเมืองของแผ่นดินโลกนี้จะหันไปโจมตีบาบิโลนใหญ่อย่างรุนแรง. แล้ว “ชนชาติ ฝูงชน ประเทศ และภาษาต่าง ๆ” ทั้งปวงเหล่านั้นจะทำอย่างไร? ประชาชนของพระเจ้ากำลังเตือนบาบิโลนใหญ่อยู่แล้วว่า น้ำของแม่น้ำยูเฟรทิสจะแห้งไป. (วิวรณ์ 16:12) น้ำเหล่านั้นจะแห้งเหือดไปในที่สุด. น้ำเหล่านั้นจะไม่อาจให้การสนับสนุนใด ๆ ที่ได้ผลแก่หญิงแพศยาที่น่าขยะแขยงผู้นี้ได้ในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด.—ยะซายา 44:27; ยิระมะยา 50:38; 51:36, 37.
17. (ก) เพราะเหตุใดความมั่งคั่งของบาบิโลนใหญ่จะไม่ช่วยชีวิตนาง? (ข) จุดจบของบาบิโลนใหญ่จะไร้เกียรติอย่างไร? (ค) นอกจากเขาสิบเขาหรือชาติทั้งหลายแต่ละชาติแล้ว มีอะไรอีกที่เข้าร่วมในการกระทำอันรุนแรงต่อบาบิโลนใหญ่?
17 แน่นอน ความมั่งคั่งมหาศาลทางวัตถุของบาบิโลนใหญ่จะไม่ช่วยชีวิตนาง. ซ้ำยังอาจเร่งความพินาศของนางให้เร็วขึ้น เพราะนิมิตนั้นแสดงว่าเมื่อสัตว์ร้ายและเขาสิบเขาระบายความโกรธที่นาง พวกมันจะกระชากเสื้อคลุมยาวที่งามสง่าและเครื่องประดับที่มีค่าทั้งหมดของนางออก. พวกมันจะปล้นความมั่งคั่งของนาง. พวกมัน “ทำให้นางเปลือยกาย” คือเปิดโปงลักษณะที่แท้จริงของนางอย่างน่าอับอาย. ช่างเป็นการล้างผลาญอะไรเช่นนี้! จุดจบของนางก็ไร้เกียรติเช่นกัน. พวกมันทำลายนาง “กินเนื้อนาง” จนเหลือแต่โครงกระดูกไร้ชีวิต. ในที่สุด พวกมัน “เอาไฟเผานางจนสิ้นซาก.” นางถูกเผาราวกับเป็นพาหะโรคระบาด โดยไม่มีแม้แต่งานศพที่มีหน้ามีตา! ไม่ใช่แต่นานาชาติเท่านั้น ดังที่เขาสิบเขาเป็นภาพแสดงถึง ที่ทำลายหญิงแพศยาคนสำคัญ แต่ “สัตว์ร้าย” ซึ่งหมายถึงสหประชาชาติเอง ก็ร่วมกับนานาชาติในการกระทำอันรุนแรงนี้ด้วย. สหประชาชาติจะให้ความเห็นชอบด้วยในการทำลายศาสนาเท็จ. เสียงส่วนใหญ่ของชาติต่าง ๆ กว่า 190 ชาติภายในสหประชาชาติได้แสดงความเป็นศัตรูต่อศาสนาอยู่แล้วโดยเฉพาะต่อคริสต์ศาสนจักร ด้วยรูปแบบการลงคะแนนเสียง.
18. (ก) มีความเป็นไปได้ อะไรซึ่งได้เห็นแล้ว ที่นานาชาติจะหันไปโจมตีศาสนาแบบบาบิโลน? (ข) อะไรจะเป็นเหตุผลพื้นฐานสำหรับการโจมตีหญิงแพศยาคนสำคัญขั้นแตกหัก?
18 เหตุใดนานาชาติจะปฏิบัติต่ออดีตชู้รักของตนอย่างร้ายกาจเช่นนั้น? เราได้เห็นมาแล้วในประวัติศาสตร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ถึงความเป็นไปได้ สำหรับการหันไปโจมตีศาสนาแบบบาบิโลนเช่นนั้น. การต่อต้านอย่างเป็นทางการของฝ่ายรัฐบาลได้ลดอิทธิพลของศาสนาลงไปมากในดินแดนต่าง ๆ เช่น อดีตสหภาพโซเวียตและประเทศจีน. ในส่วนที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ของยุโรป ความเฉยเมยและความแคลงใจที่มีอยู่ดาษดื่นทำให้โบสถ์หลายแห่งว่างเปล่า ผลก็คือศาสนาตายแล้วโดยพฤตินัย. จักรวรรดิคาทอลิกอันไพศาลถูกแบ่งแยกโดยการต่อต้านและความไม่ลงรอยกัน ซึ่งพวกผู้นำไม่สามารถทำให้สงบได้. กระนั้น เราไม่ควรมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า การโจมตีบาบิโลนใหญ่ขั้นแตกหักนี้มีมาในฐานะที่เป็นการแสดงถึงการพิพากษาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ของพระเจ้าต่อหญิงแพศยาคนสำคัญ.
ทำตามความคิดของพระเจ้า
19. (ก) จะแสดงให้เห็นได้อย่างไรถึงการลงโทษตามคำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อหญิงแพศยาคนสำคัญ โดยอาศัยการพิพากษาที่พระองค์มีต่อเยรูซาเลมที่ออกหากในปี 607 ก่อนสากลศักราช? (ข) สภาพร้างเปล่าไร้ผู้อาศัยของกรุงเยรูซาเลมภายหลังปี 607 ก่อนสากลศักราช เป็นภาพแสดงล่วงหน้าถึงอะไรสำหรับสมัยของเรา?
19 พระยะโฮวาทรงลงโทษตามคำพิพากษานี้อย่างไร? สิ่งนี้อาจอธิบายให้เห็นได้จากการปฏิบัติของพระยะโฮวาต่อประชาชนที่ออกหากจากพระองค์ในสมัยโบราณ ซึ่งพระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับพวกเขาว่า “ในพวกผู้พยากรณ์แห่งเยรูซาเลมเราได้เห็นสิ่งเลวร้าย การเล่นชู้และการดำเนินในความเท็จ; และพวกเขาได้เสริมกำลังมือของคนทำชั่วเพื่อเขาจะไม่หันกลับ แต่ละคนจากความชั่วของตน. สำหรับเราเขาทั้งปวงกลายเป็นเหมือนโซโดม และผู้อาศัยในเมืองนั้นก็เหมือนโกโมร์ราห์.” (ยิระมะยา 23:14, ล.ม.) ในปี 607 ก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาทรงใช้นะบูคัดเนซัรให้ ‘กระตุกเสื้อผ้าทั้งหลายออก, เครื่องเพชรนิลจินดาก็เอาไปเสีย. และละไว้แต่ตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อน’ เมืองซึ่งเป็นชู้ฝ่ายวิญญาณ. (ยะเอศเคล 23:4, 26, 29) กรุงเยรูซาเลมในเวลานั้นเป็นแบบอย่างแสดงถึงคริสต์ศาสนจักรในปัจจุบัน และตามที่โยฮันได้เห็นในนิมิตก่อนหน้านี้ พระยะโฮวาจะทรงดำเนินการลงโทษที่คล้ายคลึงกันแก่คริสต์ศาสนจักรและศาสนาเท็จส่วนที่เหลือ. สภาพที่ร้างเปล่าไร้ผู้อาศัยของกรุงเยรูซาเลมภายหลังปี 607 ก่อนสากลศักราชแสดงให้เห็นว่า คริสต์ศาสนจักรที่ถือเคร่งจะมีสภาพเป็นเช่นไรหลังจากที่ถูกปล้นชิงเอาความมั่งคั่งและถูกเปิดโปงอย่างน่าอับอาย. และบาบิโลนใหญ่ส่วนที่เหลือก็จะมีสภาพไม่ดีไปกว่านี้.
20. (ก) โยฮันแสดงให้เห็นอย่างไรว่า พระยะโฮวาจะทรงใช้ผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ในการลงโทษตามคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่ง? (ข) “ความคิด” ของพระเจ้าคืออะไร? (ค) นานาชาติจะทำตาม “ความคิดอย่างเดียวกัน” ของพวกเขาโดยวิธีใด แต่จริง ๆ แล้ว เขาจะทำตามความคิดของผู้ใด?
20 อีกครั้งหนึ่ง พระยะโฮวาทรงใช้ผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ในการลงโทษตามคำพิพากษา. “เพราะพระเจ้าทรงดลใจพวกเขาให้ทำตามความคิดของพระองค์จนกว่าคำตรัสของพระองค์จะเป็นจริง นั่นคือ ให้พวกเขาทำตามความคิดอย่างเดียวกันของพวกเขาโดยมอบอาณาจักรของตนแก่สัตว์ร้ายนั้น.” (วิวรณ์ 17:17, ล.ม.) “ความคิด” ของพระเจ้าคืออะไร? ก็คือเพื่อจัดเตรียมให้ผู้ลงโทษบาบิโลนใหญ่รวมตัวกันเพื่อทำลายเมืองนี้ให้สิ้นซาก. แน่นอน เจตนาของเหล่าผู้ปกครองในการโจมตีบาบิโลนใหญ่ก็คือเพื่อจะทำตาม “ความคิดอย่างเดียวกัน” ของพวกเขา. พวกเขาจะรู้สึกว่าการจะโจมตีหญิงแพศยาคนสำคัญเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติของตน. พวกเขาอาจมองดูการดำรงอยู่ต่อไปของศาสนาที่จัดตั้งขึ้นภายในเขตแดนของพวกเขานั้นเป็นการคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของเขา. แต่พระยะโฮวาจะทรงควบคุมเรื่องราวต่าง ๆ อย่างแท้จริง พวกเขาจะทำตามความคิดของพระองค์ โดยทำลายศัตรูเก่าแก่ที่เล่นชู้ของพระองค์อย่างฉับพลัน!—เทียบกับยิระมะยา 7:8-11, 34.
21. เนื่องจากสัตว์ร้ายสีแดงเข้มจะถูกใช้ในการทำลายบาบิโลนใหญ่ จึงดูเหมือนว่านานาชาติจะทำอะไรเกี่ยวกับสหประชาชาติ?
21 ใช่แล้ว นานาชาติจะใช้สัตว์ร้ายสีแดงเข้ม คือสหประชาชาติ ในการทำลายบาบิโลนใหญ่. พวกเขาไม่ได้ทำด้วยความคิดริเริ่มของตนเอง เพราะพระยะโฮวาทรงใส่ความคิดนั้นเข้าไว้ในหัวใจของพวกเขา กระทั่งพวกเขา ‘ทำตามความคิดอย่างเดียวกันโดยมอบอาณาจักรของตนแก่สัตว์ร้ายนั้น.’ เมื่อเวลานั้นมาถึง ดูเหมือนนานาชาติจะเห็นถึงความจำเป็นต้องเสริมกำลังสหประชาชาติให้เข้มแข็ง. พวกเขาจะให้เสมือนเขี้ยวเล็บแก่มัน คือให้อำนาจและฤทธิ์ที่พวกเขามีแก่มันเพื่อให้มันสามารถโจมตีศาสนาเท็จและต่อสู้จนสำเร็จ “จนกว่าคำตรัสของพระองค์จะเป็นจริง.” โดยวิธีนั้น หญิงแพศยาโบราณจะมาถึงจุดจบของนางอย่างสิ้นเชิง. และเป็นที่น่ายินดีที่ไม่มีนางอยู่ต่อไป!
22. (ก) วิธีที่ทูตสวรรค์จบถ้อยแถลงของตนในวิวรณ์ 17:18 แสดงถึงอะไร? (ข) พยานพระยะโฮวาตอบรับต่อการไขข้อลึกลับนี้อย่างไร?
22 ราวกับจะเน้นความแน่นอนของการลงโทษตามคำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อจักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ ทูตสวรรค์จบถ้อยแถลงของตนโดยกล่าวว่า “ผู้หญิงที่ท่านเห็นนั้นหมายถึงเมืองใหญ่ซึ่งมีอำนาจปกครองกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 17:18, ล.ม.) เช่นเดียวกับบาบิโลนในสมัยของเบละซาซัร บาบิโลนใหญ่ “ถูกชั่งในตราชู, ปรากฏว่าหย่อนอยู่.” (ดานิเอล 5:27) การสำเร็จโทษนางจะมาอย่างฉับพลันและเฉียบขาด. และพยานพระยะโฮวาตอบรับต่อการไขข้อลึกลับของหญิงแพศยาคนสำคัญและของสัตว์ร้ายสีแดงเข้มอย่างไร? พวกเขาแสดงความกระตือรือร้นอันแรงกล้าในการประกาศวันพิพากษาของพระยะโฮวา ขณะที่ตอบผู้แสวงหาความจริงที่จริงใจ “ด้วยความสุภาพอ่อนโยน.” (โกโลซาย 4:5, 6, ล.ม.; วิวรณ์ 17:3, 7) ดังที่บทถัดไปของเราจะแสดงให้เห็น ทุกคนที่ต้องการเอาชีวิตรอดเมื่อหญิงแพศยาคนสำคัญถูกลงโทษจะต้องลงมือทำ และทำโดยเร็ว!
[ภาพหน้า 252]
การสืบต่อกันของเจ็ด มหาอำนาจโลก
อียิปต์
อัสซีเรีย
บาบิโลน
มีเดีย- เปอร์เซีย
กรีซ
โรม
แองโกล-อเมริกัน
[ภาพหน้า 254]
ตัวมันเอง “เป็นกษัตริย์องค์ที่แปด” ด้วย
[ภาพหน้า 255]
โดยหันหลังให้กับพระเมษโปดก ‘พวกเขามอบกำลังและอำนาจของตนแก่สัตว์ร้ายนั้น’
[ภาพหน้า 257]
คริสต์ศาสนจักรซึ่งเป็นส่วนสำคัญของบาบิโลนใหญ่จะคล้ายกับกรุงเยรูซาเลมโบราณในด้านความพินาศย่อยยับ