กุญแจสู่ความสุขในครอบครัว
ปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมให้ลูกของคุณ
ลอยดาa แม่คนหนึ่งในเม็กซิโกบอกว่า “มีการแจกถุงยางอนามัยที่โรงเรียน พวกเด็กวัยรุ่นจึงคิดว่าไม่ผิดที่จะมีเพศสัมพันธ์ ตราบใดที่รู้จักใช้วิธีที่ ‘ปลอดภัย.’ ”
โนบุโกะ แม่คนหนึ่งในญี่ปุ่นบอกว่า “ดิฉันถามลูกชายว่าเขาจะทำอย่างไรถ้าอยู่กับแฟนสองต่อสอง. เขาก็ตอบว่า ‘ไม่รู้.’ ”
ตอนที่ลูกชายหรือลูกสาวของคุณเริ่มหัดเดิน คุณทำให้บ้านเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับลูกไหม? คุณคงจะปิดเต้ารับปลั๊กไฟเพื่อไม่ให้ลูกเอานิ้วแหย่เข้าไป เก็บของมีคมให้มิดชิด และกั้นทางขึ้นลงบันได. ทั้งหมดที่คุณทำก็เพื่อให้ลูกปลอดภัย.
แต่สำหรับลูกวัยรุ่นคุณต้องทำมากกว่านั้น! ตอนนี้คุณมีเรื่องที่ทำให้กังวลมากขึ้นอีก เช่น ‘ลูกชายของฉันดูสื่อลามกไหม?’ ‘ลูกสาวของผมเคย ‘เซ็กซ์ทิง’ หรือถ่ายรูปเปลือยของตัวเองแล้วส่งให้คนอื่นทางโทรศัพท์มือถือไหม?’ และคำถามที่พ่อแม่กลัวมากก็คือ ‘ลูกวัยรุ่นของเรามีเพศสัมพันธ์กับใครหรือยัง?’
อย่าคิดว่าจะควบคุมได้
พ่อแม่บางคนพยายามสอดส่องดูแลลูกวัยรุ่นตลอด 24 ชั่วโมงโดยตามประกบและจับตาดูทุกฝีก้าว. แต่พ่อแม่หลายคนพบว่าการทำตัวเป็นเหมือนเฮลิคอปเตอร์ที่ไล่ตามลูกมีแต่จะทำให้ลูกอยากมุดหนีลงไปใต้ดิน. ลูกของพวกเขาจะใช้วิธีที่แยบยลขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อแอบทำสิ่งที่พ่อแม่พยายามป้องกัน.
เห็นได้ชัดว่า การควบคุมลูกไม่ใช่วิธีที่ดี. พระยะโฮวาพระเจ้าไม่ได้ใช้วิธีนี้เพื่อทำให้มนุษย์เชื่อฟังพระองค์ และคุณที่เป็นพ่อแม่ก็ไม่ควรใช้วิธีนี้. (พระบัญญัติ 30:19) ดังนั้น คุณจะสามารถ ช่วยลูกวัยรุ่นให้ตัดสินใจในเรื่องศีลธรรมทางเพศอย่างถูกต้องได้โดยวิธีใด?—สุภาษิต 27:11
วิธีง่าย ๆ คือคุณต้องพูดคุยกับลูกเป็นประจำโดยเริ่มตั้งแต่เขายังอายุน้อย.b (สุภาษิต 22:6) และเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น คุณก็ต้องคุยกับลูกต่อ ๆ ไป. ในฐานะพ่อแม่คุณควรเป็นแหล่งข้อมูลที่ลูกจะไว้วางใจได้มากที่สุด. อะลิเซียเด็กสาวในอังกฤษกล่าวว่า “คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าจะคุยเรื่องเพศก็คุยกับเพื่อนดีกว่า แต่นั่นไม่เป็นความจริง. เรารู้สึกขอบคุณมากถ้าข้อมูลที่ได้รับมาจากพ่อแม่ของเรา. เราเชื่อว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็นประโยชน์กับเราจริง ๆ.”
จำเป็นต้องมีค่านิยมที่ดี
เมื่อลูกโตขึ้น เขาจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องเพศมากขึ้นไม่ใช่แค่รู้ว่าเด็กเกิดมาได้อย่างไร. พวกเขาควร “ได้ฝึกใช้วิจารณญาณเพื่อจะแยกออกว่าอะไรถูกอะไรผิด.” (ฮีบรู 5:14) พูดง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาจำเป็นต้องมีค่านิยมทางศีลธรรมที่ถูกต้องในเรื่องเพศและยึดมั่นกับค่านิยมนั้นอย่างจริงจัง. คุณจะปลูกฝังค่านิยมที่ดีให้กับลูกวัยรุ่นได้อย่างไร?
ก่อนอื่น คุณต้องพิจารณาว่าคุณเองมีค่านิยมอย่างไร. ตัวอย่างเช่น คุณอาจเชื่อมั่นว่าการผิดประเวณี ซึ่งหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างคนที่ไม่ได้สมรสกันเป็นเรื่องที่ผิด. (1 เทสซาโลนิเก 4:3) ลูกของคุณก็คงรู้ว่าคุณมีจุดยืนเช่นนั้น และพวกเขาอาจถึงกับยกข้อความจากพระคัมภีร์ที่คุณยึดถือขึ้นมากล่าวได้ด้วยซ้ำ. ถ้ามีใครถาม ลูกก็อาจตอบได้ทันทีว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสเป็นเรื่องที่ผิด.
แต่นั่นก็ยังไม่พอ. หนังสือมีเซ็กซ์อย่างฉลาด (ภาษาอังกฤษ) ให้ข้อสังเกตว่า วัยรุ่นบางคนอาจบอกว่าเขาเห็นด้วยกับจุดยืนของพ่อแม่ในเรื่องเพศ. หนังสือนั้นกล่าวว่า “พวกเขาไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะบอกว่าตัวเองคิดอย่างไร. เมื่อพวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือต้องตัดสินใจอย่างกะทันหันว่า ‘ฉันจะทำอะไรได้แค่ไหน’ พวกเขารู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก.” นี่แหละคือเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมให้กับลูก. คุณจะช่วยลูกให้มีค่านิยมเหล่านั้นได้อย่างไร?
บอกให้ลูกรู้ว่าคุณมีค่านิยมเช่นไร.
คุณเชื่อไหมว่าคนที่สมรสแล้วเท่านั้นมีสิทธิ์มีเพศสัมพันธ์ได้? ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้นก็จงบอกลูกให้ชัดเจนและพูดบ่อย ๆ. ตามที่กล่าวในหนังสือ Beyond the Big Talk ผลการวิจัยเผยว่า “ในครอบครัวที่พ่อแม่บอกลูกวัยรุ่นอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการที่วัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์กัน เด็ก ๆ ในครอบครัวเหล่านี้มักจะมีเพศสัมพันธ์ช้ากว่า.”
เป็นความจริงที่ว่า การที่คุณเพียงแต่บอกให้ลูกรู้ว่าคุณมีค่านิยมเช่นไรไม่ได้รับประกันว่าลูกจะเลือกประพฤติตามค่านิยมนั้น. แต่การกำหนดค่านิยมที่ชัดเจนสำหรับครอบครัวจะช่วยลูกให้พัฒนาค่านิยมที่ดีสำหรับตัวเขาเอง. ผลการศึกษาวิจัยแสดงว่าในที่สุดเด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยจะรับเอาค่านิยมของพ่อแม่ แม้ว่าในช่วงวัยรุ่นอาจดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ใส่ใจกับค่านิยมเหล่านั้นเท่าไรนัก.
ลองวิธีนี้: ยกเหตุการณ์ที่ได้ยินในรายงานข่าวมาพูดคุยกับลูกและบอกให้เขารู้ว่าคุณมีค่านิยมอย่างไร. ตัวอย่างเช่น เมื่อมีข่าวอาชญากรรมทางเพศ คุณอาจพูดว่า “แม่ตกใจมากที่เห็นผู้ชายบางคนเอาเปรียบและทำร้ายผู้หญิง. ลูกคิดว่าเขาไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน?”
สอนความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องเพศ.
การเตือนสอนเป็นสิ่งจำเป็น. (1 โครินท์ 6:18; ยาโกโบ 1:14, 15) อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้เน้นว่าเรื่องเพศเป็นกับดักของซาตาน แต่บอกว่าเป็นของประทานจากพระเจ้า. (สุภาษิต 5:18, 19; เพลงไพเราะ 1:2) ถ้าคุณเอาแต่ บอกลูกวัยรุ่นเกี่ยวกับอันตรายต่าง ๆ ในเรื่องเพศ คุณก็อาจทำให้เขามีทัศนะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์. หญิงสาวคนหนึ่งในฝรั่งเศสชื่อคอร์รีนาบอกว่า “พ่อแม่ของฉันเน้นแต่เรื่องการทำผิดศีลธรรมทางเพศจนฉันมองเรื่องนี้ในแง่ลบไปหมด.”
ที่สำคัญคือคุณต้องบอกให้ลูกรู้ความจริงทุกด้านเกี่ยวกับเรื่องเพศ. นาเดีย แม่คนหนึ่งในเม็กซิโกบอกว่า “ฉันพยายามอธิบายให้ลูกวัยรุ่นเข้าใจเสมอว่าเรื่องเพศเป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นเรื่องธรรมชาติ. ฉันบอกลูกว่าพระยะโฮวาพระเจ้าจัดเตรียมเรื่องนี้ให้มนุษย์เพื่อพวกเขาจะมีความสุข แต่ความสุขทางเพศจะมีได้ก็เฉพาะในสายสมรสเท่านั้น. เรื่องเพศจะกลายเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประพฤติตัวอย่างไร.”
ลองวิธีนี้: คราวหน้าเมื่อคุณคุยกับลูกวัยรุ่นเรื่องเพศ ให้จบการสนทนาโดยพูดเรื่องนั้นในแง่ดี. อย่ากลัวที่จะบอกลูกว่าเรื่องเพศเป็นของประทานที่ดีเยี่ยมจากพระเจ้าและลูกจะมีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ถ้าเขาคิดจะแต่งงานในอนาคต. บอกให้ลูกรู้ว่าคุณมั่นใจว่าเขาจะยึดมั่นอยู่กับมาตรฐานของพระเจ้าจนกว่าจะถึงเวลานั้น.
สอนลูกให้รู้จักประเมินผลได้ผลเสีย.
เพื่อจะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างถูกต้อง วัยรุ่นจำเป็นต้องรู้ว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้างและรู้จักประเมินทางเลือกแต่ละอย่าง. อย่าคิดว่าแค่สอนลูกให้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดก็พอแล้ว. เอมมา คริสเตียนคนหนึ่งในออสเตรเลียบอกว่า “เมื่อคิดถึงข้อผิดพลาดที่ฉันเคยทำตอนเป็นวัยรุ่น ฉันบอกได้เลยว่าการรู้จักมาตรฐานของพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำตามมาตรฐานนั้น. คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่ามาตรฐานของพระเจ้าเป็นประโยชน์อย่างไรและถ้าคุณละเมิดมาตรฐานเหล่านั้นจะได้รับผลเช่นไร.”
คัมภีร์ไบเบิลช่วยคุณได้ เพราะกฎหมายหลายข้อในพระคัมภีร์ไม่ได้เป็นเพียงคำสั่งแต่ยังบอกด้วยว่าการละเมิดกฎหมายนั้นจะก่อผลเสียหายอย่างไร. ตัวอย่างเช่น สุภาษิต 5:8, 9 (ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย ) เตือนคนหนุ่มให้หลีกหนีจากการผิดประเวณีและบอกเพิ่มเติมว่า “เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น.” จริงดังข้อคัมภีร์นี้ คนที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสทำให้ตัวเองสูญเสียภาพลักษณ์ของการเป็นคนมีศีลธรรมไป, เขาไม่ได้ยึดมั่นกับค่านิยมทางศีลธรรมของตน, และสูญเสียความนับถือตัวเอง. นอกจากนั้น คนที่ยึดมั่นกับหลักศีลธรรมอันดีงามก็อาจไม่เลือกเขามาเป็นคู่ครอง. ถ้าคุณช่วยให้ลูกคิดถึงผลเสียของการละเมิดกฎหมายของพระเจ้าทั้งด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ และผลกระทบต่อสัมพันธภาพที่มีกับพระเจ้า ลูกวัยรุ่นก็จะมีความตั้งใจแน่วแน่มากยิ่งขึ้นที่จะดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระเจ้า.c
ลองวิธีนี้: ใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อช่วยลูกวัยรุ่นให้มองเห็นว่าการทำตามมาตรฐานของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ฉลาดสุขุม. ตัวอย่างเช่น คุณอาจพูดว่า “ไฟกองเล็ก ๆ ที่ก่อขึ้นในค่ายพักแรมมีประโยชน์ ส่วนไฟป่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่เรา. ลูกคิดว่าไฟกองเล็กกับไฟป่าต่างกันอย่างไร และตัวอย่างนี้ช่วยให้ลูกเข้าใจเหตุผลที่พระเจ้ากำหนดขอบเขตในเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างไร?” ลองใช้เรื่องราวในสุภาษิต 5:3-14 เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจผลเสียหายที่ร้ายแรงของการผิดประเวณี.
ทากาโอะ เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีในญี่ปุ่นบอกว่า “ผมรู้ว่าผมควรทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผมต้องพยายามต่อสู้กับความปรารถนาทางกายอยู่ตลอดเวลา.” คนหนุ่มสาวที่รู้สึกแบบเดียวกันนี้อาจได้รับกำลังใจเมื่อรู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวที่ต้องต่อสู้. แม้แต่อัครสาวกเปาโล คริสเตียนที่เข้มแข็งและซื่อสัตย์ก็ยังยอมรับว่า “เมื่อข้าพเจ้าอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งชั่วก็อยู่ในตัวข้าพเจ้า.”—โรม 7:21
นับว่าดีที่วัยรุ่นจะจำไว้ว่าการต่อสู้เช่นนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป. แต่นั่นทำให้ลูกมีโอกาสคิดว่าเขาอยากเป็นคนแบบไหน และกระตุ้นให้ลูกถามตัวเองว่า ‘ฉันอยากมีชีวิตที่ฉันกำหนดเองและได้ชื่อว่าเป็นคนมีศีลธรรมและยึดมั่นกับค่านิยมทางศีลธรรมนั้น หรือฉันอยากได้ชื่อว่าเป็นคนที่ชอบทำตามคนอื่นและเป็นคนอ่อนแอที่มักพ่ายแพ้ต่อความปรารถนาของตัวเอง?’ การมีค่านิยมทางศีลธรรมที่ดีจะช่วยลูกวัยรุ่นของคุณให้ตอบคำถามนี้ได้อย่างถูกต้อง.
a บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ.
b สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเริ่มพูดคุยกับลูกวัยรุ่นเรื่องเพศและวิธีให้ข้อมูลที่เหมาะกับวัยของลูก โปรดดูหอสังเกตการณ์ 1 พฤศจิกายน 2010 หน้า 12-14.
c สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดูบทความ “หนุ่มสาวถามว่า . . . เพศสัมพันธ์จะส่งเสริมสายสัมพันธ์ของเราให้ดีขึ้นไหม?” ในวารสารตื่นเถิด! ฉบับเมษายน 2010 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
ถามตัวเองว่า . . .
มีอะไรบ้างที่บอกให้ฉันรู้ว่าลูกวัยรุ่นมีค่านิยมทางศีลธรรมที่เข้มแข็ง?
เมื่อพูดคุยกับลูกวัยรุ่น ฉันเน้นว่าเรื่องเพศเป็นของประทานจากพระเจ้าหรือเป็นกับดักของซาตาน?