บท 6
ปัญหาเรื่องเงิน—อะไรช่วยได้?
“การเลี้ยงทำให้คุณมีความสุข และเหล้าองุ่นทำให้คุณชื่นบาน แต่คุณจะมีทั้งสองอย่างไม่ได้ถ้าปราศจากเงิน.”—ท่านผู้ประกาศ 10:19 กูด นิวส์ ไบเบิล.
2 ผู้คนกังวลเรื่องเงินในทุกประเทศ. เหตุผลประการหนึ่งได้แก่เงินเฟ้อ. ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่ละวัน. ผู้คนจำนวนมากไม่มีเงินซื้ออาหารที่จำเป็นเสียด้วยซ้ำ. ผู้ชายที่ต้องทำงานสองอย่างควบกันมีจำนวนมากขึ้น และพวกแม่บ้านจำนวนไม่น้อยต้องทำงานนอกบ้าน. ครอบครัวรับความเสียหาย. สุขภาพทรุดโทรม. ปัญหาการเงินจะหนักมือยิ่งขึ้นเป็นธรรมดา เมื่อมีการซื้อเงินเชื่อ. โดยอาศัยเงินเชื่อ หลายคนซึ่งมีหนี้สินท่วมตัวก็ยังคงซื้อของซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย. เรื่องนี้เป็นความจริงไม่เฉพาะในประเทศที่เจริญแล้วเท่านั้น แต่ก็เป็นเช่นเดียวกันในดินแดนที่ผู้คนมีรายได้น้อย.
3 คัมภีร์ไบเบิลให้คำแนะนำอะไรที่ช่วยได้จริง ๆ? พระคัมภีร์จะช่วยคุณหางานได้หรือไม่ตกงานไหม? พระคัมภีร์จะช่วยครอบครัวของคุณคลายความกังวลใจในด้านการเงินและทำให้ชีวิตเป็นสุขมากขึ้นได้ไหม?
ความซื่อสัตย์และความขยันขันแข็งช่วยได้ไหม?
4 “คนขยันไม่รับผลตอบแทนอย่างสมควร. คุณเห็นด้วยไหม?” จากการสำรวจพบว่าร้อยละ 85 เห็นพ้องกับข้อนี้. บ่อยครั้งดูเหมือนว่า ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการโกง การขโมย การติดสินบนและการรู้จักคนมีอิทธิพล. กระนั้น พระคัมภีร์เน้นคุณค่าของความซื่อสัตย์และความขยันหมั่นเพียร. ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์กล่าวว่า:
“คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า.”—เอเฟโซ 4:28, ฉบับแปลใหม่.
“จิตใจของคนเกียจคร้านมักอยากได้แต่ไม่ได้อะไรเลย ส่วนจิตใจของผู้ขยันจะอ้วนท้วน. เจ้าเห็นคนที่ขยันขันแข็งในการงานของเขาหรือ? คนนั้นจะได้เข้ารับราชการของกษัตริย์.”—สุภาษิต 13:4; 22:29.
“จงตั้งเป้าว่า จะอยู่อย่างสงบและทำกิจธุระส่วนของตน และทำการงานด้วยมือของตนเองเหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก และท่านจะไม่ต้องพึ่งอาศัยใครเลย.”—1 เธซะโลนิเก 4:11, 12, ฉบับแปลใหม่.
5 กาลเวลาและประสบการณ์มากมายได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คำแนะนำนี้ใช้การได้. จริง คนเกียจคร้านบางคนก็มีท่าว่า ก้าวหน้าดี. แต่โดยทั่วไปและในระยะยาว หากคุณเอาคำแนะนำในพระคัมภีร์ไปใช้ คุณย่อมทำได้ดีกว่าคนที่เพิกเฉยต่อคำแนะนำนั้น.
6 นายจ้างมักจะบ่นว่า คนทำงานมาสาย เถลไถล แถมสกปรกและไว้ใจไม่ได้. ดังนั้น บุคคลที่ปฏิบัติตามหลักพระคัมภีร์จึงเป็นคนตรงต่อเวลา รอบคอบ สะอาดสะอ้าน วางใจได้และขยัน มักจะได้งานทำ. และเขามักจะหาเงินได้มากขึ้น เพราะบ่อยครั้งนายจ้างเต็มใจจ่ายเป็นค่าผลงานซึ่งเสร็จเรียบร้อยดี. มีรายงานมากมายเกี่ยวด้วยเหตุการณ์ทำนองนี้จากพยานพระยะโฮวา.
7 แต่ปัจจุบันนี้การโกหกและการโกงแทบจะเป็นสิ่งจำเป็นมิใช่หรือ? คริสเตียนผู้ซึ่งไม่ขโมย โกหกหรือฉ้อโกงเนื่องจากเขาปฏิบัติตามหลักคัมภีร์ได้เห็นแล้วว่า คำแนะนำในพระคัมภีร์ใช้ได้ผลดี.
บริษัทหนึ่งในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่กิจการไม่สู้ดี. เหตุผลประการหนึ่งคือลูกจ้างหลายคนเป็นขโมย. วันหนึ่งผู้จัดการเรียกพบพนักงานชาวแอฟริกันพร้อมกันและไล่ทุกคนออกจากงาน. แต่ในวันรุ่งขึ้น ลูกจ้างคนหนึ่งนั่งรถไฟไปทำงานเช่นเคยและได้พบคนงานในบริษัทเดียวกัน. เขาถามว่า ‘เป็นไปได้อย่างไรที่คุณจะไปทำงานอีก?’ ลูกจ้างอีกคนหนึ่งเล่าให้เขาฟังว่า ผู้จัดการคุยกับเขาเป็นส่วนตัวว่า เพราะเขาเป็นคนซื่อตรง เขาจึงอยู่ในกรณียกเว้น. ชายคนแรกก็พูดว่า กรณีของเขาก็เหมือนกัน. เมื่อคนทั้งสองมาถึงที่ทำงาน ก็พบลูกจ้างคนที่สามซึ่งคนนี้ก็ได้รับคำสั่งเป็นส่วนตัวให้มาทำงานตามปกติเช่นกัน. ทุกคนล้วนเป็นคริสเตียนแท้.
โรเบิร์ตทำงานในบริษัทรับสร้างถนนในอังกฤษ. วันหนึ่งผู้อำนวยการสั่งไว้ว่า ถ้ามีโทรศัพท์เข้ามา โรเบิร์ตจะต้องบอกว่าเขาไม่อยู่. ครั้นโรเบิร์ตเป็นคนรับสายจริง ๆ เขาตอบคนที่โทรศัพท์เข้ามาว่า ผู้อำนวยการไม่ว่าง. ผู้อำนวยการจึงต่อว่าเขา. แต่เรื่องได้ยุติลงเมื่อโรเบิร์ตชี้แจงว่า ตนเป็นพยานพระยะโฮวา ตนจะพูดโกหกไม่ได้. (เอเฟโซ 4:25) ต่อมา เมื่อโรเบิร์ตอยู่ในข่ายที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง คนหนึ่งในทีมงานซึ่งเป็นคนโลภพยายามตั้งข้อสงสัยในเรื่องความซื่อสัตย์ของโรเบิร์ต. แต่ผู้อำนวยการได้กล่าวชมความซื่อสัตย์ของเขา. เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่ง.
8 เป็นไปได้ไหมที่คุณจะทำด้วยความสุจริต หากคุณดำเนินธุรกิจของคุณเอง? ในบางกรณี การเป็นคนสุจริตอาจดูเหมือนว่าไม่มีผลดี. แต่ถึงอย่างไรความซื่อสัตย์ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุด. ความซื่อสัตย์ทำให้คุณมีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาดกับพระเจ้าและมีใจสงบ. ยิ่งกว่านั้น หลายคนชอบติดต่อทำธุรกิจกับบุคคลประเภทที่เขาเห็นว่าจะไม่คิดโกง. ดังคำกล่าวในคัมภีร์ที่ว่า “ท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก.”
การช่วยในด้านที่อยู่อาศัย
9 การจะมีที่อยู่อาศัยที่ดีพอควรเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง. ในบางประเทศ คนทั้งครอบครัวจำใจต้องอยู่รวมกันในห้องเดียว. หรือการจะหาเช่าบ้านที่สะอาดน่าอยู่ในราคาที่พอจะสู้ได้ก็อาจเป็นปัญหา. พระคัมภีร์จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ไหม?
10 เมื่อคุณเช่า (หรือเซ้ง) บ้าน คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับทรัพย์สินของคนอื่น. เป็นเรื่องที่น่าคิดทีเดียวที่พระเจ้าทรงเตือนชาติยิศราเอลให้นับถือและเอาใจใส่ทรัพย์สินของผู้อื่น. (พระบัญญัติ 22:1-4) นอกจากนั้น พระองค์ทรงสนับสนุนเรื่องการรักษาความสะอาด. (พระบัญญัติ 23:12-14; เอ็กโซโด 30:18-21) เพราะฉะนั้น คริสเตียนที่มีจิตสำนึกย่อมพยายามหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และบ้านที่เขาเช่าอยู่เขาจะดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ. ด้วยเหตุผลนี้ และเพราะเหตุที่เขา ‘ดำเนินชีวิตอย่างสงบ’ เขาจึงเป็นผู้เช่าที่หลายคนพอใจจะให้เช่า และเขาหาบ้านเช่าได้ง่ายกว่าคนทั่วไป.
คริสเตียนครอบครัวหนึ่งได้เช่าบ้านจากอดีตนายกเทศมนตรีเมืองหลวงแห่งหนึ่งในแอฟริกา. ครอบครัวนั้นดูแลรักษาบ้านของเขาให้สะอาดอยู่เสมอและจ่ายค่าเช่าตรงเวลา. (โรม 13:8) เมื่อพวกเขากำลังจะย้ายออกไป เขาได้แนะนำเจ้าของบ้านให้รู้จักครอบครัวหนึ่งจากประชาคม. เจ้าของบ้านได้พูดว่า ปกติแล้วค่าเช่า “จะขึ้น” ซึ่งหมายถึงแพงขึ้นเป็นสองเท่า. แต่เนื่องจากผู้ให้เช่ารู้ว่าคริสเตียนเหล่านี้เชื่อใจได้ เป็นคนสะอาดสะอ้าน เขาจึงคิดค่าเช่าตามราคาเดิม ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าบ้านขนาดพอ ๆ กันในละแวกนั้นครึ่งหนึ่ง.
11 แม้แต่เมื่อสภาพแวดล้อมที่เกินการควบคุมของคนเรากีดกันเขาไว้จากการหาบ้านที่ดีกว่า เขาก็ยังได้ประโยชน์. เขาจะดูแลบ้านให้สะอาดเรียบร้อย. ข้อนี้เองที่เสริมสร้างสุขภาพให้ดีขึ้น และชีวิตเป็นสุขมากขึ้น.
การใช้เงินของคุณอย่างสุขุม
12 กษัตริย์ซะโลโมผู้มั่งคั่งได้เขียนว่า “สติปัญญาเป็นเครื่องป้องกันฉันใด เงินก็เป็นเครื่องป้องกันฉันนั้น แต่ความประเสริฐซึ่งมีอยู่ในความรู้นั้นคือมีปัญญารู้รักษาชีวิตของเจ้าของความรู้นั้นให้รอด.”—ท่านผู้ประกาศ 7:12.
13 ซะโลโมทรงตระหนักดี ดังที่พวกเราต้องตระหนักเหมือนกันว่า เงินป้องกันเราไว้จากความยุ่งยากต่าง ๆ ซึ่งความยากจนอาจนำมาได้. ดังนั้นจึงไม่ควรใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ควรใช้เงินอย่างฉลาดสุขุม. พระคัมภีร์มีคำแนะนำอะไรซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับเราในเรื่องการใช้จ่ายเงิน?
14 พระเยซูตรัสว่า “ในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างป้อม แล้วจะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่? เกรงว่า เมื่อลงรากแล้ว และกระทำให้สำเร็จไม่ได้ คนทั้งปวงที่เห็นจะเยาะเย้ยเขา.”—ลูกา 14:28-30.
15 ข้อนี้จะนำมาใช้กับการเงินของครอบครัวได้. คู่สมรสหลายรายพบว่า เป็นการดีที่จะนั่งลงคำนวณรายรับรายจ่ายด้วยอารมณ์เย็น ๆ เพื่อจะรู้ว่า การซื้อของใหญ่ราคาสูงนั้นเป็นไปได้และฉลาดสุขุมหรือไม่. เขาได้รับความช่วยเหลือขั้นต่อไปจากข้อเตือนใจในพระคัมภีร์ที่ว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดย่อมเกิดขึ้นได้. (ท่านผู้ประกาศ 9:11) ทั้งนี้ได้ช่วยเขาให้หลีกเลี่ยงการซื้อของด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่น และเลี่ยงการเป็นหนี้ระยะยาว.
16 นอกจากนี้ จงสังเกตข้อความต่อไปนี้ที่แสดงการหยั่งเห็นว่า “คนมักยืมก็เป็นบ่าวทาสแก่ผู้ให้ยืม.” (สุภาษิต 22:7) แม้พระคัมภีร์ไม่ห้ามเรื่องการยืมหรือการให้ยืม แต่ก็เตือนใจให้เรารู้ตัวว่า การยืมโดยไม่จำเป็นอาจทำให้คนเราตกเป็นทาสของธนาคารหรือผู้ให้ยืม. คนฉลาดจำใส่ใจอยู่เสมอว่า สมัยนี้คนจำนวนมากจริง ๆ ถูกล่อใจให้ซื้อเงินเชื่อเงินผ่อน แต่แล้วก็หนีหนี้ไม่พ้นด้วยการจ่ายดอกเบี้ยแพง ๆ.
17 คัมภีร์ไบเบิลเคยช่วยหลายครอบครัวลดปัญหาด้านการเงินได้โดยการตัดทอนความสิ้นเปลืองลง. พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่ดีไว้. หลังจากพระองค์จัดเลี้ยงอาหารแก่ฝูงชนกลุ่มใหญ่แล้ว พระองค์ทรงสั่งให้รวบรวมอาหารที่ยังเหลืออยู่. (โยฮัน 6:10-13) โดยการปฏิบัติตามตัวอย่างดังกล่าว คริสเตียนทั้งหลายไม่ว่าคนแก่คนหนุ่มจะสำนึกมากขึ้นในเรื่องการหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลือง.
18 การเรียนรู้ที่จะใช้คำแนะนำจากพระคัมภีร์ในเรื่องเงินนั้นอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติไม่น้อยทีเดียว แต่ผลที่ได้รับนั้นจะเป็นประโยชน์ ดังเรื่องต่อไปนี้แสดงให้เห็น:
หลังจากแต่งงานแล้วไม่นาน สามีภรรยาคู่หนึ่งในซิมบับเวเริ่มมีปัญหาทางการเงิน. สามีได้เงินค่าจ้างต่ำ ภรรยาต้องการซื้อของใหม่หลายอย่างและอาหารพิเศษ. เธอเริ่มออกไปทำงานนอกบ้าน แต่ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรมาก. ชีวิตสมรสของเขาเริ่มตึงเครียดอย่างหนักจนเป็นปัญหาว่า เขาทั้งสองจะอยู่ร่วมกันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่. คริสเตียนผู้ปกครองบางคนเสนอการช่วยเหลือ. พวกเขาได้ใช้พระคัมภีร์เป็นหลักในการพิจารณาความสำคัญที่พึงทำงบประมาณรายรับรายจ่าย. (ลูกา 14:28-30) คู่สมรสเห็นประโยชน์ของการเตรียมรายการซื้อของพร้อมด้วยราคาที่กะประมาณไว้ และการซื้ออาหารสำหรับทั้งสัปดาห์ซึ่งเป็นการทุ่นเงินได้มากพอควร. (สุภาษิต 31:14) ผู้ปกครองได้ให้คำแนะนำจากพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงความอิ่มใจพอใจและความจำเป็นที่พึงงดสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือยดังใจปรารถนาซึ่งเขาไม่อาจมีกำลังซื้อหาได้ตอนนั้น. (ลูกา 12:22-31) คำแนะนำตามหลักพระคัมภีร์เป็นประโยชน์อะไรเช่นนั้น! เมื่อปัญหาเรื่องเงินได้น้อยลงแล้ว คู่สมรสก็มีความสุขมากขึ้น. แม้แต่เพื่อนบ้านก็ชมเชยชีวิตสมรสของเขาทั้งสองที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น.
19 คนเหล่านั้นที่มีรายได้ตายตัวก็ได้รับประโยชน์จากคำแนะนำที่ใช้การได้ของคัมภีร์ไบเบิลเช่นกัน. เรื่องนี้เป็นจริงกับคู่สมรสคู่หนึ่งซึ่งเกษียณแล้วในสเปน:
ฟรานซิสโกกับมาเรียมีรายได้น้อยอยู่ในวงจำกัดไม่พอใช้. กระนั้น คนทั้งสองอธิบายว่า เขาไม่เดือดร้อนเนื่องจากเขาปฏิบัติตามที่ได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์. ตัวอย่างเช่น สุภาษิต 6:6-8 กล่าวว่า ‘ไปดูมดซิ. ดูวิธีการของมัน และจงฉลาด. มันเตรียมอาหารแม้แต่ในฤดูฝน มันได้รวบรวมเสบียงไว้ในฤดูเก็บเกี่ยว.’ มาเรียกล่าวว่าเธอเรียนรู้ที่จะทำอย่างนี้ คือซื้อของในช่วงที่มีดื่นดาษราคาจะถูก เช่น ผลไม้ที่ออกตามฤดู. สำหรับเสื้อผ้าที่จะใช้ปีต่อไป เธอจะคอยกระทั่งถึงคราวขายรุสต๊อกจึงค่อยซื้อ. เขาทั้งสอง ‘รวบรวมเสบียงไว้ในฤดูเก็บเกี่ยว’ โดยทำการเพาะปลูกในสวนบนเนื้อที่ดินผืนเล็ก ๆ ห่างจากบ้านใช้เวลาเดิน 45 นาที. อนึ่งคำกล่าวใน 1 โยฮัน 2:16 ก็ช่วยได้. เขาเรียนรู้ที่จะพอใจกับเครื่องเรือนแม้ว่ามันดูล้าสมัยก็ตาม. และแทนที่จะหาความบันเทิงที่ต้องใช้เงินมาก เขาทั้งสองได้รับความเพลิดเพลินด้วยการช่วยคนอื่นเรียนเรื่องพระเจ้า.
หลีกเลี่ยงการใช้เงินเปลืองโดยใช่เหตุ
20 การปล่อยตัวไปกับกิจปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การใช้ยาเสพย์ติดหรือแอลกอฮอล์ในทางผิด การสูบบุหรี่และการพนันย่อมดูดเงินไปจากกระเป๋าได้. ในเรื่องนี้พระคัมภีร์ช่วยได้เช่นกัน.a
21 ให้เราพิจารณาเรื่องสุรา. พระคัมภีร์ไม่ห้ามการใช้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างพอประมาณ. แต่พระคัมภีร์ให้คำแนะนำดังนี้:
“คนที่มีใจรักแต่การสนุกสนานคงจนไป และคนที่รักแต่เหล้าองุ่นและน้ำมันหอมจะมั่งมีก็หามิได้.”
“อย่ามั่วสุมกับนักเสพเหล้าองุ่น . . . ด้วยว่าคนขี้เมาและคนกินเติบคงจะมาถึงการยากจน และการเซื่องซึมนั้นจะเป็นเหตุให้ตัวนุ่งห่มผ้าขี้ริ้ว.”—สุภาษิต 21:17; 23:20, 21.
22 คนที่ดื่มจัดย่อมสิ้นเปลืองเงินไปกับหลาย ๆ อย่าง. เฉพาะเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ก็มีราคาแพงอยู่แล้ว บางคนใช้เงินครึ่งหนึ่งของค่าจ้างประจำสัปดาห์ของตนไปกับสุรา. ที่จังหวัดควิเบ็ค ประเทศแคนาดา มีการใช้จ่ายเงินซื้อสุราแต่ละปีกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์. อีกหนึ่งพันล้านหมดไปกับสิ่งอื่น ๆ ที่พัวพันกับเรื่องการดื่มจัด—เช่น การขาดงานและอุบัติเหตุอันมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา.
ที่ประเทศชิลีตอนใต้ ชายผู้หนึ่งเป็นคนขายรองเท้าตกงานเพราะเมาเหล้า. แล้วเขาจึงตั้งเพิงติดบ้านโทรม ๆ ซึ่งเขาเช่าอยู่กับครอบครัวแล้วรับซ่อมรองเท้า. กระนั้น เงินส่วนใหญ่ที่หามาได้ก็หมดไปกับเหล้า และภรรยาเองต้องไปรับเขาออกจากคุกบ่อย ๆ. นอกจากนั้น เธอต้องทำงานอยู่ดึกด้วยการทำผมปลอมเพื่อได้เงินเป็นค่าอาหาร. แต่เธอได้เริ่มศึกษาพระคัมภีร์กับพยานพระยะโฮวา ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เธอประพฤติตนเป็นภรรยาที่มีความเข้าใจและเป็นคนเกื้อหนุนที่ดีกว่าเดิม. ทั้งนี้ทำให้สามีของเธอเข้ามานั่งร่วมศึกษาด้วย. เขาได้เรียนรู้ว่า คนขี้เมาจะเป็นคริสเตียนไม่ได้. ดังนั้น เขาเลิกดื่ม. แล้วครอบครัวก็กินดีอยู่ดีกว่าแต่ก่อน. ไม่นานเท่าไรเขาก็สามารถซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งพร้อมกับเปิดร้านซ่อมรองเท้าซึ่งก็ทำให้เขามีรายได้ดี.
23 จะว่าอย่างไรเรื่องการเสี่ยงโชค ไม่ว่าจะเป็นการเล่นพนันม้าแข่ง หรือเล่นพนันที่บ่อน หรือการเสี่ยงโชคซื้อล็อตเตอรีเป็นประจำ? หลายคนมีปัญหาเรื่องเงินเนื่องจากเขาติดใจการเสี่ยงโชค. พวกเขาหวังเสมอว่า “กวาดเงินพนัน” แต่สิ่งที่เขาทำจริง ๆ นั้นคือการใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์ อันเป็นเหตุให้ครอบครัวได้รับความทุกข์ลำบากอยู่เนือง ๆ.
24 ชายชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเล่าว่า นานหลายปีทีเดียวที่เขา “ติดการพนันงอมแงม. ผมเล่นการพนันอาทิตย์ละเจ็ดวันและจะมากกว่านั้นถ้ามีวันเพิ่มขึ้นอีก.” เขายืมเงินเพื่อนจนกระทั่งเพื่อนพากันหลบหน้าหนี. “บางครั้งถ้าผมเล่นเสีย ผมจะเอาหัวชนฝาและอ้อนวอนขอเงินภรรยา และพูดว่า ‘ขอแค่ 50 เซนต์ เถอะน่า. ผมรู้ว่า ผมจะได้กำไรคืน.’”
25 ครั้นเขาได้เริ่มศึกษาพระคัมภีร์ เขาประทับใจกับคำแนะนำของพระเยซูที่ว่า “จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทั่วไป.” (ลูกา 12:15; 1 โกรินโธ 6:9, 10) ด้วยการสรุปว่า การที่เขาเล่นพนันแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนมักโลภจริง ๆ ชายผู้นี้บังคับตัวเองไม่เล่นพนันอีกต่อไป. ครั้นแล้วเขาสามารถจะใช้เงินเดือนเป็นประโยชน์แก่ครอบครัว เขาจึงได้มาหยั่งรู้ค่าพระธรรมสุภาษิตอย่างเต็มที่ที่กล่าวว่า “ทรัพย์สมบัติที่ได้มาเปล่า ๆ [“จากการเล่นพนัน” ลิฟวิง ไบเบิล ] จะร่อยหรอหมดไป แต่บุคคลผู้สะสมไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจะมีมากขึ้น.”—สุภาษิต 13:11.
ข้อสำคัญคือความพอใจ
26 พูดถึงเรื่องเงิน ขอบเขตซึ่งพระคัมภีร์ให้การช่วยเหลือได้มากที่สุดนั้น เกี่ยวข้องกับแง่คิดส่วนตัวของเรา. เราอ่านใน 1 ติโมเธียว 6:7-10 ดังนี้:
เราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น. แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด. ส่วนคนเหล่านั้นที่อยากร่ำรวย ก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวนและติดบ่วงแร้ว และในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว. . . . และเพราะความโลภนี้แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์.”—ฉบับแปลใหม่.
27 ถึงจะจนหรือรวย คนที่รักเงินไม่เคยมีความพอใจ. ที่แคลิฟอร์เนีย นักบริหารธุรกิจคนหนึ่งซึ่งทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ บอกภรรยาว่า “ผมอยากรวย . . . และถ้าจะให้ผมเลือกเอาระหว่างคุณกับ [บริษัท] ผมต้องเลือกบริษัท.” เขาก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทใหญ่ เป็นมหาเศรษฐี และมีคฤหาสน์ราคา 18 ล้านบาท. กระนั้น เขากล่าวว่า “อะไรก็ตามที่ผมมีอยู่แล้วนั้น ไม่พอ.” ข้อเท็จจริงคือว่า เงินไม่ค้ำประกันความสุข. สองปีก่อนเขาตาย เจ. พี. เก็ตตี้มหาเศรษฐีน้ำมันได้กล่าวว่า “เงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับความสุข. อาจจะเกี่ยวข้องกับความทุกข์.”
28 ถึงแม้คัมภีร์ไบเบิลมิได้ตำหนิการมีเงินหรือทรัพย์สมบัติ แต่ก็ให้คำเตือนอย่างแข็งขันให้ระวังการเพาะความคิดให้รักเงินและทรัพย์สมบัติ. พระคัมภีร์เตือนเราว่า ชีวิตมิได้มาจากสิ่งของที่เรามีอยู่.—ลูกา 12:16-20.
29 ดังนั้น แทนที่จะให้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยความกระวนกระวายโดยการพยายามบากบั่นเพื่อได้ความมั่งคั่ง จงอิ่มใจกับสิ่งที่คุณมีอยู่หรือสิ่งซึ่งคุณพอจะหามาได้. คำตรัสของพระเยซูที่ลูกา 12:22-31 จะช่วยเราให้มีทัศนะเช่นนั้นได้:
“อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกินและอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม. เพราะว่าชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม. จงพิจารณาดูอีกา มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้มียุ้งหรือฉาง แต่พระเจ้ายังทรงเลี้ยงมันไว้ ท่านทั้งหลายประเสริฐกว่านกมากทีเดียว? . . . ท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรหรือจะดื่มอะไรและอย่ามีใจกังวล เพราะว่าพวกต่างชาติทั่วโลกแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านทั้งหลายทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งเหล่านี้.”—ฉบับแปลใหม่.
30 เสื้อผ้าราคาแพง อาหารดีและบ้านโอ่โถงหรูหราอาจให้ความเพลิดเพลินได้บ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่ยืดชีวิตให้คุณ—มันอาจบั่นทอนชีวิตของคุณ. กระนั้น คุณสามารถจะหาความสุขมากมายให้กับชีวิตได้โดยไม่จำเป็นต้องร่ำรวย.
31 อนึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์มากเพื่อจะมีเพื่อน. คนที่ใช้เงินล่อเพื่อจะมีเพื่อนนับว่าเขาคิดผิด. “เพื่อน” ชนิดนั้นเป็นเพื่อนกิน แต่เมื่อเงินของคุณหมด เพื่อนกินเหล่านั้นจะหายหน้าไปหมด.—ท่านผู้ประกาศ 5:11; สุภาษิต 19:6.
32 แต่เมื่อคุณยอมรับทัศนะที่มีเหตุมีผลของพระคัมภีร์ในเรื่องงาน ความชื่นชมยินดีในชีวิต และกระทำการดีสำหรับคนอื่น คุณก็จะมี “ของประทานของพระเจ้า.” คำแนะนำในพระธรรมท่านผู้ประกาศ 3:12, 13, กล่าวว่า “ไม่มีอะไรสำหรับเขาที่จะดีไปกว่าทำให้ใจชื่นชมยินดีและกระทำดีตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่. มนุษย์ควรจะได้กินและดื่มกับชื่นชมความดีความงามในบรรดาการงานของเขา. นั่นแหละเป็นของประทานของพระเจ้า.”
33 คำแนะนำของพระเจ้าในเรื่องเหล่านี้นับว่าเลิศประเสริฐยิ่ง กระทั่งบางคนอาจสงสัยว่า จะมีไหมที่ว่า สักวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงดำเนินการเพื่อยุติความยากจนข้นแค้น ทุโภชนาการ และสภาพบ้านอยู่อาศัยไม่เหมาะ ซึ่งก็มักจะเนื่องจากปัญหาเรื่องเงิน? พระองค์จะทรงจัดการแน่! และภายหลังเราจะพิจารณาหลักฐานเพื่อความมั่นใจของเรา. แต่ก่อนอื่นให้เราพิจารณาปัญหาอื่น ๆ บางประการที่กระทบกระเทือนชีวิตของประชาชนในขณะนี้อย่างมาก.
[เชิงอรรถ]
a ดูบท 10 “สุขภาพดีขึ้นและชีวิตยืนนาน—โดยวิธีใด?” ด้วย.
[หัวข้อเพื่อการพิจารณา]
เหตุใดจึงมีความจำเป็นที่จะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องเงิน? (1-3)
คัมภีร์ไบเบิลให้ทัศนะอะไรที่ต่างกัน และเป็นประโยชน์เกี่ยวกับงาน? (ท่านผู้ประกาศ 8:12, 13) (4-6)
ความซื่อตรงมีคุณค่าเพียงไร? (โรม 2:14, 15) (7, 8)
การนำเอาหลักการของพระคัมภีร์ไปใช้สามารถช่วยในด้านที่อยู่อาศัยได้โดยวิธีใด? (9-11)
มีคำแนะนำอะไรอย่างที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเงิน? (12-16)
บางคนใช้คำแนะนำในพระคัมภีร์ให้เป็นประโยชน์อย่างไร? (17-19)
เหตุใดคำแนะนำจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับการดื่มช่วยได้? (20-22)
การเล่นพนันมีส่วนทำให้เกิดปัญหาอย่างไร? (23-25)
เหตุใดคำแนะนำในพระคัมภีร์เกี่ยวกับความพอใจจึงเป็นประโยชน์? (26, 27)
พระเยซูทรงให้คำแนะนำที่ดีอะไรเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สมบัติ? (28-30)
คำแนะนำในพระคัมภีร์จะช่วยคุณให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร? (31-33)
[กรอบหน้า 56]
แม่ค้าในอเมริกาใต้
ในเมืองจอร์จทาวน์ ประเทศกายอานา นอร์มาวัย 48 ปีเป็นเจ้าของแผงลอยในตลาดใหญ่. เธอโกงตาชั่ง. ถ้าใครขอซื้อปลาเค็มหนัก 4 ขีด เธอจะให้ 3 ขีดและทำแบบนี้เรื่อย ๆ. นอกจากนี้ เครื่องชั่งก็ให้น้ำหนักไม่ถูกต้อง. ดังนั้น ลูกค้าที่ซื้อของจากเธอไม่เคยได้ของครบตามน้ำหนัก.
วันหนึ่งญาติให้ “หอสังเกตการณ์” ฉบับหนึ่งแก่เธอ ซึ่งพูดถึงหลักการของพระคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ. สิ่งที่พูดในฉบับนั้นเรื่องกิจปฏิบัติที่ไม่สุจริตดูเหมือนเป็นการพูดกับเธอโดยตรง. (สุภาษิต 20:23; เลวีติโก 19:35, 36) วันถัดไปนอร์มาจับเครื่องชั่งขี้ฉ้อโยนทิ้งไปแล้วหาเครื่องชั่งที่เที่ยงตรงมาใช้. เธอเริ่มเข้าร่วมประชุมที่หอประชุมแห่งคณะพยานพระยะโฮวาและศึกษาพระคัมภีร์. แม้ครอบครัวพูดเยาะเย้ย เธอยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เธอได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง.
การค้าขายของเธอเป็นอย่างไร? เธอไม่อาจทำกำไรได้ในของบางอย่างโดยไม่โกง ดังนั้นเธอต้องเลิกซื้อขายของพวกนั้น. แต่ลูกค้าเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงกล่าวว่า ‘นับตั้งแต่คุณเข้าศาสนาคริสเตียน คุณขายของให้เราคุ้มกับเงินที่เราจ่ายไป.’ ผลก็คือ ธุรกิจของเธอดีขึ้น. โดยการค้าขายทำกำไรอย่างสุจริต นอร์มาสามารถไถ่บ้านของเธอที่จำนองไว้ มีเงินฝากธนาคาร และสามารถบริจาคเพื่อการกุศลได้. และเธอมีสุขภาพดีขึ้น เพราะเธอไม่รู้สึกปวดหัวด้วยโรคประสาทอย่างแต่ก่อนเมื่อเธอกลัวจะถูกจับได้ว่าโกง.
[กรอบหน้า 64]
“แปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของชาวออสเตรเลียเล่นการพนันไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งในช่วงสามเดือนหลังนี้.”—“เดอะ ซันเดย์ เมล์” (บริสเบน).
“เราพอใจจะเล่นพนันมากกว่ากิน! ชาวควีนสแลนด์ใช้เงินสัปดาห์หนึ่งประมาณ 12 ล้านเหรียญเล่นพนัน—มากเกือบเท่ากับเงินที่เขาใช้เพื่อซื้อของชำและเนื้อ.”—“เดอะ ซันเดย์ เมล์” (บริสเบน).
[รูปภาพหน้า 61]
คำแนะนำในพระคัมภีร์ ช่วยครอบครัวในด้านการใช้จ่าย
[รูปภาพหน้า 65]
หลักการในพระคัมภีร์ในเรื่องการเมาเหล้า การสูบบุหรี่และการเล่นพนันใช้ได้จริง ๆ เพียงไร?