หนุ่มสาวที่มีความสุขอยู่กับงานรับใช้พระยะโฮวา
“แม้เด็ก ๆ ก็แสดงตัวโดยการประพฤติของเขาว่า สิ่งที่เขากระทำจะบริสุทธิ์และถูกต้องหรือไม่.”—สุภาษิต 20:11, ฉบับแปลใหม่.
1. พระคัมภีร์กล่าวถึงจุดเด่นบางประการอะไรบ้างเกี่ยวด้วยซามูเอล?
เด็กน้อยซามูเอลคงจะมีอายุระหว่างสามถึงห้าปีเท่านั้นตอนที่เริ่ม “ปรนนิบัติ” ณ พลับพลาของพระยะโฮวาในเมืองซีโล. หน้าที่หนึ่งที่ต้องทำคือเปิด “ประตูพระวิหารแห่งพระยะโฮวา.” พระคัมภีร์แจ้งว่า “ซามูเอลก็วัฒนาขึ้น ได้มีความชอบต่อพระยะโฮวา และต่อมนุษย์ด้วย.” เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านได้นำชนชาติยิศราเอลกลับมาสู่การนมัสการแท้. ท่านได้ปฏิบัติรับใช้พระเจ้า “ตลอดชีวิตของท่าน” แม้กระทั่งเมื่อท่าน “ชราและผมหงอก” ท่านก็ยังคงกล่าวตักเตือนคนในชาติให้ “เกรงกลัวและปฏิบัติพระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์.” คงจะเป็นสิ่งน่าชื่นชมมิใช่หรือหากคนอื่นจะพูดถึงคุณในด้านดีงามอย่างที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงซามูเอล?—1 ซามูเอล 1:24; 2:18, 26; 3:15; 7:2-4, 15; 12:2, 24.
2. ทุกวันนี้เด็กเล็กทั้งหลายเรียนรู้อะไร ณ การประชุมแห่งประชาชนของพระยะโฮวา?
2 ถ้าคุณเป็นพยานพระยะโฮวาคนหนึ่งหรือคุณเข้าร่วมการประชุมคริสเตียนกับเขา คุณมองไปรอบ ๆ หอประชุมราชอาณาจักรซึ่งมีการศึกษาเรื่องนี้. คุณจะพบเห็นผู้คนวัยต่าง ๆ กัน. บางทีอาจมีคน “ชราและผมหงอก.” นอกจากนี้ มีบิดามารดา หนุ่มสาว เด็กเล็ก กระทั่งทารกที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน. ทารกเหล่านี้เรียนแล้วหรือ? ใช่แล้ว. ขอให้ถามคนเหล่านั้นที่บิดามารดาเขาเคยพามายังการประชุมเมื่อยังเป็นเด็กทารกอยู่. พวกเขาจะตอบคุณตรง ๆ ว่าเขาได้เรียนตั้งแต่เยาว์วัยที่จะเคารพยำเกรงพระเจ้า รู้ที่จะรักประชาชนของพระองค์ และหยั่งรู้ค่าสถานที่สำหรับการนมัสการพระเจ้า. ครั้นเวลาผ่านไป เด็กเล็กเหล่านี้เรียนสัจธรรมต่าง ๆ อันน่าพิศวง. หนุ่มสาวจำนวนมากหลังจากเติบโตขึ้นทางด้านความรู้และความหยั่งรู้ค่าก็ได้กลายเป็น ‘ชายหนุ่มและหญิงสาวพรหมจารี คนแก่กับฝูงเด็ก’ ซึ่งผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกระตุ้นให้ “สรรเสริญพระนามของพระยะโฮวา เพราะมีพระนามของพระองค์แต่พระนามเดียวควรถูกยกย่องสูงสุด.”—บทเพลงสรรเสริญ 148:12, 13.
3. เป็นไปได้อย่างไรที่ว่าหนุ่มสาวซึ่งมีความรู้ด้านคัมภีร์ไบเบิลมองชีวิตต่างไปจากคนที่ไม่รู้มีความรู้นั้น?
3 ถ้าคุณเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวซึ่งบิดามารดาพาคุณมายังการประชุมอย่างสม่ำเสมอ คุณก็ได้รับพระพรเป็นพิเศษ. หนุ่มสาวคนอื่นหลายคนเป็นทุกข์หนักใจเพราะปัญหาต่าง ๆ ของโลก. บางคนอาจกลัวมนุษย์จะทำลายพิภพนี้. คุณรู้อยู่ว่าพระเจ้าจะไม่ให้เป็นเช่นนั้น พระองค์จะไม่ยอมให้มนุษย์ยังความเสียหายแก่พิภพที่งดงามอย่างนี้อยู่เรื่อยไป. แทนที่จะปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น พระคัมภีร์แจ้งว่า พระเจ้าจะทรง “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำร้ายแก่แผ่นดินโลก.” คุณรู้ว่าคำสัญญาในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าอนาคตสดใสในโลกใหม่ที่ชอบธรรมของพระเจ้านั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว.—วิวรณ์ 11:18; บทเพลงสรรเสริญ 37:29; 2 เปโตร 3:13.
ความเชื่อของคุณเอง
4. การรู้จักแนวทางของพระเจ้าทำให้หนุ่มสาวมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร และเด็กน้อยซามูเอลเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้อย่างไร?
4 ทีแรก ทางแห่งความจริงของคริสเตียนอาจเป็นสิ่งที่บิดามารดายึดมั่นอยู่. คุณอาจมายังการประชุมคริสเตียนเพราะบิดามารดาเป็นฝ่ายพาคุณมา และคุณอาจเข้ารวมในงานรับใช้พระเจ้าก็เพราะบิดามารดาทำอย่างนั้น. กระนั้น ครั้นเวลาผ่านไป การรับใช้และการเชื่อฟังพระยะโฮวาอาจกลายเป็นความชื่นชมยินดีของคุณเอง. มารดาของซามูเอลผู้เยาว์ได้เริ่มนำบุตรเข้ามาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่โดยส่วนตัวแล้วซามูเอลต้องปฏิบัติตามทางนั้น. เราอ่านดังนี้: “แม้เด็ก ๆ ก็แสดงตัวโดยการประพฤติของเขาว่า สิ่งที่เขากระทำจะบริสุทธิ์และถูกต้องหรือไม่.”—สุภาษิต 20:11, ฉบับแปลใหม่.
5. (ก) พระคัมภีร์มีประโยชน์มหาศาลอย่างไร? (ข) เปาโลได้บอกอะไรแก่ติโมเธียวเกี่ยวกับความสำคัญแห่งพระคำของพระเจ้าที่มีจารึกไว้?
5 พระคัมภีร์บอกเราถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากเรา อีกทั้งบ่งชี้ชัดเจนถึงวิธีที่เราพึงประพฤติให้ชอบพระทัยพระองค์ ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่เราไว้มากมาย. อัครสาวกเปาโลกำชับติโมเธียวชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ช่วยของท่านดังนี้: “พระคัมภีร์ทุกตอนพระเจ้าได้ทรงประสาทให้ย่อมเป็นประโยชน์สำหรับสั่งสอน สำหรับตักเตือน สำหรับดัดแปลงคนให้ดีขึ้น และสำหรับสอนให้รู้ในความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะได้เป็นผู้รอบคอบ คือเป็นผู้ที่ได้ถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับการดีทุกอย่าง.”—2 ติโมเธียว 3:16, 17.
6. พระธรรมสุภาษิตบอกอะไรในเรื่องความสำคัญของความรู้และสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า?
6 อนึ่ง พระคัมภีร์บอกเราให้ “ฟังคำสั่งสอนและฉลาดขึ้น.” พระคัมภีร์บอกว่าให้ “รักษา” พระบัญญัติของพระเจ้า ให้ “ร้องหาความรู้” และ “เสาะหา” ความเข้าใจเหมือนกับการขุดค้นหาสมบัติมีค่าที่ซ่อนอยู่. ถ้าคุณปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ เมื่อนั้น “เจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยะโฮวา และจะพบความรู้ของพระเจ้า.” นอกจากนั้น เราพบคำแนะนำที่ว่า “ศิษย์ของเราเอ๋ย เพราะฉะนั้นจงฟังเราเถิด เพราะว่าคนทั้งหลายที่ถือรักษาทางทั้งปวงของเราก็เป็นสุข. จงฟังคำสั่งสอนและฉลาดขึ้น อย่าขัดขืนเลย. คนที่ฟังเรา . . . ก็เป็นสุข. เพราะใครที่ได้พบเราก็พบชีวิต และจะได้ความโปรดปรานจากพระยะโฮวา.” คุณประเมินค่าพระคัมภีร์มากถึงขนาดนี้ไหม และบากบั่นพยายามทำดังกล่าวเพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งพระคัมภีร์บอกไว้?—สุภาษิต 2:1-5; 8:32-35.
จงรับเอาความรู้
7. สิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างยิ่งมีอะไรบ้างซึ่งเราควรเรียนรู้?
7 หนุ่มสาวบางคนรู้สถิติด้านกีฬาทุกประเภท หรือเขาสามารถบอกเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวงดนตรีที่เขานิยมชมชอบ. พวกเขาเห็นว่าง่ายที่จะเรียนและจดจำสิ่งเหล่านี้เพราะเขาสนใจอยู่แล้ว. แต่คำถามสำคัญที่สุดคือ เขารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพระเจ้า? ขอเพียงแต่คิดถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ. พระเจ้าได้สร้างเอกภพ. พระองค์ทรงบอกไว้ล่วงหน้าว่ามนุษย์จะทำอะไรและจะเกิดอะไรขึ้นก่อนเหตุการณ์อุบัติขึ้นเสียด้วยซ้ำ. พระคัมภีร์ไม่เพียงแต่แจ้งให้เราทราบเรื่องพระเจ้า แต่ยังให้เรารู้วิธีทำให้พระองค์พอพระทัยด้วย. พระคัมภีร์ชี้วิธีทำให้ชีวิตเป็นสุขสบายในเวลานี้และวิธีที่เราสามารถได้ชีวิตนิรันดร์ในโลกใหม่อันชอบธรรมที่พระองค์จะนำมา. เรื่องนี้สำคัญยิ่งกว่าการรู้ว่าใครชนะการแข่งขันฟุตบอล มิใช่หรือ หรือการรู้จักชื่อนักดนตรีทั้งหลายซึ่งไม่นานเท่าไรก็ถูกลืม?—ยะซายา 42:5, 9; 46:9, 10; อาโมศ 3:7.
8. โยซียาและพระเยซูได้วางตัวอย่างที่ดีอะไร?
8 เมื่อกษัตริย์โยซียาในวัยเยาว์มีพระชนมายุ 15 พรรษา พระองค์ “ตั้งพระราชหฤทัยแสวงหาพระเจ้าแห่งดาวิดราชบิดาใหญ่ของท่าน.” เมื่อพระเยซูมีพระชนมายุสิบสองพรรษา ผู้คนได้พบพระองค์ “นั่งอยู่ในโบสถ์ [วิหารของพระยะโฮวา, ล.ม.] ท่ามกลางพวกอาจารย์ กำลังฟังและไต่ถามพวกเขา.”a ไม่ว่าคุณมีอายุเท่าไร คุณพัฒนาความสนใจอย่างแท้จริงเหมือนโยซียาและพระเยซูไหมเพื่อจะเรียนสิ่งต่าง ๆ ซึ่งพระเจ้าทรงกระทำมาแล้วและจะทรงกระทำ?—2 โครนิกา 34:3; ลูกา 2:46.
9. (ก) หนุ่มสาวมากมายมีปัญหาอะไร? (ข) อะไรจะช่วยทำให้การอ่านและการเรียนง่ายขึ้น และโดยส่วนตัวแล้วคุณเห็นว่าเป็นจริงเช่นนั้นไหม?
9 แต่คุณอาจจะพูดว่า ‘การศึกษาเป็นงานหนัก.’ หลายคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่อาจจะไม่เคยอ่านหนังสือมากถึงกับจะอ่านได้คล่อง. ยิ่งคุณอ่านมาก การอ่านของคุณจะง่ายขึ้น. ยิ่งคุณศึกษาอย่างจริงจัง การเรียนก็ยิ่งง่ายขึ้น. คุณปะติดปะต่อความคิดใหม่ ๆ เข้ากับสิ่งที่คุณรู้มาแล้ว จึงง่ายขึ้นที่จะเข้าใจและจดจำความคิดใหม่ ๆ เหล่านั้น.
10. (ก) โดยวิธีใดคุณสามารถจะรับประโยชน์มากขึ้นจากการประชุมคริสเตียน? (ข) คุณเองมีประสบการณ์อะไรในเรื่องนี้?
10 อะไรอาจช่วยคุณเรียนเรื่องพระเจ้าได้มากขึ้น? คุณน่าจะได้เข้าร่วมการประชุมคริสเตียนบ่อยครั้งยิ่งขึ้น. คุณจะเตรียมล่วงหน้าแล้วมีส่วนรวมจริง ๆ ได้ไหม? ตัวอย่างเช่น คุณจะเจาะลึกลงไปเพื่อรับความรู้จากบทเรียนนี้โดยค้นดูข้อคัมภีร์ต่าง ๆ ซึ่งอ้างถึงแต่ไม่ได้ยกขึ้นมากล่าว? คุณเคยจดหนึ่งหรือสองคำลงในที่ว่างริมหน้าหนังสือไหมเพื่อสกิดใจคุณให้ระลึกถึงสิ่งซึ่งคัมภีร์แต่ละข้อเพิ่มความรู้อะไรกับวรรคนั้น ๆ หรือบทเรียนนั้น? คุณทำเป็นนิสัยไหมโดยการอ้างหรือยกข้อคัมภีร์อย่างน้อยข้อหนึ่งเป็นคำตอบซึ่งแสดงว่าคุณหยั่งรู้ค่าการอภิปรายเรื่องในคัมภีร์? ผู้ปกครองคนหนึ่งซึ่งเคยเข้าร่วมการประชุมของประชาคมเป็นประจำมาหลายปีได้พูดว่า “ผมรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่ออยู่กับบทเรียนใด ๆ ที่ผมไม่ได้เตรียมล่วงหน้า แต่เป็นความยินดีอย่างแท้จริงเมื่อติดตามเรื่องซึ่งผมได้ศึกษามาอย่างละเอียดแล้ว.”
11. โดยวิธีใดคุณจะได้ประโยชน์มากขึ้นจากคำบรรยายที่ใช้พระคัมภีร์เป็นหลัก และทำไมสิ่งนี้สำคัญจริง ๆ?
11 เมื่อคุณฟังการบรรยายที่เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ สิ่งที่คุณได้ยินนั้นคุณจดไว้ย่อ ๆ ไหมเพื่อคุณจะวิเคราะห์ว่าการเดินเรื่องคำบรรยายนั้นเป็นอย่างไร และเพื่อคุณจะจดจ่อกับเรื่องที่กำลังบรรยายอยู่? คุณเปรียบเทียบสิ่งที่คุณได้ยินกับสิ่งที่คุณรู้มาก่อนไหม เพื่อคุณจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นและจดจำได้ดีกว่า? พระเยซูทรงอธิษฐานดังนี้ “นี้แหละหมายถึงชีวิตนิรันดร์ คือการที่เขารับเอาความรู้เกี่ยวด้วยพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และเกี่ยวด้วยผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาคือพระเยซูคริสต์.” (โยฮัน 17:3, ล.ม.) ความรู้ที่นำไปถึงชีวิต คือความรู้ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถรับเอาได้มิใช่หรือ? พึงสังเกตว่าพระคัมภีร์บอกไว้อย่างไรในเรื่องนี้: “เพราะว่าพระยะโฮวาพระราชทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์. เพราะว่าพระปัญญาจะเข้ามาสู่ดวงหฤทัยของเจ้า และความรู้ก็จะเป็นความบันเทิงแก่ดวงวิญญาณของเจ้า ความสุขุมรอบคอบจะพิทักษ์เจ้าไว้ ความเข้าใจจะรักษาเจ้า.”—สุภาษิต 2:6, 10, 11.
ทวีความหยั่งรู้ค่า
12. สิ่งโดดเด่นอะไรบ้างซึ่งพระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา?
12 พวกเราหยั่งรู้ค่าอย่างแท้จริงไหมต่อสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา? พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลกที่งดงามและเตรียมโลกนี้ไว้สำหรับชีวิต. พระองค์ได้ทรงสร้างบิดามารดาแรกเดิมของเรา ซึ่งทั้งนี้ทำให้เราเกิดมาได้. พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมการเพื่อเราจะมีการเกื้อหนุนกันจากครอบครัวและจากประชาคมที่มีความรัก. (เยเนซิศ 1:27, 28; โยฮัน 13:35; เฮ็บราย 10:25) พระองค์ได้ส่งพระบุตรหัวปีของพระองค์มายังโลกนี้ เพื่อสอนพวกเราให้รู้จักพระองค์ดีขึ้น ทั้งทรงจัดเตรียมค่าไถ่เพื่อการมีชีวิตนิรันดร์จะเป็นไปได้. คุณหยั่งรู้ค่าของประทานต่าง ๆ อันน่าพิศวงเช่นนั้นอย่างแท้จริงไหม? สิ่งที่กล่าวมานี้กระตุ้นคุณให้ตอบรับคำเชิญของพระองค์ไหมเพื่อจะเรียนรู้จักและปฏิบัติพระองค์?—มัดธาย 20:28; โยฮัน 1:18; โรม 5:21.
13. ทำไมคุณจึงสำนึกว่าพระเจ้าทรงใฝ่พระทัยมนุษย์เป็นรายบุคคล?
13 ผู้สร้างเอกภพทรงสนพระทัยในมนุษย์. พระองค์เรียกอับราฮามว่า “มิตรสหายของเรา” และพระองค์ตรัสแก่โมเซว่า “เรารู้จักเจ้าด้วยนามของเจ้า.” (ยะซายา 41:8; เอ็กโซโด 33:12) พระธรรมวิวรณ์ระบุว่าพระเจ้าทรงมีหนังสือโดยนัยหรือ “สมุดทะเบียนประจำชีพ” บรรจุชื่อบรรดาผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ “ตั้งแต่แรกสร้างโลก.” ชื่อของคุณจะปรากฏอยู่ที่นั่นไหม?—วิวรณ์ 3:5; 17:8; 2 ติโมเธียว 2:19.
14. การติดตามหลักการต่าง ๆ ของพระเจ้าช่วยปรับปรุงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้อย่างไร?
14 หลักการของพระองค์ใช้ได้ผล. การทำสิ่งต่าง ๆ ในแนวทางของพระองค์ขจัดปัญหาหลายอย่างได้เช่น การประพฤติผิดศีลธรรม การติดยาเสพย์ติด โรคพิษสุราเรื้อรัง การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนา กามโรค ความรุนแรง ฆาตกรรม และการป่วยด้วยโรคอื่นอีกมากมาย. การติดตามแนวทางของพระองค์ยังช่วยคุณให้มีเพื่อนแท้และมีชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข. ไม่สมควรหรือที่จะทำเช่นนั้น? (1 โกรินโธ 6:9-11) แม้คนหนุ่มผู้ซึ่งตั้งใจจริงที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามแนวทางของพระเจ้าก็สามารถได้พลังขึ้นที่จะทำสิ่งถูกต้อง. พระคัมภีร์กล่าวอย่างนี้: “[พระยะโฮวา] จะทรงปฏิบัติด้วยความภักดีต่อผู้ที่ภักดี.” นอกจากนี้พระคัมภีร์รับรองเราว่า พระองค์จะไม่ “ทรงละทิ้งผู้ชอบธรรมของพระองค์” และไม่ “ทรงละทิ้งพลไพร่ของพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 18:25, ล.ม.; 37:28; 94:14; ยะซายา 40:29-31.
รุดหน้าต่อไปในการรับใช้พระเจ้า
15. ซะโลโมได้แนะนำเยาวชนอย่างไรในเรื่องพระเจ้า?
15 เป้าหมายของคุณรวมจุดอยู่กับโลกเก่าซึ่งกำลังจะตายหรืออยู่กับโลกใหม่อันชอบธรรม? คุณฟังพระเจ้าหรือฟังคนฉลาดของโลกซึ่งขัดแย้งกับพระองค์? นันทนาการ การศึกษาสูงหรืองานอาชีพที่คุณต้องใช้เวลามาก มาก่อนพระเจ้าและงานรับใช้พระองค์ไหม? กษัตริย์ซะโลโมผู้ปราดเปรื่องได้ประพันธ์พระธรรมท่านผู้ประกาศทั้งเล่มเพื่อแจ้งให้รู้ว่าอะไรน่าจะเป็นสิ่งแรกในชีวิตของเรา. ท่านได้สรุปดังนี้: “ในปฐมวัยของเจ้าจงระลึกถึงพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างตัวเจ้านั้น ก่อนที่ความทุกข์ร้อนจะมาถึง และก่อนวาระที่เจ้าจะว่า ‘ข้าฯไม่เห็นชื่นชมอะไรเลย’ มาถึง. ให้เราฟังคำสรุปของเรื่องทั้งหมด: จงเกรงกลัวพระเจ้า จงถือรักษาบัญญัติทั้งปวงของพระองค์ เพราะว่าการนี้เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน.”—ท่านผู้ประกาศ 12:1, 13.
16. หนุ่มสาวจะเอื้อมแขนรับเอาสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นได้โดยวิธีใด?
16 พี่น้องคริสเตียนทุกคนที่คุณรู้จักซึ่งมีอายุมากกว่า—พวกผู้ดูแล ไพโอเนียร์ ผู้ดูแลหมวด และผู้ดูแลภาค—ต่างก็เคยเป็นเด็กมาแล้วทั้งนั้น. อะไรล่ะทำให้เขาได้ชื่นชมอยู่กับพระพรในขณะนี้? พวกเขารักพระเจ้าและต้องการรับใช้พระองค์. หลายคนในพวกนี้เมื่ออยู่ในวัยเด็กได้ฉวยโอกาสใช้เวลาพิเศษแสวงหาความรู้และประสบการณ์ให้ตัวเอง. พวกเขาศึกษาและมีส่วนในการประชุมต่าง ๆ. เขาร่วมในงานสั่งสอนและเอื้อมแขนรับเอาสิทธิพิเศษที่เพิ่มเข้ามาเช่นงานไพโอเนียร์ งานรับใช้ที่สำนักเบเธล หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ยังความพอใจยินดี. คนเหล่านี้ไม่ใช่ ‘หนุ่มสาวที่เก่งเป็นพิเศษ’ เขามีความสนใจและความรู้สึกเป็นห่วงเหมือน ๆ คุณ. กระนั้น เขาปฏิบัติตามคำแนะนำที่ว่า “สิ่งใด ๆ ก็ดีที่ท่านทั้งหลายกระทำ จงกระทำด้วยสิ้นสุดจิตวิญญาณเหมือนหนึ่งกระทำแด่พระยะโฮวา และไม่ใช่แก่มนุษย์.”—โกโลซาย 3:23, ล.ม.; เทียบกับลูกา 10:27; 2 ติโมเธียว 2:15.
17. สิ่งใดจะช่วยหนุ่มสาวให้ก้าวหน้าในงานรับใช้พระเจ้า?
17 คุณล่ะเป็นอย่างไร? คุณหยั่งรู้ค่าอย่างแท้จริงไหมในสิ่งต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับพระเจ้า? คุณเลือกคบเพื่อนจากหมู่คนที่ถือเอาฝ่ายวิญญาณมาก่อนสิ่งอื่นไหม? คุณสนับสนุนผู้อื่นให้มีส่วนร่วมกิจกรรมของคริสเตียนกับคุณไหม? คุณออกไปในงานรับใช้อย่างคริสเตียนพร้อมกับพวกผู้ใหญ่ คนมีประสบการณ์มากกว่าไหมเพื่อคุณจะเรียนจากเขา ชื่นชมยินดีเหมือนเขา และด้วยการงานอันดีที่เขากระทำนั้นจะเป็นสิ่งหนุนกำลังใจคุณ? พยานฯคนหนึ่งจำวันนั้นได้ซึ่งนานเกือบยี่สิบปีมาแล้ว เมื่อเป็นครั้งแรกที่ผู้ใหญ่ออกปากชวนเธอไปประกาศด้วยกัน. เธอบอกว่าจุดนี้เองได้พลิกผันชีวิตของเธอ “เป็นครั้งแรกที่ดิฉันออกประกาศเพราะดิฉัน อยากจะทำ ไม่ใช่เพียงเพราะคุณพ่อคุณแม่พาออกไป.”
18. พึงใคร่ครวญถึงสิ่งใดก่อนเสนอตัวเองรับบัพติสมา?
18 ถ้าคุณทำความก้าวหน้าด้วยการทำสิ่งต่าง ๆ ตามแนวทางของพระเจ้า ในไม่ช้าคุณจะเริ่มคิดเรื่องการรับบัพติสมา. เป็นสิ่งสำคัญพึ่งจำไว้ว่า การรับบัพติสมาหาใช่พิธีอะไรบางอย่างที่ทำคนหนุ่มสาวบรรลุวุฒิภาวะ. การรับบัพติสมาหาใช่การแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังเติบใหญ่ หรือเป็นสิ่งที่คุณพึงกระทำเพราะเพื่อน ๆ ก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว. ก่อนคุณแจ้งความจำนงขอรับบัพติสมา คุณควรมีความรู้พื้นฐานด้านความจริงและเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า. คุณควรมีประสบการณ์มากพอสมควรในการแบ่งปันความรู้นี้กับคนอื่น และตระหนักว่า งานนี้เป็นส่วนสำคัญของการนมัสการแท้. (มัดธาย 24:14; 28:19, 20) นอกจากนี้ คุณควรทราบด้วยว่า หลังจากบรรลุขั้นตอนสำคัญสำหรับคริสเตียนนั้น จึงเป็นที่คาดหมายว่าคุณจะดำเนินชีวิตประสานกับหลักศีลธรรมอันถูกต้องของพระคัมภีร์.b ภายในหัวใจของคุณ คุณคงได้อุทิศชีวิตแด่พระบิดาทางภาคสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรัก.—เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 40:8, 9.
19. คนเราควรจะรับบัพติสมาเมื่อไร?
19 การรับบัพติสมาเป็นขั้นตอนหนึ่งซึ่งคุณกระทำเมื่อคุณปลงใจแน่วแน่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของคุณ คุณจะ รับใช้พระเจ้า. การรับบัพติสมาเป็นเครื่องหมายแสดงอย่างเปิดเผยว่าคุณทำการอุทิศตนครบถ้วน ไม่สงวนสิ่งใด ๆ ไว้และไม่มีเงื่อนไขแด่พระยะโฮวาโดยทางพระเยซูคริสต์เพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. คริสเตียนผู้ปกครองคนหนึ่งยังคงจำวันนั้นซึ่งล่วงเลยมาแล้วร่วมครึ่งศตวรรษเมื่อท่านตระหนักว่า “ผม ต้องทำอะไรบางอย่างในเรื่องนี้!” มิเชล พยานฯหนุ่มซึ่งได้รับบัพติสมาที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง บอกว่า “ตอนที่ผมอายุสิบสามปี ผมตระหนักว่าผมควรอุทิศชีวิตแล้วรับบัพติสมา ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรับใช้พระเจ้า.”
20. (ก) หนุ่มสาวนับหมื่นคนได้วางตัวอย่างดี ๆ อะไรบ้าง? (ข) ควรมองดูขั้นตอนดังกล่าวด้วยทัศนะเช่นไร?
20 คนวัยหนุ่มสาวนับหมื่น ๆ คนได้รับบัพติสมาเมื่อเร็ว ๆ นี้. พวกเขาได้ศึกษาพระคำของพระเจ้าและรู้จักแนวทางของพระองค์ ครั้นแล้วโดยการรับบัพติสมาด้วยน้ำ พวกเขาปีติยินดีที่ได้สมทบกับผู้สูงอายุอีกมากมายด้วยการแสดงเครื่องหมายอย่างเปิดเผยว่าตนได้อุทิศตัวแด่พระเจ้า. พวกเขาทราบว่าการรับบัพติสมาไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่แนวชีวิตในรูปแบบการอุทิศถวายตัวจริง ๆ ที่ตนมุ่งมั่นจะรับใช้พระยะโฮวาตลอดไป.
[เชิงอรรถ]
a โปรดดูบทความ “ผู้รับใช้ที่หนุ่มแน่นในสมัยพระคัมภีร์” ที่หน้า 4.
b ทั้งนี้ไม่หมายความว่า การพูดว่า ‘ฉันยังไม่รับบัพติสมา’ นั้นจะใช้ได้เป็นข้อแก้ตัวสำหรับการทำผิด. ทันทีที่เรารู้สิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้อง ก็แจ้งชัดอยู่แล้วว่าเรามีความรับผิดชอบจะเชื่อฟังพระองค์.—ยาโกโบ 4:17.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ เพราะเหตุใดความรู้จากพระวจนะของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ?
▫ คุณจะได้ประโยชน์มากขึ้นอย่างไรจากการประชุมคริสเตียน?
▫ พระพรอะไรจากพระเจ้าน่าจะเป็นพลังกระตุ้นพวกเราให้เชื่อฟังพระองค์?
▫ คุณจะก้าวหน้าในงานรับใช้พระเจ้าได้อย่างไร?
▫ คนเราสมควรจะรับบัพติสมาเมื่อไร?