ประกาศคำเตือนอยู่เรื่อยไปเรื่องราชกิจอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวา
“พระยะโฮวาจะทรงลุกขึ้นต่อสู้ดุจทรงกระทำที่ภูเขาฟะราซิม พระองค์จะทรงสำแดงพระพิโรธเหมือนได้สำแดงแล้วในหุบเขาฆิบโอน.”—ยะซายา 28:21.
1, 2. ราชกิจอันผิดธรรมดาอะไรที่พระยะโฮวาได้ทรงกระทำเพื่อประโยชน์แห่งพลไพร่ของพระองค์ในสมัยดาวิด?
การกระทำอันแปลกประหลาด! ราชกิจที่ผิดธรรมดา! นั่นคือสิ่งที่พระยะโฮวาทรงปฏิบัติการเพื่อพลไพร่ของพระองค์ในสมัยโบราณในศตวรรษที่ 11 ก่อนสากลศักราช และการกระทำอันแปลกประหลาดนี้เป็นแบบเล็งถึงการกระทำอันผิดธรรมดามากยิ่งกว่าซึ่งพระองค์จะทรงกระทำในอนาคตอันใกล้นี้. การกระทำในครั้งโบราณนั้นคืออะไร? เป็นในคราวที่ภายหลังจากดาวิดได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ในยะรูซาเลมไม่นาน ชาวฟะลิศตีมที่อยู่ใกล้เคียงได้บุกโจมตี และนั่นได้กระตุ้นพระยะโฮวาให้กระทำกิจอันแปลกประหลาด. ในตอนแรก พวกฟะลิศตีมเริ่มปล้นสะดมในบริเวณที่ราบลุ่มในระฟาอิม. ดาวิดทูลถามพระยะโฮวาถึงสิ่งที่ท่านควรทำและได้รับคำแนะนำให้ออกไปโจมตี. ด้วยการเชื่อฟังถ้อยคำของพระยะโฮวา ดาวิดจึงได้เอาชนะกองทัพอันเข้มแข็งของพวกฟะลิศตีมอย่างเด็ดขาดที่บาละฟาระซิม. แต่พวกฟะลิศตีมไม่ยอมแพ้. ไม่ช้าพวกเขาก็กลับมาช่วงชิงปล้นสะดมในบริเวณที่ราบลุ่มในระฟาอิมมากขึ้นอีก และดาวิดได้แสวงหาการทรงนำจากพระยะโฮวาอีกครั้งหนึ่ง.
2 คราวนี้ดาวิดได้รับคำสั่งให้นำกำลังไปตีโอบด้านหลังกองทัพฟะลิศตีม. พระยะโฮวาตรัสว่า: “พอเจ้าได้ยินเสียงดำเนินไปที่ยอดต้นหม่อน จงรีบเร่งเถิด ด้วยในทันใดนั้นพระยะโฮวาจะทรงนำหน้าเจ้าไปตีกองทัพฟะลิศตีม.” และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น. ดาวิดรอจนกระทั่งพระยะโฮวาทรงบันดาลให้เกิดเสียงเดินทัพที่ยอดต้นหม่อน—บางทีอาจใช้ลมแรงก็ได้. ทันทีนั้น ดาวิดกับกองทหารของท่านก็โจนออกจากที่ซ่อนและโจมตีพวกฟะลิศตีมซึ่งถูกทำให้ไขว้เขว ฆ่าฟันพวกเขาล้มตายเป็นอันมากจนพ่ายแพ้ไป. รูปเคารพที่พวกฟะลิศตีมทิ้งไว้เกลื่อนกลาดบนพื้นสนามรบนั้นถูกรวบรวมเข้าด้วยกันและทำลายเสีย.—2 ซามูเอล 5:17–25; 1 โครนิกา 14:8–17.
3. เหตุใดการกระทำอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวาจึงเป็นที่น่าใส่ใจแก่พวกยิวในสมัยยะซายา และทำไมจึงควรเป็นที่น่าใส่ใจแก่คริสต์ศาสนจักรในทุกวันนี้?
3 นั่นคือปฏิบัติการอันผิดธรรมดา เป็นการกระทำอันแปลกประหลาดโดยพระยะโฮวาต่อชาวฟะลิศตีมเพื่อเห็นแก่กษัตริย์ที่พระองค์ทรงเจิมขึ้นไว้. การกระทำอันเยี่ยมยอดนั้นเป็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษเพราะผู้พยากรณ์ยะซายาได้เตือนไว้ว่าพระยะโฮวาจะทรงกระทำการอันแปลกประหลาดและมีฤทธิ์เดชพอ ๆ กันต่อชาวยูดาซึ่งเมามายฝ่ายวิญญาณ. ฉะนั้น พวกผู้นำทางศาสนาที่ไม่ซื่อสัตย์ในสมัยยะซายาจึงจำต้องใส่ใจสังเกต. คริสต์ศาสนจักรในสมัยปัจจุบันก็น่าจะใส่ใจสังเกตเช่นกันเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดกับยูดานั้นเป็นแบบอย่างเล็งถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคริสต์ศาสนจักรในที่สุด.
‘ที่นอนนั้นสั้นเกินไป’
4, 5. (ก) ยะซายาได้แสดงให้เห็นภาพอันชัดเจนถึงสภาพการณ์อันน่าอึดอัดใจของพวกหัวหน้าศาสนาในสมัยของท่านอย่างไร? (ข) อะไรคือสาเหตุแห่งความอึดอัดใจของคริสต์ศาสนจักรในทุกวันนี้?
4 ประการแรก ยะซายาเปิดโปงข้อเท็จจริงที่ว่าสนธิสัญญาที่พวกขี้เมาฝ่ายวิญญาณในคราวโบราณวางใจนั้นเป็นการหลอกลวง เป็นการโกหก. ครั้นแล้วท่านได้แสดงให้เห็นภาพประกอบถึงสภาพการณ์อันน่าอึดอัดใจของคนเหล่านั้นที่หวังพึ่งในสิ่งที่หลอกลวงนั้น. ยะซายากล่าวว่า: “เพราะที่นอนนั้นสั้นเกินที่คนหนึ่งคนใดจะเหยียดอยู่บนนั้น และผ้าห่มก็แคบไม่พอคลุมตัว.” (ยะซายา 28:20) ใครก็ตามที่เหยียดตัวอยู่บนที่นอนซึ่งสั้นเกินไปจะพบว่าเท้าของเขายื่นเลยออกไปในความหนาวเหน็บ. อีกด้านหนึ่ง ถ้าเขางอเข่าขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับที่ความสั้นของที่นอน ผ้าห่มนอนก็จะแคบเกินไปและร่างกายส่วนใหญ่ของเขาก็จะไม่มีอะไรคลุม. ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร บางส่วนของตัวเขาก็ยังคงตกอยู่ในความหนาวเหน็บ.
5 กล่าวโดยนัยแล้ว นั่นคือสภาพการณ์ของคนในสมัยยะซายาซึ่งวางใจในที่คุ้มภัยเท็จ. เป็นสภาพการณ์อันน่าอึดอัดใจเช่นนั้นด้วยที่เกิดกับคนในสมัยนี้ซึ่งวางใจในที่คุ้มภัยเท็จของคริสต์ศาสนจักร. เหมือนกับว่าพวกเขาตกอยู่ในความหนาวเหน็บ. ขณะนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับแสวงหาความสบายจากการจัดเตรียมต่าง ๆ ของโลกเพื่อสันติภาพและความปลอดภัย. ภายใต้การดำเนินการพิพากษาโดยพระยะโฮวาที่กำลังจะมาถึงนั้น การเป็นพันธมิตรกับพวกผู้ครอบครองทางการเมืองจะไม่จัดให้มีความอบอุ่นสบายแก่คริสต์ศาสนจักร.
ราชกิจอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวา
6. พระยะโฮวาได้ทรงปฏิบัติการต่อสู้อาณาจักรยูดาอย่างไร และพระองค์จะทรงปฏิบัติต่อคริสต์ศาสนจักรอย่างไร?
6 เมื่อได้พรรณนาอย่างที่เห็นภาพชัดเจนถึงสภาพการณ์อันน่าอึดอัดใจของยะรูซาเลมที่ไม่ซื่อสัตย์ในสมัยของท่าน—และของคริสต์ศาสนจักรที่ไม่ซื่อสัตย์ในสมัยปัจจุบันนี้—ยะซายากล่าวต่อไปดังนี้: “เพราะพระยะโฮวาจะทรงลุกขึ้นต่อสู้ดุจทรงกระทำที่ภูเขาฟาระซิม พระองค์จะทรงสำแดงพระพิโรธเหมือนได้สำแดงแล้วในหุบเขาฆิบโอน เพื่อพระองค์จะทรงกระทำพระราชกิจอันแปลกประหลาดของพระองค์ และทรงกระทำพระธุระของพระองค์คือพระธุระอันแปลกประหลาด.” (ยะซายา 28:21) ใช่แล้ว ยะซายาเตือนไว้ว่า ในไม่ช้าพระยะโฮวาจะทรงลุกขึ้นต่อสู้ดังที่พระองค์ได้ทรงกระทำที่ภูเขาบาละฟาระซิม. แต่ในคราวนี้พระองค์จะทรงปฏิบัติการต่อสู้พลไพร่ที่ขาดความเชื่อของพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำการนั้นเหมือนน้ำทะลักจากเขื่อนที่พังทลายอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้. พันธสัญญากับความตายที่ยะรูซาเลมได้ทำไว้จะปรากฏว่าไร้ค่าไม่มีผล. อีกไม่ช้า พระยะโฮวาจะทรงดำเนินการกับคริสต์ศาสนจักรในวิธีที่คล้ายกัน และพวกเขาจะพบว่าข้อตกลงทั้งสิ้นที่เขาทำกับโลกนี้ซึ่งเขามัวเมาอยู่นั้นไร้ความหมาย. องค์การอันใหญ่โตของเขาจะถูกทำลายย่อยยับและพวกที่ยึดมั่นกับองค์การนี้ก็จะแตกกระจัดกระจาย. พระเท็จทั้งหลายของเขาจะถูกเผาทำลายเสียสิ้น.
7. ทำไมพระประสงค์ของพระยะโฮวาเกี่ยวกับอาณาจักรยูดาจึงมีการเรียกว่า “แปลกประหลาด” และ “ผิดธรรมดา”?
7 ทำไมยะซายาบอกว่าปฏิบัติการที่พระยะโฮวาทรงกระทำต่อยะรูซาเลมนั้นเป็นราชกิจที่แปลกประหลาดและผิดธรรมดา? เอาละ ยะรูซาเลมเป็นศูนย์กลางการนมัสการพระยะโฮวาและเป็นราชธานีแห่งกษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงเจิมไว้. (บทเพลงสรรเสริญ 132:11–18) เมื่อเป็นเช่นนั้น กรุงนี้จึงไม่เคยถูกทำลายมาก่อนเลย. พระวิหารในกรุงนี้ไม่เคยถูกเผา. ราชวังของดาวิดซึ่งถูกสร้างขึ้นไว้ในยะรูซาเลมก็ไม่เคยถูกรื้อทำลาย. สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งเหลือคิด. นั่นเป็นสิ่งผิดปกติที่พระยะโฮวาจะทรงมุ่งพระทัยให้สิ่งเช่นนั้นเกิดขึ้น.
8. พระยะโฮวาทรงให้คำเตือนอะไรเกี่ยวกับปฏิบัติการอันผิดธรรมดาของพระองค์นั้น?
8 แต่พระยะโฮวาได้ทรงให้คำเตือนอย่างเป็นธรรมโดยทางผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่าเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงนั้นจะเกิดขึ้นแน่. (มีคา 3:9–12) ตัวอย่างเช่น ผู้พยากรณ์ฮะบาฆูคซึ่งอยู่ในสมัยศตวรรษที่เจ็ดก่อนสากลศักราชกล่าวไว้ว่า: “จงมองทั่วประชาชาติต่าง ๆ และดูให้ดี จงประหลาดใจและแปลกใจ. เพราะเรากำลังประกอบกิจในสมัยของเจ้า ถึงจะบอก เจ้าก็ไม่เชื่อ. เพราะนี่แน่ะ เรากำลังเร้าคนเคลเดีย ประชาชาติที่ขมขื่นและรีบร้อนนั้น ผู้กรีธาทัพไปทั่วโลก เพื่อยึดเอาบ้านเรือนที่มิใช่ของตน. เขาเป็นที่น่าครั่นคร้ามและสยดสยอง.”—ฮะบาฆูค 1:5–7 ฉบับแปลใหม่.
9. พระยะโฮวาทรงกระทำให้คำเตือนของพระองค์ที่มีต่อยะรูซาเลมนั้นสำเร็จเป็นจริงอย่างไร?
9 ในปี 607 ก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาทรงกระทำให้สมจริงตามคำเตือนของพระองค์. โดยทรงให้กองทัพบาบูโลนมาต่อสู้กรุงยะรูซาเลม พระองค์ทรงอนุญาตให้พวกเขาทำลายทั้งกรุงนั้นและพระวิหาร. (บทเพลงร้องทุกข์ 2:7–9) ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงยอมให้ยะรูซาเลมถูกทำลายอีกเป็นครั้งที่สองด้วย. ทำไมล่ะ? นั่นก็คือ หลังจากเจ็ดสิบปีแห่งการเริศร้าง ชาวยิวที่กลับใจได้กลับยังแผ่นดินเกิด และในที่สุดพระวิหารอีกหลังหนึ่งก็ได้ถูกสร้างขึ้นในกรุงยะรูซาเลม. แต่ก็อีกครั้งหนึ่ง พวกยิวถอยห่างจากพระยะโฮวา. ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช เปาโลได้กล่าวถ้อยคำของฮะบาฆูคแก่ชาวยิวในสมัยของท่าน ดังนั้นจึงเป็นการเตือนว่าจะมีการดำเนินการตามคำพยากรณ์นั้นอีกครั้ง. (กิจการ 13:40, 41) พระเยซูเองก็ได้ให้คำเตือนโดยเฉพาะว่ายะรูซาเลมและพระวิหารในกรุงนี้จะถูกทำลายเนื่องจากพวกยิวขาดความเชื่อ. (มัดธาย 23:37–24:2) ชาวยิวในศตวรรษแรกนั้นเอาใจใส่ฟังคำเตือนนั้นไหม? ไม่เลย. เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา เขาปฏิเสธคำเตือนของพระยะโฮวาทั้งหมด. ฉะนั้น พระยะโฮวาจึงทรงกระทำราชกิจอันแปลกประหลาดของพระองค์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง. ยะรูซาเลมกับพระวิหารถูกทำลายในปี 70 สากลศักราชโดยกองทัพโรมัน.
10. พระยะโฮวาจะทรงปฏิบัติการกับคริสต์ศาสนจักรอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้?
10 เช่นนั้นแล้ว ทำไมคนใดคนหนึ่งจะพึงคิดว่าพระยะโฮวาจะไม่ทรงกระทำสิ่งที่คล้ายคลึงกันในสมัยของเรา? ข้อเท็จจริงคือว่า พระองค์จะทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จแม้จะดูเหมือนว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาดและผิดธรรมดาแก่คนช่างสงสัยก็ตาม. คราวนี้ เป้าหมายแห่งปฏิบัติการของพระองค์คือคริสต์ศาสนจักร ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับยูดาโบราณที่อ้างว่านมัสการพระเจ้าแต่กลับทุจริตเสื่อมทรามไปอย่างไม่มีทางช่วยได้. โดยพระเยซูคริสต์ ผู้ยิ่งใหญ่กว่าดาวิด พระยะโฮวาจะทรงเสด็จมาเยือน “ฟะลิศตีม” แห่งคริสต์ศาสนจักรในเวลาที่เขาไม่คาดคิด. พระองค์จะทรงกระทำราชกิจอันแปลกประหลาดของพระองค์ถึงขั้นกวาดล้างระบบศาสนาของคริสต์ศาสนจักรจนถึงร่องรอยสุดท้ายเลยทีเดียว.—มัดธาย 13:36–43; 2 เธซะโลนิเก 1:6–10.
คำเตือนเรื่องราชกิจของพระยะโฮวา
11, 12. พยานทั้งหลายของพระยะโฮวาได้ให้คำเตือนอย่างไรเกี่ยวกับการพิพากษาของพระยะโฮวาที่กำลังจะมีมา?
11 พยานพระยะโฮวาได้เตือนมานานหลายปีแล้วเกี่ยวด้วยการพิพากษาซึ่งจะมีมาโดยการดำเนินงานของพระยะโฮวา. พวกเขาชี้แจงว่าความพินาศที่เกิดกับยะรูซาเลมกับพระวิหารในปี 607 ก่อนสากลศักราช และอีกครั้งหนึ่งในปีสากลศักราช 70 นั้นเป็นคำเตือนเชิงพยากรณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดแก่คริสต์ศาสนจักร. ยิ่งกว่านั้น พวกเขาแสดงให้เห็นว่าเนื่องจากการที่พวกเขาออกหาก คริสต์ศาสนจักรจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จ บาบูโลนใหญ่. เนื่องด้วยเหตุนี้ การพิพากษาของพระเจ้าต่อบาบูโลนใหญ่จึงจะตกแก่คริสต์ศาสนจักรเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาเป็นส่วนที่มีความผิดมากที่สุดแห่งระบบนั้นของซาตาน.—วิวรณ์ 19:1–3.
12 พยานพระยะโฮวาได้ชี้ถึงคำเตือนเชิงพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าในเวลากำหนดของพระยะโฮวา ชู้รักทางการเมืองของบาบูโลนใหญ่จะหันมาเล่นงานเขา. โดยมีเขาสิบเขาของสัตว์ร้ายสีแดงเข้มเป็นสัญลักษณ์เล็งถึง พระธรรมวิวรณ์เตือนว่า: “เขาสิบเขาที่ท่านได้เห็นกับทั้งสัตว์ร้ายนั้น จะพากันเกลียดชังหญิงแพศยานั้น [บาบูโลนใหญ่] และจะทำให้เขาไร้มิตรเปลือยกาย และจะกินเนื้อของหญิงนั้น และเอาไฟเผาเสีย.” (วิวรณ์ 17:16) คริสต์ศาสนจักรจะถูกเผาทำลายพร้อมกับศาสนาเท็จอื่น ๆ. สิ่งนี้จะเป็นการกระทำอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวา เป็นราชกิจอันผิดธรรมดาของพระองค์ในสมัยของเรา.
13. ปฏิกิริยาที่มีต่อคำเตือนของพระยะโฮวาในทุกวันนี้คล้ายคลึงกันอย่างไรกับสิ่งที่ยะซายาได้เผชิญ?
13 เมื่อพยานพระยะโฮวาถ่ายทอดคำเตือนว่าด้วยภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น พวกเขามักจะเผชิญกับคนช่างเยาะเย้ย. ผู้คนสงสัยว่าพวกเขาคิดว่าเขาเป็นใครจึงมาพูดเรื่องอย่างนั้น. คริสต์ศาสนจักรนั้นดูเหมือนมีเสถียรภาพดียิ่ง มีการก่อตั้งขึ้นอย่างดี. บางคนถึงกับคิดว่าฐานะของคริสต์ศาสนจักรกำลังดีขึ้น. เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลต่าง ๆ ที่เคยบีบคั้นกดดันเขาก็ได้อนุญาตให้มีเสรีภาพมากขึ้นในกิจกรรมของเขา. ถึงกระนั้น ที่จริงคริสต์ศาสนจักรน่าจะเอาใจใส่คำเตือนของยะซายาที่ว่า: “เหตุฉะนั้น บัดนี้เจ้าอย่าเป็นคนช่างเย้ยเลย เกรงว่าเครื่องจำจองของเจ้าจะยิ่งรัดตึงขึ้น เพราะข้าพเจ้าได้ยินแผนกำหนดการทำลายสำหรับทั่วพิภพมาแต่พระเจ้าพระยะโฮวาจอมพลโยธา.”—ยะซายา 28:22; 2 เปโตร 3:3, 4.
14. เครื่องจำจองของคริสต์ศาสนจักรจะยิ่งรัดตึงหนักขึ้นโดยวิธีใด?
14 ส่วนใหญ่แล้ว คริสต์ศาสนจักรจะยังคงมีปฏิกิริยาต่อต้านพระมหากษัตริย์และราชอาณาจักรเรื่อยไป. (2 เธซะโลนิเก 2:3, 4, 8) แต่ในขณะเดียวกันนั้น เครื่องจำจองของเขาก็ยิ่งรัดตึงหนักขึ้น. พูดอีกนัยหนึ่ง ความพินาศของเขายิ่งแน่นอนมากขึ้น. พระยะโฮวาจะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยจากการตัดสินให้คริสต์ศาสนจักรถูกทำลายเหมือนอย่างที่พระองค์ไม่ได้ทรงเปลี่ยนพระทัยจากการตัดสินของพระองค์ที่ปล่อยให้ยะรูซาเลมกับพระวิหารถูกทำลายในปี 607 ก่อนสากลศักราช
“จงออกมาจากเมืองนั้นเถิด”
15. หนทางแห่งการรอดพ้นอะไรที่เปิดให้แก่คนที่มีหัวใจสุจริต?
15 ใคร ๆ จะหนีให้พ้นจากภัยพิบัติที่จะเกิดแก่คริสต์ศาสนจักรได้อย่างไร? ย้อนไปในสมัยยิศราเอล พระยะโฮวาได้ทรงส่งผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์ไปเตือนคนที่มีหัวใจสุจริตให้กลับสู่การนมัสการแท้. ปัจจุบัน พระองค์ได้ทรงทำให้เหล่าพยานของพระองค์เพิ่มขึ้น ซึ่งบัดนี้มีจำนวนหลายล้าน เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน. พวกเขาเปิดโปงสภาพการตายฝ่ายวิญญาณของคริสต์ศาสนจักรโดยปราศจากความกลัว. ด้วยการกระทำเช่นนั้น พวกเขาสะท้อนเสียงแตรของทูตสวรรค์ในคำประกาศถึงภัยพิบัติในวิวรณ์บท 8 และ 9. ยิ่งกว่านั้น พวกเขาได้ประกาศคำเตือนซึ่งมีบันทึกไว้ในวิวรณ์ 18:4 ออกไปอย่างขยันขันแข็งที่ว่า: “ดูก่อน พวกพลเมืองของเรา จงออกมาจากเมืองนั้นเถิด . . . เพื่อท่านจะไม่ต้องรับภยันตรายที่จะมีแก่พลเมืองนั้น.” คำ “เมืองนั้น” ที่มีการอ้างถึงในที่นี้คือเมืองบาบูโลนใหญ่ จักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จ ซึ่งสมาชิกสำคัญของจักรภพนี้คือคริสต์ศาสนจักร.
16. หลายล้านคนได้หนีออกมาจากศาสนาเท็จด้วยวิธีใด?
16 ตั้งแต่ปี 1919 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1922 กลุ่มชนที่ถ่อมใจซึ่งขานรับคำเตือนนั้นได้หนีออกจากบาบูโลนใหญ่. ตอนแรกก็มีหลายพันคน ต่อมาก็หลายแสน และบัดนี้มีหลายล้านคนได้แยกตัวออกมาจากศาสนาเท็จ โดยเฉพาะจากคริสต์ศาสนจักร และหนีเข้ามาหาการนมัสการแท้. (ยะซายา 2:2–4) พวกเขาทราบว่าเพียงแต่โดยการออกมาจากบาบูโลนใหญ่เท่านั้นที่พวกเขาอาจหลีกพ้นภัยพิบัติต่าง ๆ อันจะเกิดแก่เมืองนั้นได้ ซึ่งจะบรรลุจุดสุดยอดในคราวการพินาศของเมืองนั้นเมื่อเวลาที่ราชกิจที่ผิดธรรมดาของพระยะโฮวาจะสัมฤทธิ์ผลนั้นมาถึง.
17, 18. พระยะโฮวาทรงกลายมาเป็นมงกุฎแห่งความรุ่งเรืองและมาลาอันงดงามแห่งพลไพร่ของพระองค์อย่างไร?
17 ผู้พยากรณ์ยะซายาพรรณนาถึงสภาพการณ์ซึ่งยังความสุขเบิกบานแก่เหล่าคนที่ตั้งมั่นอยู่ฝ่ายการนมัสการแท้. ท่านกล่าวว่า: “ในวันนั้นพระยะโฮวาจอมพลโยธาจะกลับเป็นมงกุฎแห่งความรุ่งเรือง และเป็นมาลาอันงดงามให้พลเมืองของพระองค์ที่เหลืออยู่นั้น จะเป็นดวงจิตยุติธรรมแก่ผู้ที่นั่งพิจารณาตัดสินความ และทรงเป็นเรี่ยวแรงแก่ผู้เหล่านั้นที่ไล่ศัตรูให้ออกพ้นไปจากประตูเมือง.”—ยะซายา 28:5, 6.
18 เนื่องจากความภักดีที่พวกเขามีต่อความจริง พระยะโฮวาจึงทรงเป็นมงกุฎแห่งสง่าราศีที่ไม่มีวันร่วงโรยแก่ชนจำพวกบ่าวสัตย์ซื่อและฉลาด. สิ่งนี้เป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1926. ปีนั้นเอง วารสารวอชเทาเวอร์ ฉบับวันที่ 1 มกราคมได้เน้นความจำเป็นอันสำคัญยิ่งในการยกย่องเชิดชูพระนามของพระยะโฮวา ในบทความที่เร้าใจเรื่อง “ใครจะถวายเกียรติแด่พระยะโฮวา?” นับแต่นั้นมา คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้พิมพ์เผยแพร่พระนามนี้ไปทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน. ในปี 1931 พวกเขายิ่งแสดงตัวใกล้ชิดพระยะโฮวามากขึ้นโดยการรับเอาชื่อพยานพระยะโฮวา. ยิ่งกว่านั้น ชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นก็ได้ออกมาจากคริสต์ศาสนจักรและส่วนอื่น ๆ ของบาบูโลนใหญ่. คนเหล่านี้เช่นกันได้รับเอาพระนามของพระยะโฮวา. ผลเป็นประการใด? พระยะโฮวาเอง—ไม่ใช่ความเป็นเอกราชชั่วคราวเท่านั้น—ทรงเป็นมงกุฎแห่งความรุ่งเรืองและมาลาอันงดงามสำหรับผู้คนกว่าสี่ล้านคนในประเทศและหมู่เกาะต่าง ๆ ถึง 212 ดินแดน. คนเหล่านั้นช่างมีเกียรติจริง ๆ ที่ได้รับเอาพระนามของพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวและทรงพระชนม์อยู่!—วิวรณ์ 7:3, 4, 9, 10; 15:4.
“พระวิญญาณของพระเจ้าจะอยู่บนท่านนั้น”
19. ใครคือผู้ที่นั่งพิจารณาตัดสินความ และพระยะโฮวาทรงเป็นดวงจิตยุติธรรมแก่ท่านโดยวิธีใด?
19 พระยะโฮวาทรงเป็น “ดวงจิตยุติธรรม” แก่พระเยซู “ผู้ที่นั่งพิจารณาตัดสินความ.” เมื่อพระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงปฏิเสธไม่ยอมให้น้ำใจมัวเมาแห่งการเป็นพันธมิตรแบบโลกครอบงำพระองค์. เดี๋ยวนี้ ในฐานะเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงราชย์ที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้ง พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งทรงนำพระองค์ในการตัดสินอย่างเที่ยงตรงและด้วยการวินิจฉัยที่กระจ่างชัด. คำพยากรณ์นี้ได้สำเร็จในพระเยซู คือ: “พระวิญญาณของพระเจ้า [พระยะโฮวา, ล.ม.] จะสถิตอยู่บนท่านนั้น คือวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ วิญญาณแห่งการวินิจฉัยและอานุภาพ วิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า [พระยะโฮวา, ล.ม.].” (ยะซายา 11:2, ฉบับแปลใหม่) จริงทีเดียว โดยทางพระเยซู พระยะโฮวาจะทรง “กระทำความยุติธรรมให้เป็นเชือกวัดและความชอบธรรมให้เป็นลูกดิ่ง.” (ยะซายา 28:17, ฉบับแปลใหม่) ในขณะที่พวกศัตรูที่มึนเมาฝ่ายวิญญาณจะจมมิดอยู่ในความพินาศนั้น จะมีการปฏิบัติต่อพระนามและสากลพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาอย่างเที่ยงธรรม.
20, 21. ถ้อยคำของยะซายา 28:1–22 มีผลกระทบคุณอย่างไร?
20 ดังนั้น คำพยากรณ์ของยะซายาในบท 28 จึงให้ความหมายที่ชัดแจ้งจริง ๆ แก่พวกเราในทุกวันนี้! หากเรารักษาตัวอยู่ต่างหากจากความมึนเมาฝ่ายวิญญาณของคริสต์ศาสนจักรและยึดมั่นอยู่กับการนมัสการแท้แล้ว เราก็จะได้รับการคุ้มครองเมื่อพระยะโฮวาทรงกระทำการอันแปลกประหลาดและราชกิจอันผิดธรรมดาของพระองค์. เราชื่นชมเพียงใดที่ทราบเรื่องนี้! และเราเป็นสุขเพียงใดที่จะแสดงให้เห็นว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนจะต้องได้รู้ว่าพระยะโฮวาแห่งพลโยธาได้ทรงปฏิบัติการเพื่อประโยชน์ของพลไพร่ที่ซื่อสัตย์และเพื่อชันสูตรเชิดชูพระองค์เองโดยทางพระเยซูคริสต์!—บทเพลงสรรเสริญ 83:17, 18.
21 ฉะนั้น ขอให้คริสเตียนแท้ทุกคนจงประกาศคำเตือนเกี่ยวกับการกระทำอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปอย่างไม่หวั่นกลัว. ให้พวกเรายืนหยัดในการแจ้งถึงราชกิจอันผิดธรรมดาของพระองค์ให้คนอื่น ๆ ทราบ. ขณะที่ทำเช่นนั้น ให้พวกเราประกาศแก่ทุกคนว่าความหวังอันมั่นคงของเรานั้นอยู่กับราชอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งปกครองโดยพระมหากษัตริย์ที่พระองค์ทรงแต่งตั้ง. ขอให้ความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่น และความซื่อสัตย์ภักดีของพวกเราเป็นสิ่งที่ส่งเสริมแก่คำสรรเสริญตลอดกาลแด่พระยะโฮวา พระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ.—บทเพลงสรรเสริญ 146:1, 2, 10.
คุณจำได้ไหม?
▫ ทำไมคริสต์ศาสนจักรจึงตกอยู่ในสภาพการณ์อันน่าอึดอัดใจ?
▫ พระยะโฮวาทรงมีพระประสงค์อย่างไรสำหรับยะรูซาเลม และทำไมนั่นจึงเป็นสิ่งที่ “แปลกประหลาด” และ “ผิดธรรมดา”?
▫ คำเตือนอะไรที่พยานพระยะโฮวาได้พิมพ์เผยแพร่เกี่ยวกับคริสต์ศาสนจักร และพวกเขาเผชิญกับปฏิกิริยาเช่นไร?
▫ ผู้คนจะหนีให้พ้นจากภัยพิบัติอันจะเกิดแก่คริสต์ศาสนจักรได้อย่างไร?
[รูปภาพหน้า 24]
พระยะโฮวาจะทรงกระทำการอันแปลกประหลาดอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นการกระทำต่อคริสต์ศาสนจักร