กิจกรรมที่แผ่ขยายในระหว่างการประทับของพระคริสต์
“ขณะนั้นพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า, ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา. จงมารับเอาแผ่นดินซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก.”—มัดธาย 25:34
1. พารูเซียของพระคริสต์เป็นเช่นเดียวกับ “สมัยของโนฮา” นั้นอย่างไร?
การประทับของพระคริสต์—เหตุการณ์ที่รอกันมานาน! ยุคสมัยที่คล้ายกันกับ “สมัยของโนฮา” ซึ่งพระเยซูได้ตรัสเกี่ยวกับ “ช่วงอวสานของระบบนี้” มาถึงในปี 1914. (มัดธาย 24:3, 37) แต่การประทับของพระคริสต์ หรือพารูเซีย จะหมายถึงสิ่งใดสำหรับชนที่เหลือผู้ถูกเจิมแห่ง “ทาสผู้สัตย์ซื่อและสุขุม”? (มัดธาย 24:45, ล.ม.) พวกเขาจะต้องขมีขมันมากขึ้นในฐานะเป็นผู้ถือความสว่างอย่างไรล่ะ! สิ่งต่าง ๆ อันน่าพิศวงจวนอุบัติขึ้นแล้ว! งานรวบรวมอย่างไม่เคยมีมาก่อนจวนจะเริ่มต้น.
2. การชำระอะไรได้เกิดขึ้นสมจริงตามคำพยากรณ์ที่มาลาคี 3:1-5?
2 แต่ก่อนอื่น คริสเตียนผู้ถูกเจิมต้องรับการชำระ. ดังที่กล่าวไว้ล่วงหน้าในมาลาคี 3:1-5 ว่าพระเจ้ายะโฮวาและพระเยซูคริสต์ “ทูตแห่งคำสัญญาไมตรี” ของพระองค์ได้เสด็จตรวจตราพระวิหารฝ่ายวิญญาณในฤดูใบไม้ผลิปี 1918. การพิพากษาต้องเริ่มกับ “ราชสำนักของพระเจ้า.” (1 เปโตร 4:17, ล.ม.) มาลาคี 3:3 บอกล่วงหน้าว่า “พระองค์ [พระยะโฮวา] จะนั่งลงเหมือนช่างหลอมช่างถลุงเงิน และพระองค์จะถลุงลูกชายทั้งหลายของพวกเลวีดุจดังถลุงทองและเงิน.” ช่วงนั้นแหละเป็นช่วงกลั่นกรองและการชำระให้บริสุทธิ์.
3. เหตุใดเป็นสิ่งสำคัญที่ได้มีการชำระฝ่ายวิญญาณ?
3 เมื่อผ่านการพิพากษาครั้งนี้แล้ว ซึ่งมาถึงสุดยอดในปี 1918 ชนที่เหลือแห่งจำพวกทาสถูกชำระให้สะอาดพ้นจากความด่างพร้อยทางโลกและทางศาสนา. เหตุใดพระยะโฮวาจึงชำระพวกเขา? ทั้งนี้ก็เพราะวิหารฝ่ายวิญญาณของพระองค์เกี่ยวข้อง. นี้เป็นการจัดเตรียมเสมือนวิหารเพื่อการนมัสการพระยะโฮวาโดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่บาปของพระเยซูคริสต์. พระยะโฮวาทรงประสงค์จะให้พระวิหารของพระองค์อยู่ในสภาพสะอาด เพื่อว่าเมื่อนำผู้นมัสการจำนวนมากซึ่งมีความหวังทางแผ่นดินโลกเข้ามาที่นี่ พวกเขาจะพบแหล่งที่เทิดทูนสากลบรมเดชานุภาพของพระองค์ เป็นแหล่งที่พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์และมีการเชื่อฟังกฎหมายอันเที่ยงตรงของพระองค์. ดังนั้น พวกเขาย่อมหยั่งรู้ค่าพระยะโฮวาและร่วมกันในการประกาศพระประสงค์อันยอดเยี่ยมของพระองค์ให้เป็นที่รู้กันทั่ว.
สิทธิพิเศษที่เพิ่มเติม
4, 5. (ก) คำถามของพระเยซูคริสต์ท้าทายแต่ละคนในชนจำพวกทาสในทุกวันนี้อย่างไร? (ข) จะเข้าใจคำกล่าวที่ว่า “ทาสผู้สัตย์ซื่อและสุขุม” และ “คนรับใช้ทั้งหลายของนาย” ได้ในทางใดบ้าง? (ค) พระเยซูได้ทรงมอบหมายหน้าที่อะไรแก่ทาส?
4 ในปี 1919 ชนจำพวกทาสที่ได้รับการชำระแล้วก็สามารถคอยท่าจะทำกิจกรรมที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ. ย้อนไปในปี 1914 พระเยซูคริสต์นายของเขาได้รับราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์. เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาหากลุ่มคนในครอบครัวของพระองค์เพื่อตรวจตราบรรดา “คนรับใช้ทั้งหลาย” พระองค์ทรงรุ่งโรจน์ด้วยอำนาจราชศักดิ์ซึ่งพระองค์หามีไม่ในเวลาที่พระองค์อยู่บนแผ่นดินโลก. พระองค์ทรงพบเห็นอะไร? ชนจำพวกทาสง่วนอยู่กับงานดูแลผลประโยชน์ของนายไหม? ดังมีบันทึกไว้ที่มัดธาย 24:45-47, (ล.ม.) พระเยซูทรงถามคำถามข้อหนึ่งซึ่งเรียกร้องสาวกผู้ถูกเจิมแต่ละคนให้ตรวจสอบดูความเลื่อมใสของตนที่มีต่อพระมาซีฮาของพระยะโฮวาดังนี้: “ที่จริง ใครเป็นทาสผู้สัตย์ซื่อและสุขุม ซึ่งนายได้แต่งตั้งให้ดูแลคนรับใช้ทั้งหลายของท่าน ให้แจกจ่ายอาหารแก่เขาตามเวลาที่สมควร? ทาสผู้นั้นก็เป็นสุข เมื่อนายมาถึงพบเขากำลังกระทำอย่างนั้น. เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนาย.”
5 เห็นได้ชัดว่าคำชี้แจงของพระเยซูในเรื่องทาสสัตย์ซื่อคนนี้ไม่เหมาะเจาะกับมนุษย์คนหนึ่งคนใด. ทว่าคำชี้แจงนี้บ่งความถึงประชาคมผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ของพระองค์โดยส่วนรวม ฐานะเป็นกลุ่มคน. พวกคนรับใช้ทั้งหลายได้แก่สาวกที่ถูกเจิมของพระคริสต์ในฐานะเป็นปัจเจกบุคคล. พระเยซูทรงทราบว่าจะซื้อสาวกผู้ถูกเจิมของพระองค์ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง ดังนั้น เหมาะที่พระองค์ตรัสถึงพวกเขาโดยรวมว่าเป็นทาสของพระองค์. 1 โกรินโธ 7:23 กล่าวถึงพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลาย [พูดโดยรวมแล้ว] ถูกไถ่ค่าตัวไว้แล้วตามราคา อย่าเป็นทาสของมนุษย์เลย.” พระเยซูทรงมอบหมายชนจำพวกทาสของพระองค์ให้ส่องความสว่างออกไปเพื่อดึงดูดคนอื่น ๆ เข้ามาและทำให้เขาเป็นสาวก และให้เลี้ยงดูพวกคนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์เป็นขั้น ๆ ตามลำดับโดยการจัดอาหารฝ่ายวิญญาณให้ตามเวลาอันควร.
6. ทาสได้รับบำเหน็จเช่นไรจากการตรวจตราของพระเยซู?
6 นับตั้งแต่การประทับของพระองค์ได้เริ่มขึ้น จนกระทั่งถึงปี 1918 ชนจำพวกทาส แม้นไม่เป็นที่นิยม, ถูกกดขี่ข่มเหง, และถึงกับอยู่ในสภาพสับสนอยู่บ้าง แต่ก็ได้จัดอาหารให้คนรับใช้ทั้งหลายตามเวลา. นี้คือสิ่งที่นายมาพบเมื่อพระองค์เริ่มการตรวจตรา. พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัย และในปี 1919 พระองค์ทรงประกาศให้ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อเป็นที่ชอบพระทัยและเป็นสุข. อะไรคือรางวัลซึ่งยังความปีติยินดีแก่ทาสเนื่องจากได้กระทำตามที่นายของเขาแต่งตั้งให้ทำ? การเลื่อนขั้น! ใช่แล้ว หน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นในการเพิ่มพูนผลประโยชน์ของนาย. เนื่องจากตอนนี้นายเป็นกษัตริย์ฝ่ายสวรรค์แล้ว ฉะนั้น ทรัพย์สมบัติของนายทางแผ่นดินโลกยิ่งมีค่ามากขึ้น.
7, 8. (ก) ‘ทรัพย์สมบัติทั้งสิ้น’ ของนายมีอะไรบ้าง? (ข) มีข้อเรียกร้องอะไรสำหรับทาสที่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติเหล่านี้?
7 ดังนั้น “ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนาย” ได้แก่อะไร? ทรัพย์ทั้งหมดคือสิ่งฝ่ายวิญญาณทุกอย่างบนแผ่นดินโลกที่ได้กลายเป็นสมบัติของพระคริสต์เกี่ยวข้องกับอำนาจของพระองค์ในฐานะเป็นกษัตริย์ฝ่ายสวรรค์. แน่นอนว่า สิ่งนี้รวมไปถึงหน้าที่มอบหมายที่จะทำให้คนเป็นสาวกของพระคริสต์ พร้อมด้วยสิทธิพิเศษอันยอดเยี่ยมในการเป็นตัวแทนราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ได้ตั้งขึ้นแล้วเพื่อไปถึงนานาประเทศแห่งแผ่นดินโลก.
8 การเลื่อนขั้นให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนายเช่นนั้น จึงทำให้ชนจำพวกทาสต้องให้เวลาและการเอาใจใส่มากขึ้นเพื่องานราชอาณาจักรจะสำเร็จลุล่วง อีกทั้งการขยายอาคารสำนักงานให้ใหญ่พอเพียงกับงาน. เดี๋ยวนี้ชนจำพวกทาสได้มีขอบข่ายงานใหญ่ขึ้น—นั้นคือทั่วโลกที่มีผู้คนอาศัย.
การรวบรวมแกะ
9. มีผลอะไรตามมาเนื่องด้วยการแผ่ขยายกิจกรรมด้านต่าง ๆ ของทาส?
9 ด้วยความเชื่อฟัง ชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและสุขุมจึงขยายกิจกรรมของเขา. ผลเป็นอย่างไร? ตอนนี้รุ่นสุดท้ายของชนผู้ถูกเจิม 144,000 ได้ถูกรวบรวมเข้ามา. แล้วนิมิตของโยฮันที่บันทึกไว้ในวิวรณ์ 7:9-17 ได้สำเร็จเป็นจริงอย่างน่าตื่นเต้นและอบอุ่นใจ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1935 ชนจำพวกทาสชื่นชมยินดีที่ได้รู้เห็นสิ่งที่กล่าวในนิมิตนั้นสมจริงอย่างต่อเนื่อง. บัดนี้ “ชนฝูงใหญ่” หลายล้านคนจากทั่วโลกได้ชุมนุมกันในบริเวณแวดล้อมพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวาในฐานะเป็นผู้นมัสการพระองค์. ทูตของพระยะโฮวากล่าวแก่โยฮันว่าชนฝูงใหญ่นี้ไม่มีใครนับจำนวนได้. ข้อนี้หมายความว่าไม่มีการจำกัดจำนวนผู้คนซึ่งชนจำพวกทาสจะนำมายังพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา. ตราบใดที่ทางนี้ยังเปิดอยู่ งานรวบรวมแกะก็จะดำเนินต่อไป.
10. ทุกวันนี้ ทาสมีส่วนเกี่ยวข้องกับการงานอะไรที่กระทำด้วยความรัก?
10 ชนจำพวกทาสที่ซื่อสัตย์มีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญในการเอาใจใส่ดูแล “แกะอื่น” ที่ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรู้อยู่ว่าชนเยี่ยงแกะเหล่านี้ซึ่งได้ออกมาจากทุกชาตินั้นเป็นที่รักยิ่งของพระเยซูผู้เป็นนาย. ที่แท้แล้ว พวกเขาเป็นฝูงแกะของพระองค์. (โยฮัน 10:16; กิจการ 20:28; 1 เปโตร 5:2-4) ดังนั้น ด้วยความรักที่มีต่อนายและต่อแกะเหล่านั้น ชนจำพวกทาสจึงดูแลเอาใจใส่ต่อความจำเป็นฝ่ายวิญญาณของชนฝูงใหญ่ด้วยความยินดี.
11-13. นายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ในเวลานั้นได้แสดงความคิดเห็นที่เหมาะสมเช่นไรในด้านกิจกรรมของทาส?
11 ถูกแล้ว ส่วนใหญ่ของงานถือความสว่างที่มอบหมายแก่ทาสนั้น รวมไปถึงการรวบรวมประชากรทางแผ่นดินโลกแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า. ในการพิจารณากิจกรรมต่าง ๆ ของทาสสัตย์ซื่อซึ่งทวีมากขึ้นตลอดเวลานั้น เอฟ. ดับเบิลยู. แฟรนซ์ นายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ขณะนั้นกล่าวไว้ไม่นานก่อนมรณกรรมของท่านเมื่อเดือนธันวาคม 1992 ดังนี้:
12 “พระเยซูคริสต์ทรงใช้องค์การนี้ด้วยวิธีการอันมหัศจรรย์มากขึ้นทุกทีตลอดเวลา ดังประสบการณ์ในชีวิตของข้าพเจ้า 99 ปี. ไม่ใช่เป็นเพียงมนุษย์ที่ชี้นำองค์การนี้ แต่ต้องเป็นพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า. เพราะองค์การนี้บรรลุผลในขอบข่ายใหญ่โตและอย่างน่าพิศวงยิ่งกว่าที่เราเคยคาดคิด. ทุกวันนี้เรามีองค์การที่แผ่ไปทั่วโลก. องค์การนี้ดำเนินงานอยู่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้, ตะวันออกและตะวันตก. บุคคลเดียวเท่านั้นสามารถรับผิดชอบในการแผ่ขยายอย่างน่าสังเกตเช่นนี้ ผู้นั้นคือพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงควบคุมดูแลชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและสุขุม. พระปรีชาสามารถของพระองค์มีมากล้นพอจะควบคุมดูแลหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ได้ และนี้คือมูลเหตุของการแผ่ขยายอันใหญ่โตซึ่งพวกเราได้เป็นพยาน.
13 “เรื่องนี้ไม่ได้อาศัยคนคนเดียว. เรามีองค์การตามระบอบของพระเจ้า และองค์การนี้ดำเนินงานในแนวทางของพระเจ้า ในแบบที่มีพระเจ้าชี้นำ. ไม่ใช่คนหนึ่งคนใด แม้ผู้ก่อตั้งสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์ก็ไม่อาจอ้างหรือยกให้เป็นผู้รับผิดชอบสำหรับสิ่งที่ได้สัมฤทธิ์ผลแล้วทั่วโลก. องค์การนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ.” ทุกคนในจำพวกชนฝูงใหญ่ต่างก็เห็นพ้องกันเต็มที่มิใช่หรือกับคำกล่าวของบราเดอร์แฟรนซ์อันแสดงถึงความรู้สึกเช่นนั้น? ใช่แล้ว พวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมที่ขยายกว้างไกลซึ่งกระทำโดยทาสสัตย์ซื่อ.
พลเมืองแห่งราชอาณาจักร
14, 15. (ก) พระเยซูทรงพรรณนาอะไรในคำอุปมาเรื่องเงินชั่ง (มัดธาย 25:14-30)? (ข) ในมัดธายบท 25 มีอะไรตามหลังมาอย่างเหมาะสม?
14 ที่มัดธายบท 25 คำอุปมาของพระเยซูเรื่องแกะกับแพะอธิบายให้เห็นภาพการงานที่ใหญ่โตเกี่ยวกับการรวบรวมผู้คนทางแผ่นดินโลกเข้ามาอยู่ฝ่ายราชอาณาจักรของพระเจ้า. อุทาหรณ์เรื่องก่อนหน้านั้นว่าด้วยเงินชั่ง พระเยซูแสดงให้เห็นว่าเหล่าสาวกที่ถูกเจิมซึ่งหวังจะปกครองร่วมกับพระองค์ในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์จำต้องทำงานเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินของพระองค์ที่อยู่ทางแผ่นดินโลก. นับว่าเหมาะทีเดียว เพราะในอุทาหรณ์ต่อจากนั้น พระเยซูทรงแสดงให้เห็นข้อเรียกร้องสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเป็นพลเมืองแห่งราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระองค์.
15 โปรดสังเกตคำตรัสของพระองค์ที่มัดธาย 25:31-33 (ล.ม.) ดังนี้: “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยสง่าราศีของพระองค์ พร้อมด้วยหมู่ทูตสวรรค์ทั้งสิ้น ครั้นแล้วพระองค์จะทรงประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์ของพระองค์. และบรรดาชนนานาชาติจะถูกรวบรวมเข้ามาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกผู้คนออกจากกันเหมือนผู้เลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ. และพระองค์จะทรงจัดแกะให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ ฝ่ายแพะไว้เบื้องซ้าย.”
16. ชนชาติต่าง ๆ ถูกรวบรวมแล้วประชาชนถูกแยกจากกันโดยวิธีใด?
16 พระเยซูเสด็จมาพร้อมด้วยสง่าราศีในปี 1914. พระองค์และเหล่าทูตสวรรค์ได้เริ่มการรุกไล่โจมตีบรรดาภูตผีปิศาจศัตรูของพระองค์ออกจากสวรรค์. สิ่งที่ติดตามมาในอุทาหรณ์ของพระองค์ทำให้เราหยั่งรู้เข้าใจว่าการประทับของพระองค์บนบัลลังก์ที่รุ่งเรืองด้วยสง่าราศีนั้นแสดงถึงตำแหน่งการเป็นผู้พิพากษาระหว่างการประทับของพระองค์. การรวบรวมชนชาติทั้งปวงตรงพระพักตร์พระองค์ โดยนัยแล้ว หมายความว่าพระเยซูทรงกระทำต่อชาติต่าง ๆ ประหนึ่งผู้ที่พระองค์หวังว่าจะเป็นฝูงของพระองค์. ในฝูงนั้นมีทั้งแกะและแพะปะปนกัน. ในขณะที่การแยกแกะออกจากแพะซึ่งเป็นสัตว์จริงตามตัวอักษรอาจต้องใช้เวลาเป็นส่วนหนึ่งของหนึ่งวัน ส่วนการแยกผู้คนทั่วโลกที่มีเจตจำนงเสรีก็ยิ่งต้องใช้เวลานานกว่ามาก. ทั้งนี้ก็เพราะว่าการแยกคนย่อมขึ้นอยู่กับแนวปฏิบัติของแต่ละคน.
17. เหตุใดสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นเรื่องจริงจังสำหรับประชาชน?
17 ในคำอุปมา กษัตริย์ผู้บำรุงเลี้ยงทรงจัดคนเยี่ยงแกะอยู่เบื้องขวา ส่วนคนเยี่ยงแพะอยู่เบื้องซ้าย. พวกที่อยู่ทางพระหัตถ์เบื้องขวาถูกพิพากษาอย่างที่เป็นประโยชน์คือได้รับชีวิตนิรันดร์. พวกที่อยู่พระหัตถ์เบื้องซ้ายหมายถึงการถูกพิพากษาอย่างไม่เป็นที่โปรดปราน ยังผลเป็นความพินาศตลอดไป. การตัดสินของพระมหากษัตริย์ในเรื่องนี้ก่อผลลัพธ์อย่างจริงจัง.
18. เหตุใดการที่พระมหากษัตริย์ไม่ปรากฏแก่ตาจึงไม่ใช่สาเหตุที่ใคร ๆ จะแก้ตัวได้?
18 การที่บุตรมนุษย์ผู้ครองราชย์แล้วไม่เป็นที่ประจักษ์ในระหว่างการประทับของพระองค์หรือพารูเซีย เช่นนั้นหาใช่ข้อแก้ตัวสำหรับใคร ๆ ไม่. ทุกวันนี้ คนเยี่ยงแกะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเข้ามาร่วมกับชนจำพวกทาสทำการประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ทั่วโลก ส่องความสว่างของตนออกไป. ตามจริงแล้ว การให้คำพยานของเขามีไปถึงทั่วทุกมุมโลก.—มัดธาย 24:14.
19. คุณสมบัติอะไรของชนจำพวกแกะมีอธิบายไว้ในคำอุปมาเรื่องแกะและแพะ?
19 ทำไมกษัตริย์ผู้บำรุงเลี้ยงอำนวยชนเยี่ยงแกะให้มีอนาคตอันเป็นสุขสำราญ? เพราะพวกเขาร่วมสนับสนุนงานประกาศแห่งราชอาณาจักรอย่างสุดหัวใจ ทั้งแสดงความกรุณาต่อพี่น้องผู้ถูกเจิมของพระองค์ ซึ่งพระเยซูทรงถือว่าพวกเขาได้กระทำต่อพระองค์เอง. ดังนั้น บุตรมนุษย์ผู้ทรงราชย์จึงตรัสแก่เขาดังนี้: “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา. จงมารับเอาแผ่นดินซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก.”—มัดธาย 25:34; 28:19, 20.
ช่วยพระมหากษัตริย์
20, 21. ชนจำพวกแกะได้ให้หลักฐานอะไรว่าเขาตั้งตัวอยู่ฝ่ายราชอาณาจักร?
20 โปรดสังเกตว่าเมื่อกษัตริย์เชิญแกะเหล่านี้มารับเอาดินแดนทางโลกภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า พวกเขาแสดงความประหลาดใจ. เขาถามพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่พระองค์นั้นเมื่อไร?’ พระองค์ทรงตอบว่า “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ซึ่งท่านได้กระทำแก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้, ก็เหมือนท่านได้กระทำแก่เราด้วย.” (มัดธาย 25:35) เมื่อพระเยซูทรงปรากฏแก่มาเรีย มัฆดาลาในวันนั้นที่พระองค์คืนพระชนม์ พระองค์ตรัสกับนางเกี่ยวด้วยพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระองค์ว่า “จงไปหาพวกพี่น้องของเรา.” (โยฮัน 20:17, ล.ม.) ในช่วงการประทับอันไม่ประจักษ์นี้ พระเยซูทรงมีชนที่เหลือกลุ่มน้อยในจำนวน 144,000 คนซึ่งเป็นพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก.
21 เนื่องจากพระเยซูทรงประทับในสวรรค์อย่างไม่ประจักษ์แก่ตา การที่คนเยี่ยงแกะเหล่านั้นได้กระทำสิ่งต่าง ๆ ให้กับพระองค์ด้วยความรักจึงเป็นทางอ้อม. พวกเขาเห็นพระองค์ประทับบัลลังก์ด้วยตาแห่งความเชื่อ. พระเยซูทรงหยั่งรู้ค่าความพยายามทุกอย่างซึ่งเขาได้กระทำเพื่อช่วยเหลือพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระองค์ ซึ่งจะกลายเป็นรัชทายาทร่วมกับพระองค์ในสวรรค์. พระองค์ทรงถือว่าการกระทำใด ๆ ต่อพี่น้องของพระองค์ก็เหมือนกระทำต่อพระองค์เป็นส่วนตัว. ชนเยี่ยงแกะตั้งใจทำดีต่อพี่น้องของพระคริสต์เพราะเขาเห็นว่าคนเหล่านั้นเป็นเช่นนั้นจริง. พวกเขาหยั่งรู้ค่าที่พี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระเยซูเป็นราชทูตแห่งราชอาณาจักรของพระยะโฮวา และเขาจึงต้องการจะให้พยานหลักฐานที่แน่นหนาว่าพวกเขายืนหยัดร่วมกับพี่น้องของพระเยซูอยู่ฝ่ายราชอาณาจักรนั้น.
22. ชนจำพวกแกะได้รับรางวัลอย่างไร? (เทียบวิวรณ์ 7:14-17.)
22 พระยะโฮวาทรงทราบล่วงหน้าว่าชนเยี่ยงแกะจะปรากฏตัวระหว่างสมัยการประทับของพระบุตรของพระองค์ และพระองค์ทรงมีบำเหน็จอันวิเศษไว้ให้พวกเขา! ชนฝูงใหญ่จะได้รับพระพรคือสันติสุขบนแผ่นดินโลกนี้ระหว่างรัชสมัยหนึ่งพันปีแห่งการครอบครองโดยทางพระเยซูคริสต์พระมหากษัตริย์ที่พระยะโฮวาได้ทรงแต่งตั้ง.
23. ในทางใดบ้างที่ชนจำพวกแกะได้ช่วยเหลือพี่น้องของพระมหากษัตริย์โดยรู้ตัว?
23 เมื่อเราพิจารณาคำพยากรณ์ต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ที่มาสำเร็จสมจริงในสมัยการประทับของพระคริสต์ พร้อมกับคำอุปมาของพระเยซูเรื่องแกะกับแพะ เราเห็นอะไร? เราพบอย่างนี้: ไม่ใช่การกระทำดีต่อพี่น้องฝ่ายวิญญาณของพระมหากษัตริย์โดยไม่รู้หรือโดยบังเอิญนั้นที่จะทำให้ผู้นั้นเป็นแกะมีฐานะชอบธรรมจำเพาะพระเจ้าและพระมหากษัตริย์ที่พระองค์แต่งตั้ง. ชนที่ถูกนับเป็นจำพวกแกะรู้ ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ แม้เขาจะไม่เห็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงราชย์ด้วยตาของเขาจริง ๆ. พวกเขาบากบั่นช่วยพี่น้องของกษัตริย์ไม่เฉพาะด้านวัตถุ แต่ยังช่วยทางด้านวิญญาณอีกด้วย. โดยวิธีใด? โดยการช่วยเขาในการประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า และโดยการนำการศึกษาพระคัมภีร์เพื่อทำให้คนเป็นสาวกของพระคริสต์. ด้วยเหตุนั้น ปัจจุบันจึงมีผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้าที่ถือความสว่างกว่าสี่ล้านคน.
กิจกรรมที่แผ่กว้างออกไป
24. การพากเพียรทำงานอะไรด้วยความรักซึ่งได้ทำให้ชนจำพวกทาสเป็นคนมีความสุขอย่างยิ่งบนแผ่นดินโลกเวลานี้?
24 ให้เราทบทวนดูการงานอันยอดเยี่ยมของชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อ. ประการแรก ชนจำพวกทาสได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นของนาย—ผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรของพระองค์ที่มีอยู่บนแผ่นดินโลก—และทรัพย์สมบัติเหล่านี้ทวีขึ้นเรื่อย ๆ. ประการที่สอง ทาสนั้นไม่เพียงแต่เลี้ยงดูคนรับใช้ที่รับการเจิมเท่านั้น แต่เลี้ยงอาหารฝ่ายวิญญาณแก่ชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นที่เพิ่มจำนวนตลอดเวลาด้วย. ประการที่สาม ชนจำพวกทาสกำลังนำหน้าในการแผ่ความสว่างแห่งราชอาณาจักร. ประการที่สี่ กิจกรรมต่าง ๆ ของทาสที่แผ่กว้างออกไปมากที่สุดคือการรวบรวมชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่น นำคนเหล่านั้นเขามาสู่พระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา. ประการที่ห้า ชนจำพวกทาส พร้อมด้วยการสนับสนุนอย่างสุดหัวใจของชนเยี่ยงแกะจึงทำให้สามารถขยายอาคารเพื่อการจัดระเบียบสำนักงานสาขาได้ตลอดทั่วโลก รวมทั้งที่สำนักงานใหญ่ในประเทศสหรัฐด้วย. ความอุตสาหะพากเพียรซึ่งเปี่ยมด้วยความรักดังกล่าวได้ทำให้ชนจำพวกทาสเป็นชนที่มีความสุขที่สุดในโลกเวลานี้ และได้ทำให้คนนับล้าน ๆ คนมีความสุขเช่นกัน. คนเหล่านั้นทุกคนขอบพระคุณพระเจ้ายะโฮวาและพระเยซูคริสต์ซึ่งได้ทรงชี้นำในกิจการต่าง ๆ ที่แผ่ขยายออกไปของทาสสุขุม.
25. ชนจำพวกแกะจะยังคงสนับสนุนชนจำพวกทาสต่อ ๆ ไปโดยวิธีใด พร้อมกับมีความคาดหวังอะไร?
25 ขณะนี้ชนจำพวกทาสกำลังทำงานหนักยิ่งกว่าที่แล้ว ๆ มาในหน้าที่ซึ่งพระเจ้าทรงมอบหมายแก่เขา. เวลาที่ยังเหลืออยู่ก่อนที่ “ความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง” จะปะทุขึ้นก็จะหมดอยู่รอมร่อแล้ว! (มัดธาย 24:21) เป็นสิ่งสำคัญเพียงไรที่คนเหล่านั้นซึ่งเป็นแกะของพระเจ้าจะคงอยู่เบื้องขวาแห่งความโปรดปรานของพระมหากษัตริย์ผู้บำรุงเลี้ยง! ดังนั้นแล้ว ให้พวกเราทุกคนสนับสนุนทาสสัตย์ซื่อและสุขุมอยู่เรื่อยไปด้วยความกระตือรือร้น. เฉพาะการทำเช่นนี้ วันหนึ่งในไม่ช้า ชนจำพวกแกะทุกคนจะสามารถได้ยินถ้อยคำอันน่าชื่นใจดังนี้: “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาแผ่นดินซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก.”
คุณตอบได้ไหม?
▫ การพิพากษาอะไรในตอนแรกที่ตามมาหลังการขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์?
▫ มัดธาย 24:45-47 สำเร็จสมจริงอย่างไรในสมัยปัจจุบัน?
▫ เกี่ยวด้วยกิจกรรมที่แผ่ขยายออกไปนั้น ชนจำพวกทาสและชนฝูงใหญ่รู้สึกขอบคุณการงานด้านใดมากที่สุด?
▫ มัดธาย 25:34-40 สำเร็จสมจริงอย่างไรในระหว่างพารูเซีย?
[รูปภาพหน้า 16]
นายฝากทรัพย์สมบัติทุกอย่างไว้ให้ทาสสัตย์ซื่อดูแล
[รูปภาพหน้า 18]
พระเยซูประทับพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์พิพากษาชนชาติต่าง ๆ