งานสมรสที่น่ายินดี—ซึ่งถวายเกียรติแด่พระยะโฮวา
เวลช์กับเอลเทียแต่งงานกันในเมืองโซเวโท แอฟริกาใต้ เมื่อปี 1985. เป็นครั้งคราวเขาทั้งสองดูอัลบัมรูปงานแต่งงานของตนกับซีนซีลูกสาว และทวนความหลังของวันที่น่ายินดีนั้น. ซินซีชอบชี้ตัวแขกที่มาในงานแต่งงานนั้นและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบภาพคุณแม่ของเธอที่แต่งตัวสวยจริง ๆ.
การแต่งงานนั้นเริ่มต้นด้วยคำบรรยายเรื่องการสมรสในห้องประชุมท้องถิ่นในเมืองโซเวโท. ต่อจากนั้นคณะนักร้องหนุ่มสาวคริสเตียนร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าโดยประสานเสียงกันสี่ระดับเสียง. จากนั้น พวกแขกรับประทานอาหารกันขณะที่มีการเล่นเทปดนตรีทำนองเพลงราชอาณาจักรคลอไปเบา ๆ. ไม่มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีดนตรีที่เสียงดังหรือการเต้นรำ. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกแขกเพลิดเพลินกับการคบหาสมาคมกันและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว. กิจกรรมทั้งหมดดำเนินไปราว ๆ สามชั่วโมง. เรย์มอนด์คริสเตียนผู้ปกครองพูดถึงความหลังว่า “เป็นงานสมรสซึ่งจะทำให้ผมรำลึกถึงด้วยความชื่นชมเสมอ.”
ในตอนที่เขาแต่งงานนั้น เวลช์และเอลเทียเป็นคนงานอาสาสมัคร ณ สาขาของสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ที่แอฟริกาใต้. เขาทั้งสองสามารถจัดได้เพียงแค่การแต่งงานแบบเรียบง่ายเท่านั้น. คริสเตียนบางคนได้ตัดสินใจเลือกที่จะลาออกจากงานเผยแพร่เต็มเวลาแล้วทำงานอาชีพเพื่อจะชำระค่าใช้จ่ายสำหรับงานสมรสที่หรูหรา. อย่างไรก็ตาม เวลช์กับเอลเทียไม่เสียดายที่เขาตัดสินใจเลือกจัดงานสมรสแบบเรียบง่าย เพราะนั่นเปิดโอกาสให้เขารับใช้พระเจ้าต่อไปฐานะผู้เผยแพร่เต็มเวลาจนกระทั่งซีนซีเกิดมา.
แต่จะว่าอย่างไรหากคู่บ่าวสาวจะตัดสินใจเลือกที่จะมีดนตรีและการเต้นรำทางโลก ณ งานสมรสของเขา? จะว่าอย่างไรหากเขาตัดสินใจจัดให้มีไวน์หรือเครื่องดื่มอื่นที่มีแอลกอฮอล์? จะว่าอย่างไรหากเขาสามารถจัดงานสมรสที่ใหญ่โตและหรูหราได้? เขาจะทำให้แน่ใจได้อย่างไรว่าเหตุการณ์นั้นจะปรากฏว่าเป็นโอกาสที่เปี่ยมด้วยความสุขซึ่งเหมาะกับผู้นมัสการพระเจ้า? คำถามดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะคัมภีร์ไบเบิลสั่งว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะกินจะดื่มก็ดี, หรือจะทำประการใดก็ดี, จงกระทำทุกสิ่งให้เป็นที่ถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า.”—1 โกรินโธ 10:31.
หลีกเลี่ยงการเลี้ยงอึกทึก
เป็นเรื่องยากที่จะนึกภาพงานสมรสที่ไร้ความยินดี. แต่การดำเนินไปสุดขั้วอีกด้านหนึ่งและมีการเลี้ยงที่อึกทึกอย่างไม่มีการเหนี่ยวรั้งมีอันตรายร้ายแรงมากกว่า. ณ งานสมรสที่ไม่ใช่ของพยานฯ หลายงาน มีหลายสิ่งเกิดขึ้นซึ่งหลู่เกียรติยศของพระเจ้า. ตัวอย่างเช่น การใช้แอลกอฮอล์ถึงขั้นเมามายเป็นเรื่องธรรมดา. น่าเศร้า เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นกระทั่งในงานสมรสคริสเตียนบางงานด้วยซ้ำ.
คัมภีร์ไบเบิลเตือนว่า “สุราทำให้เกิดการพาลเกเร.” (สุภาษิต 20:1) คำภาษาฮีบรูที่ได้รับการแปลว่า “พาลเกเร” หมายถึง “ทำเสียงดังเอะอะ.” หากแอลกอฮอล์สามารถทำให้คนหนึ่งส่งเสียงเอะอะ ขอให้นึกภาพว่าจะเป็นอย่างไรกับฝูงชนจำนวนมากซึ่งอยู่ด้วยกันและดื่มมากเกินไป! ปรากฏชัดว่า โอกาสดังกล่าวอาจเปลี่ยนไปในทางที่เลวลงอย่างง่ายดายจนกลายเป็น “การเมาเหล้ากัน, การเลี้ยงอึกทึก, และการต่าง ๆ ทำนองนั้น” ซึ่งคัมภีร์ไบเบิลจัดรายการไว้ว่าเป็น “การของเนื้อหนัง.” กิจปฏิบัติดังกล่าวกีดกั้นใครก็ตามที่ไม่ยอมกลับใจจากการรับชีวิตนิรันดร์ภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก.—ฆะลาเตีย 5:19-21, ล.ม.
มีการใช้คำภาษากรีกสำหรับ “การเลี้ยงอึกทึก” เพื่อพรรณนาถึงขบวนแห่ของหนุ่มสาวมึนเมาซึ่งร้องเพลง, เต้นรำ, และเล่นดนตรี, ส่งเสียงเอะอะไปตามถนน. หากมีการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไม่อั้น ณ งานสมรส และถ้ามีดนตรีที่เสียงดังและการเต้นรำอย่างไม่มีการควบคุมแล้ว ก็มีอันตรายจริง ๆ ที่โอกาสนั้นจะกลายเป็นเหมือนการเลี้ยงอึกทึก. ในบรรยากาศแบบนั้น คนที่อ่อนแอด้านศีลธรรมและด้านวิญญาณอาจตกเข้าสู่การล่อใจอย่างง่าย ๆ และกระทำการของเนื้อหนังอื่น ๆ เช่น “การผิดประเวณี, การโสโครก, การประพฤติหละหลวม, [หรือ ยอมจำนนต่อ] การบันดาลโทสะ.” อาจทำประการใดเพื่อป้องกันการของเนื้อหนังดังกล่าวมิให้ทำลายความยินดีในงานสมรสของคริสเตียน? เพื่อตอบคำถามนั้น ขอให้เราพิจารณาสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับงานสมรสงานหนึ่ง.
งานสมรสที่พระเยซูได้เข้าร่วม
พระเยซูและเหล่าสาวกของพระองค์ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานสมรสในบ้านคานา มณฑลฆาลิลาย. พระองค์และเหล่าสาวกยอมรับคำเชิญ และพระเยซูถึงกับมีส่วนส่งเสริมความยินดีของโอกาสนั้นด้วยซ้ำ. เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ให้มีเหล้าองุ่นคุณภาพดีเลิศในปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ. หลังจากงานสมรส เหล้าองุ่นส่วนที่เหลือนั้นสนองความต้องการของเจ้าบ่าวที่สำนึกบุญคุณและครอบครัวของเขาชั่วระยะหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย.—โยฮัน 2:3-11.
มีบทเรียนหลายอย่างที่เราเรียนได้จากงานสมรสที่พระเยซูได้เข้าร่วม. ประการแรก พระเยซูกับเหล่าสาวกมิได้เข้าไปในงานเลี้ยงสมรสโดยไม่ได้รับเชิญ. คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างชัดเจนว่าพวกเขาได้รับเชิญ. (โยฮัน 2:1, 2) เช่นเดียวกัน ในอุทาหรณ์สองเรื่องเกี่ยวกับงานเลี้ยงสมรส พระเยซูตรัสซ้ำถึงแขกที่เข้าร่วมเพราะพวกเขาได้รับเชิญ.—มัดธาย 22:2-4, 8, 9; ลูกา 14:8-10.
ในบางดินแดนเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนในชุมชนจะรู้สึกเป็นอิสระที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงสมรสไม่ว่าถูกเชิญหรือไม่ก็ตาม. อย่างไรก็ดี นี่อาจนำไปสู่ความยากลำบากด้านการเงิน. คู่สมรสซึ่งไม่ร่ำรวยอาจต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อจะรับประกันว่ามีอาหารและเครื่องดื่มพอเพียงสำหรับฝูงชนที่ไม่จำกัดจำนวน. เพราะฉะนั้น ถ้าคู่สมรสคริสเตียนตัดสินใจจัดงานเลี้ยงแบบเรียบง่ายพร้อมกับกำหนดจำนวนแขก เพื่อนคริสเตียนที่ไม่ได้ถูกเชิญควรเข้าใจเรื่องนี้และแสดงความนับถือ. ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งงานในเมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ เล่าว่าเขาเชิญแขก 200 คนมางานสมรสของเขา. แต่มีแขกมา 600 คนและพวกเขารับประทานอาหารหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว. ในบรรดาคนที่ไม่ได้รับเชิญนั้นก็มีนักท่องเที่ยวหนึ่งคันรถซึ่งบังเอิญมาท่องเที่ยวเมืองเคปทาวน์ในวันสุดสัปดาห์ที่มีงานสมรส. มัคคุเทศก์ของรถท่องเที่ยวคันนี้เป็นญาติห่าง ๆ ของเจ้าสาวและคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะพากลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งหมดมาด้วยโดยไม่ได้ปรึกษาเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวด้วยซ้ำ!
สาวกแท้ของพระเยซูจะหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานเลี้ยงการสมรสโดยไม่ได้รับเชิญ และรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมไว้สำหรับแขกที่ถูกเชิญ เว้นแต่มีการแจ้งว่างานเลี้ยงนี้เปิดให้ทุกคนเข้าร่วมได้ . คนเหล่านั้นที่ถูกล่อใจให้ไปโดยไม่ได้รับเชิญน่าจะถามตัวเองว่า ‘การที่ฉันเข้าร่วมงานเลี้ยงสมรสนี้จะไม่แสดงให้เห็นการขาดความรักต่อคู่สมรสใหม่หรอกหรือ? ฉันจะทำให้เกิดความไม่สะดวกและทำลายความยินดีของโอกาสนั้นไหม?’ แทนที่จะขุ่นเคืองใจที่ไม่ได้รับเชิญ ด้วยความรัก คริสเตียนที่มีความเข้าใจอาจส่งข่าวแสดงความยินดีต่อคู่สมรสและขอพระยะโฮวาอวยพระพรเขา. เขาอาจคำนึงถึงการช่วยคู่สมรสโดยส่งของขวัญให้เพื่อเพิ่มความสุขในวันสมรสของเขาทั้งสองด้วยซ้ำ.—ท่านผู้ประกาศ 7:9; เอเฟโซ 4:28.
ใครเป็นผู้รับผิดชอบ?
ในภูมิภาคต่าง ๆ ของแอฟริกา เป็นธรรมเนียมที่ญาติผู้ใหญ่จะควบคุมดูแลการจัดเตรียมงานสมรส. คู่สมรสอาจรู้สึกขอบคุณในเรื่องนี้ เนื่องจากนั่นปลดเปลื้องเขาจากพันธะด้านการเงิน อีกทั้งอาจรู้สึกว่านั่นอาจปลดเปลื้องเขาจากความรับผิดชอบต่อสิ่งใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้. อย่างไรก็ตาม ก่อนยอมรับความช่วยเหลือรูปแบบใด ๆ จากญาติที่มีเจตนาดี คู่สมรสควรแน่ใจว่าความประสงค์ส่วนตัวของตนจะได้รับความนับถือ.
ถึงแม้พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้าผู้ “ลงมาจากสวรรค์” ก็ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าพระองค์ทรงควบคุมดูแลและบัญชาเรื่องส่วนใหญ่ ณ งานสมรสในบ้านคานา. (โยฮัน 6:41) แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่ามีคนอื่นได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดงานเลี้ยง.” (โยฮัน 2:8, ล.ม.) ผู้นั้นต้องรับผิดชอบต่อประมุขครอบครัวใหม่อีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็คือเจ้าบ่าว.—โยฮัน 2:9, 10.
ญาติ ๆ ที่เป็นคริสเตียนควรนับถือประมุขของครอบครัวใหม่ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง. (โกโลซาย 3:18-20) เขาเป็นคนที่ควรรับหน้าที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ณ งานสมรสของเขา. ตามธรรมดา เจ้าบ่าวควรเป็นคนมีเหตุผล และถ้าเป็นไปได้ก็โอนอ่อนผ่อนตามความประสงค์ของเจ้าสาว บิดามารดาของเขาและญาติทางเจ้าสาว. กระนั้น หากญาติยืนกรานในการจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างที่ขัดกับความประสงค์ของคู่สมรสแล้ว ถ้าเช่นนั้นคู่สมรสอาจต้องปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาอย่างสุภาพและจ่ายเงินสำหรับงานสมรสแบบเรียบง่ายของตนเอง. โดยวิธีนี้ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งละความทรงจำที่ไม่น่ายินดีไว้กับคู่สมรส. ตัวอย่างเช่น ณ การสมรสของคริสเตียนรายหนึ่งในแอฟริกา ญาติที่ไม่มีความเชื่อซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพได้ดื่มอวยพรแก่บรรพบุรุษที่ตายแล้ว!
บางครั้งคู่สมรสออกไปเพื่อดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ก่อนงานฉลองสมรสสิ้นสุดลง. ในกรณีเช่นนั้น เจ้าบ่าวควรจัดให้มีคนที่รับผิดชอบเพื่อทำให้แน่ใจว่ามีการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานของคัมภีร์ไบเบิลและการฉลองจบลงในเวลาที่เหมาะสม.
การวางแผนอย่างรอบคอบและความสมดุล
ดูเหมือนว่า มีอาหารดี ๆ มากมายในงานสมรสที่พระเยซูได้เข้าร่วม เพราะคัมภีร์ไบเบิลพรรณนางานนั้นว่าเป็นงานเลี้ยงสมรส. ดังที่ได้สังเกตแล้ว มีเหล้าองุ่นมากมายด้วย. ไม่ต้องสงสัยว่า มีดนตรีที่เหมาะสมและการเต้นรำที่สง่างาม เพราะนี่เป็นลักษณะทั่วไปของชีวิตทางสังคมของชาวยิว. พระเยซูทรงชี้แจงเรื่องนี้ในอุทาหรณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของพระองค์เกี่ยวกับบุตรสุรุ่ยสุร่าย. บิดาผู้ร่ำรวยในเรื่องนั้นเป็นสุขเบิกบานในการกลับมาของบุตรที่กลับใจจนถึงกับพูดว่า “จง . . . เลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด.” ตามที่พระเยซูตรัสนั้น การฉลองประกอบด้วย “มโหรีและเต้นรำ.”—ลูกา 15:23, 25.
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสนใจ คัมภีร์ไบเบิลมิได้กล่าวอย่างเจาะจงถึงดนตรีและการเต้นรำ ณ งานสมรสที่บ้านคานา. ที่จริง ไม่มีการกล่าวถึงการเต้นรำในเรื่องราวใด ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการสมรส. ดูเหมือนว่า ในท่ามกลางผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าในสมัยคัมภีร์ไบเบิล การเต้นรำเป็นรายการปลีกย่อยและไม่ใช่ลักษณะสำคัญของงานสมรส. เราสามารถเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?
ณ งานสมรสคริสเตียนบางงานในแอฟริกา มีการใช้ระบบเสียงอิเล็กทรอนิกที่มีกำลังขยายสูง. ดนตรีอาจเสียงดังมากจนแขกไม่สามารถคุยกันได้อย่างสะดวก. บางครั้ง อาหารขาด มีไม่พออย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ขาดการเต้นรำที่กลายเป็นแบบไม่มีการเหนี่ยวรั้งไปอย่างง่ายดาย. แทนที่จะเป็นงานเลี้ยงสมรส โอกาสดังกล่าวอาจเป็นเพียงข้อแก้ตัวสำหรับงานเลี้ยงเต้นรำ. นอกจากนี้ บ่อยครั้งดนตรีที่เสียงดังมักดึงดูดผู้ก่อกวน คนแปลกหน้าซึ่งเข้ามาง่าย ๆ โดยไม่ได้รับเชิญ.
เนื่องจากบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับงานสมรสไม่ได้เน้นดนตรีและการเต้นรำ เรื่องนี้น่าจะชี้นำคู่ชายหญิงซึ่งวางแผนงานสมรสอย่างที่จะถวายเกียรติพระยะโฮวามิใช่หรือ? กระนั้น ในการเตรียมสำหรับงานสมรสหลายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ในภาคใต้ของแอฟริกา หนุ่มสาวคริสเตียนซึ่งถูกเลือกให้มีส่วนแสดงในงานเลี้ยงสมรสใช้เวลาหลายชั่วโมงในการฝึกหัดจังหวะเต้นรำที่เต้นยาก. พวกเขาใช้เวลามากในเรื่องนี้หลายเดือน. แต่คริสเตียนจำเป็นต้อง “ซื้อโอกาสมาใช้” สำหรับ “สิ่งที่สำคัญกว่า” เช่น งานเผยแพร่กิตติคุณ, การศึกษาส่วนตัว, และการเข้าร่วมการประชุมคริสเตียน.—เอเฟโซ 5:16; ฟิลิปปอย 1:10, ล.ม.
จากปริมาณของเหล้าองุ่นที่พระเยซูทรงจัดเตรียมนั้น ดูเหมือนว่างานสมรสในบ้านคานาเป็นงานที่ใหญ่โตและหรูหรา. อย่างไรก็ตาม เราแน่ใจได้ว่าโอกาสนั้นไม่ใช่เป็นแบบอึกทึกครึกโครม และพวกแขกก็ไม่ได้ใช้แอลกอฮอล์ในทางผิดดังที่เคยเป็น ณ งานสมรสของชาวยิวบางงาน. (โยฮัน 2:10) เราแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร? เพราะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในบรรดาผู้เข้าร่วม. ในบรรดามนุษย์ทั้งปวง พระเยซูคงจะเป็นผู้ซึ่งระวังมากที่สุดในการเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าเกี่ยวกับการคบหาสมาคมที่ไม่ดีที่ว่า “อย่ามั่วสุมกับนักเสพเหล้าองุ่น.”—สุภาษิต 23:20.
เพราะฉะนั้น หากคู่สมรสตัดสินใจให้มีการเสิร์ฟไวน์หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่มีแอลกอฮอล์ ณ งานสมรสของเขา เขาควรเตรียมการเพื่อว่าการทำเช่นนั้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเคร่งครัดของบุคคลที่ดูแลรับผิดชอบ. และหากเขาตัดสินใจจัดให้มีดนตรี เขาก็ควรเลือกท่วงทำนองเพลงที่เหมาะสม และจัดให้มีบุคคลที่ดูแลรับผิดชอบในการควบคุมเสียง. ไม่ควรอนุญาตให้แขกเข้ามาทำหน้าที่นี้และนำดนตรีที่น่าสงสัยมาเล่นหรือเร่งเสียงขึ้นถึงระดับที่ไม่เหมาะสม. หากจะมีการเต้นรำ ก็อาจนำเสนอในแบบสง่างามและมีการควบคุม. หากญาติที่ไม่มีความเชื่อหรือคริสเตียนที่ไม่อาวุโสใช้ท่าทางการเต้นรำที่หยาบคายและเร้าความรู้สึก เจ้าบ่าวอาจต้องเปลี่ยนชนิดของดนตรีและขอร้องอย่างผ่อนสั้นผ่อนยาวให้ยุติการเต้นรำนั้น. มิฉะนั้น งานสมรสอาจเสื่อมลงจนเป็นสภาพที่วุ่นวายและทำให้เกิดการสะดุด.—โรม 14:21.
เนื่องจากอันตรายที่แฝงอยู่ในการเต้นรำสมัยใหม่บางรูปแบบ, ดนตรีเสียงดัง, และการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไม่อั้น เจ้าบ่าวคริสเตียนหลายคนได้ตัดสินใจไม่ให้มีสิ่งเหล่านี้ในงานสมรสของเขา. บางคนถูกตำหนิในเรื่องนี้ แต่เขาน่าจะได้รับการชมเชยมากกว่าเนื่องด้วยความปรารถนาของเขาที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งใด ๆ ซึ่งอาจนำคำติเตียนมาสู่พระนามอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า. ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าบ่าวบางคนจัดให้มีดนตรีที่เหมาะสม, เวลาสำหรับการเต้นรำ, และเสิร์ฟแอลกอฮอล์พอประมาณ. ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เจ้าบ่าวต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้น ณ งานสมรสของเขา.
ในแอฟริกา บางคนที่ไม่อาวุโสดูถูกงานสมรสคริสเตียนที่สง่างามและบอกว่างานนั้นเป็นเหมือนการเข้าร่วมพิธีฝังศพ. อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ทัศนะที่สมดุล. การของเนื้อหนังที่ผิดบาปอาจนำความตื่นเต้นมาให้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่การเหล่านั้นทิ้งสติรู้สึกผิดชอบที่ถูกรบกวนไว้กับคริสเตียน และนำคำติเตียนมาสู่พระนามของพระเจ้า. (โรม 2:24) ในอีกด้านหนึ่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าก่อความยินดีแท้. (ฆะลาเตีย 5:22) คู่สมรสคริสเตียนหลายคู่หวนคิดถึงวันแต่งงานของตนด้วยความภูมิใจ เพราะรู้ว่านั่นเป็นโอกาสที่ทำให้มีความสุขและไม่ “เป็นเหตุให้มีการสะดุด.”—2 โกรินโธ 6:3, ล.ม.
เวลช์กับเอลเทียยังคงจำคำพูดแสดงความชื่นชมหลายอย่างของญาติที่ไม่มีความเชื่อซึ่งได้เข้าร่วมงานสมรสของเขา. ญาติคนหนึ่งบอกว่า “เราเบื่อหน่ายงานแต่งงานที่เสียงดังเอะอะซึ่งมีขึ้นในสมัยนี้. วิเศษจริง ๆ ที่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานที่เหมาะสมอย่างนี้เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”.
สำคัญที่สุด งานสมรสคริสเตียนที่น่ายินดีและสง่างามย่อมถวายเกียรติแด่พระยะโฮวาพระเจ้า ผู้ทรงริเริ่มการสมรส.
[กรอบ/ภาพหน้า 22]
ตรวจดูรายการสำหรับงานเลี้ยงสมรส
• หากคุณเชิญญาติที่ไม่มีความเชื่อให้พูด คุณได้ทำให้แน่ใจแล้วไหมว่าเขาจะไม่นำประเพณีบางอย่างที่ไม่ใช่แบบคริสเตียนเข้ามา?
• ถ้าจะมีการเล่นดนตรี คุณได้เลือกเฉพาะเพลงที่เหมาะสมเท่านั้นไหม?
• จะมีการเล่นดนตรีด้วยเสียงที่พอเหมาะไหม?
• หากมีการอนุญาตให้เต้นรำ นั่นจะดำเนินไปในแบบที่สง่างามไหม?
• จะมีการเสิร์ฟแอลกอฮอล์อย่างพอประมาณเท่านั้นไหม?
• จะมีผู้ดูแลรับผิดชอบการแจกจ่ายแอลกอฮอล์ไหม?
• คุณได้กำหนดเวลาที่เหมาะไว้สำหรับการทำให้งานเลี้ยงสมรสจบลงไหม?
• ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบจะอยู่ที่นั่นเพื่อรับประกันความสงบเรียบร้อยจนกระทั่งงานเลิกไหม?