ครอบครัวคริสเตียน—จงทำตามแบบอย่างของพระเยซู!
“พระคริสต์ . . . ทรงวางแบบอย่างไว้ให้พวกท่านดำเนินตามรอยพระบาทของ พระองค์อย่างใกล้ชิด.”—1 เป. 2:21
1. (ก) พระบุตรของพระเจ้ามีบทบาทอะไรในการทรงสร้าง? (ข) พระเยซูทรงรู้สึกอย่างไรต่อมนุษย์?
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก พระบุตรหัวปีทรงอยู่เคียงข้างและ “เป็นนายช่าง” ของพระองค์. พระบุตรของพระเจ้าทรงร่วมมือกับพระบิดาด้วยเมื่อพระยะโฮวาทรงออกแบบและสร้างสัตว์และพืชมากมายหลากหลายบนแผ่นดินโลก และเมื่อพระองค์ทรงเตรียมอุทยานที่จะเป็นบ้านของมนุษย์ซึ่งพระยะโฮวาทรงสร้างตามแบบพระองค์และให้มีลักษณะคล้ายกับพระองค์. พระบุตรของพระเจ้า ซึ่งภายหลังเป็นที่รู้จักกันในนามพระเยซู ทรงรักมนุษย์อย่างยิ่ง. “สิ่งที่ทำให้ [พระองค์] ยินดีนั้นเกี่ยวข้องกับเหล่าบุตรของมนุษย์.”—สุภา. 8:27-31, ล.ม.; เย. 1:26, 27
2. (ก) พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมอะไรไว้สำหรับมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์? (ข) แง่มุมหนึ่งในชีวิตที่คัมภีร์ไบเบิลให้การชี้นำคืออะไร?
2 หลังจากที่มนุษย์คู่แรกทำบาป การไถ่ถอนมนุษย์ที่ผิดบาปกลายเป็นส่วนสำคัญในพระประสงค์ของพระยะโฮวา. พระยะโฮวาทรงจัดให้มีเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์เพื่อการไถ่ถอนดังกล่าวจะเป็นไปได้. (โรม 5:8) นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงจัดให้มีพระคำของพระองค์ คือคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งให้การชี้นำแก่มนุษย์เกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับความไม่สมบูรณ์ที่ได้รับตกทอดมา. (เพลง. 119:105) พระยะโฮวาทรงจัดให้มีการชี้นำในพระคำของพระองค์เพื่อช่วยผู้คนให้รักษาสภาพครอบครัวที่มั่นคงและมีความสุข. หนังสือเยเนซิศกล่าวเกี่ยวกับการสมรสว่า ผู้ชายต้อง “ผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อหนังอันเดียวกัน.”—เย. 2:24
3. (ก) พระเยซูทรงสอนอะไรเกี่ยวกับการสมรส? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความนี้?
3 ระหว่างที่ทรงรับใช้บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงเน้นว่าพระเจ้าทรงมุ่งหมายให้การสมรสเป็นสายสัมพันธ์ที่ถาวร. พระเยซูทรงสอนหลักการซึ่งเมื่อนำมาใช้จะช่วยแต่ละคนในครอบครัวให้หลีกเลี่ยงเจตคติและการกระทำที่อาจก่อผลเสียหายต่อสายสมรสหรือความสุขของครอบครัว. (มัด. 5:27-37; 7:12) บทความนี้จะพิจารณาวิธีที่คำสอนและตัวอย่างของพระเยซูขณะที่ทรงอยู่บนแผ่นดินโลกสามารถช่วยสามี, ภรรยา, บิดามารดา, และบุตรให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและอิ่มใจพอใจ.
วิธีที่สามีคริสเตียนให้เกียรติภรรยา
4. มีความคล้ายคลึงกันอย่างไรระหว่างบทบาทของพระเยซูกับบทบาทของสามีคริสเตียน?
4 พระเจ้าทรงแต่งตั้งสามีให้เป็นประมุขครอบครัว เช่นเดียวกับที่พระเยซูทรงเป็นประมุขของประชาคม. อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “สามีเป็นประมุขของภรรยาเหมือนพระคริสต์ทรงเป็นประมุขของประชาคมซึ่งเป็นพระกายที่พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด. สามีทั้งหลาย จงรักภรรยาเสมออย่างที่พระคริสต์ทรงรักประชาคมและได้สละพระองค์เองเพื่อประชาคม.” (เอเฟ. 5:23, 25) ที่จริง วิธีที่พระเยซูปฏิบัติต่อเหล่าสาวกเป็นมาตรฐานที่ผู้ชายคริสเตียนจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติต่อภรรยา. ให้เราพิจารณาบางวิธีที่พระเยซูทรงใช้อำนาจที่พระเจ้าประทานแก่พระองค์.
5. พระเยซูทรงใช้อำนาจต่อเหล่าสาวกอย่างไร?
5 พระเยซู “เป็นคนอ่อนโยนและถ่อมใจ.” (มัด. 11:29) พระองค์ทรงลงมือกระทำอย่างเด็ดขาดตามที่จำเป็นด้วย. พระองค์ไม่เคยทิ้งความรับผิดชอบ. (มโก. 6:34; โย. 2:14-17) พระองค์ทรงให้คำแนะนำอย่างกรุณาแก่เหล่าสาวก แม้แต่เมื่อจำเป็นต้องแนะนำซ้ำหลายครั้ง. (มัด. 20:21-28; มโก. 9:33-37; ลูกา 22:24-27) ถึงกระนั้น พระองค์ไม่ทรงดุด่าหรือทำให้พวกเขาขายหน้า อีกทั้งไม่ทรงทำให้พวกเขารู้สึกว่าพระองค์ไม่รักหรือพวกเขาไร้ความสามารถในการทำสิ่งที่พระองค์สอนพวกเขา. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระองค์ทรงชมเชยและให้กำลังใจเหล่าสาวก. (ลูกา 10:17-21) ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่พระเยซูทรงได้รับความนับถือจากเหล่าสาวกเพราะพระองค์ทรงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความรักและความเห็นใจ!
6. (ก) สามีจะเรียนรู้อะไรได้จากวิธีที่พระเยซูทรงปฏิบัติต่อเหล่าสาวก? (ข) เปโตรสนับสนุนสามีให้ทำอะไร?
6 ตัวอย่างของพระเยซูสอนสามีทั้งหลายว่าตำแหน่งประมุขตามหลักการคริสเตียนไม่ใช่ตำแหน่งที่ข่มขี่ผู้อื่น. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น คนที่เป็นประมุขต้องปฏิบัติต่อภรรยาด้วยความรักอย่างที่ให้เกียรติและเสียสละ. อัครสาวกเปโตรสนับสนุนสามีให้เลียนแบบแนวทางอันเปี่ยมด้วยความรักของพระเยซู ด้วยการ “อยู่กับภรรยา . . . ในลักษณะเดียวกัน” โดย “ให้เกียรตินาง.” (อ่าน1 เปโตร 3:7) ถ้าอย่างนั้น สามีจะใช้อำนาจและในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติต่อภรรยาอย่างให้เกียรติตามที่เธอสมควรได้รับโดยวิธีใด?
7. สามีจะให้เกียรติภรรยาโดยวิธีใด? จงยกตัวอย่าง.
7 วิธีหนึ่งที่สามีจะให้เกียรติภรรยาก็คือโดยคำนึงถึงทัศนะและความรู้สึกของเธอก่อนตัดสินใจเรื่องที่มีผลกระทบต่อครอบครัว. อาจมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการย้ายบ้านหรือการเปลี่ยนงานหรือเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น จะไปพักร้อนที่ไหนหรือจะปรับงบประมาณของครอบครัวอย่างไรเพื่อรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น. เนื่องจากครอบครัวจะได้รับผลกระทบ คงเป็นประโยชน์และเป็นความกรุณาที่สามีจะคำนึงถึงความเห็นของภรรยา เพราะการทำอย่างนั้นอาจช่วยเขาให้ตัดสินใจได้อย่างสมดุลและรอบคอบกว่า และทำให้ง่ายขึ้นที่เธอจะสนับสนุนเขา. (สุภา. 15:22) สามีคริสเตียนที่ให้เกียรติภรรยาไม่เพียงแต่ได้รับความรักและความนับถือจากภรรยา แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขายังได้รับความพอพระทัยจากพระยะโฮวาด้วย.—เอเฟ. 5:28, 29
วิธีที่ภรรยาแสดงความนับถือสามีอย่างสุดซึ้ง
8. เหตุใดจึงไม่ควรทำตามตัวอย่างของฮาวา?
8 ภรรยาคริสเตียนมีพระเยซูเป็นแบบอย่างอันสมบูรณ์แบบในเรื่องการอยู่ใต้อำนาจ. ทัศนะของพระองค์ในเรื่องอำนาจช่างต่างจริง ๆ กับเจตคติของมนุษย์ที่เป็นภรรยาคนแรก! ฮาวาไม่ได้วางแบบอย่างที่ดีให้ภรรยาทั้งหลายเลียนแบบ. เธอมีประมุขที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งจากพระยะโฮวา. กระนั้น ฮาวาไม่ได้แสดงความนับถือต่อการจัดเตรียมนี้. เธอไม่ทำตามคำสั่งที่อาดามถ่ายทอดแก่เธอ. (เย. 2:16, 17; 3:3; 1 โค. 11:3) จริงอยู่ ฮาวาถูกหลอก แต่เธอก็ควรปรึกษากับสามีว่าเธอควรเชื่อเสียงที่อ้างว่าบอกเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ “พระเจ้าทรงทราบ” หรือไม่. แทนที่จะทำอย่างนั้น เธอทำเกินสิทธิ์ด้วยการชี้นำสามีให้ทำตามเธอ.—เย. 3:4-6; 1 ติโม. 2:14
9. พระเยซูทรงวางตัวอย่างไว้อย่างไรในเรื่องการอยู่ใต้อำนาจ?
9 ต่างกับฮาวา พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในเรื่องการอยู่ใต้อำนาจประมุข. เจตคติของพระองค์และแนวทางชีวิตแสดงว่าพระองค์ “ไม่เคยคิดจะชิงอำนาจเพื่อจะมีฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้า.” ตรงกันข้าม “พระองค์ทรงสละพระองค์เองแล้วรับสภาพทาส.” (ฟิลิป. 2:5-7) ปัจจุบัน ในฐานะเป็นกษัตริย์ที่กำลังปกครองอยู่ พระเยซูก็ยังทรงมีเจตคติเหมือนเดิม. พระองค์ทรงถ่อมพระทัยอยู่ใต้อำนาจพระบิดาในทุกสิ่งและสนับสนุนตำแหน่งประมุขของพระบิดา.—มัด. 20:23; โย. 5:30; 1 โค. 15:28
10. ภรรยาอาจสนับสนุนตำแหน่งประมุขของสามีโดยวิธีใด?
10 ภรรยาคริสเตียนควรเลียนแบบพระเยซูด้วยการสนับสนุนตำแหน่งประมุขของสามี. (อ่าน 1 เปโตร 2:21; 3:1, 2) ขอให้พิจารณาสถานการณ์หนึ่งที่เธอมีโอกาสทำอย่างนี้. ลูกชายเธอขออนุญาตไปร่วมกิจกรรมอย่างหนึ่งซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากบิดามารดา. เนื่องจากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยคุยกันในเรื่องนี้มาก่อน คงเป็นเรื่องเหมาะสมที่ผู้เป็นมารดาจะถามว่า “ลูกถามพ่อแล้วหรือยัง?” ถ้าลูกชายยังไม่ได้ถามพ่อ เธอควรปรึกษาเรื่องนั้นกับสามีก่อนจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง. นอกจากนั้น ภรรยาคริสเตียนคงต้องการจะหลีกเลี่ยงการแสดงความขัดแย้งกับสามีหรือโต้แย้งความเห็นของเขาต่อหน้าลูก. ถ้าเธอไม่เห็นด้วยกับสามีในบางเรื่อง เธอก็จะคุยเรื่องนั้นกับเขาเป็นส่วนตัว.—เอเฟ. 6:4
ตัวอย่างของพระเยซูสำหรับบิดามารดา
11. พระเยซูทรงวางตัวอย่างอะไรไว้สำหรับบิดามารดา?
11 แม้ว่าพระเยซูไม่ได้แต่งงานหรือมีลูก พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างอันยอดเยี่ยมสำหรับบิดามารดาคริสเตียน. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? พระองค์ทรงสอนเหล่าสาวกด้วยความรักและอย่างอดทนทั้งโดยคำพูดและการวางตัวอย่าง. พระองค์ทรงแสดงให้พวกเขาเห็นวิธีทำงานมอบหมายที่พระองค์ประทานแก่พวกเขาให้สำเร็จ. (ลูกา 8:1) วิธีที่พระเยซูทรงปฏิบัติต่อเหล่าสาวกและทัศนะที่ทรงมีต่อพวกเขาช่วยสอนพวกเขาว่าควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร.—อ่านโยฮัน 13:14-17
12, 13. อะไรคือสิ่งที่จำเป็นเพื่อบิดามารดาจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้า?
12 เด็กมักเลียนแบบบิดามารดา ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี. ดังนั้น บิดามารดาทั้งหลาย จงถามตัวเองว่า ‘เรากำลังสอนอะไรแก่ลูกในเรื่องการใช้เวลากับการดูโทรทัศน์และความบันเทิงต่าง ๆ เมื่อเทียบกับเวลาที่เราใช้ในการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและเข้าร่วมในการประกาศ? สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวเราคืออะไรจริง ๆ? เรากำลังวางตัวอย่างที่ดีด้วยการจัดให้การนมัสการแท้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเราไหม?’ กฎหมายของพระเจ้าต้องอยู่ในหัวใจของบิดามารดาเองก่อน แล้วพวกเขาจึงจะสอนลูกให้เติบโตขึ้นเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้าได้.—บัญ. 6:6
13 ถ้าบิดามารดาพยายามใช้หลักการในคัมภีร์ไบเบิลในชีวิตประจำวัน ลูก ๆ ย่อมจะสังเกตเห็น. คำพูดและคำสอนของบิดามารดาจะมีน้ำหนัก. อย่างไรก็ตาม ถ้าเด็กสังเกตว่าบิดามารดามีมาตรฐานสองแบบ พวกเขาก็อาจลงความเห็นว่าหลักการในคัมภีร์ไบเบิลไม่สำคัญหรือใช้ไม่ได้จริง ๆ. ผลก็คือ เด็กอาจมีแนวโน้มที่จะยอมแพ้แก่แรงกดดันจากโลก.
14, 15. บิดามารดาควรปลูกฝังค่านิยมอะไรไว้ในตัวลูก และวิธีหนึ่งที่พวกเขาสามารถทำเช่นนั้นคืออะไร?
14 บิดามารดาคริสเตียนเข้าใจดีว่าการเลี้ยงดูลูกเกี่ยวข้องไม่เพียงแค่จัดหาสิ่งจำเป็นด้านวัตถุให้พวกเขา. ด้วยเหตุนั้น คงนับว่าไม่ฉลาดอย่างยิ่งที่จะสอนลูกให้มุ่งตามเป้าหมายที่จะให้ประโยชน์แก่เขาเฉพาะด้านวัตถุเท่านั้น. (ผู้ป. 7:12) พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกให้จัดค่านิยมฝ่ายวิญญาณและการมุ่งติดตามเป้าหมายฝ่ายวิญญาณไว้ในอันดับแรก. (มัด. 6:33) ด้วยเหตุนั้น ในการเลียนแบบพระเยซู บิดามารดาคริสเตียนควรพยายามปลูกฝังความปรารถนาที่จะมุ่งติดตามเป้าหมายฝ่ายวิญญาณไว้ในตัวบุตรด้วย.
15 วิธีหนึ่งที่บิดามารดาจะทำอย่างนี้ได้ก็คือด้วยการหาโอกาสให้ลูกได้คบหากับคนที่รับใช้เต็มเวลา. ขอให้คิดดูว่าจะเป็นเรื่องที่ให้กำลังใจสักเพียงไรที่เด็กวัยรุ่นจะรู้จักคุ้นเคยกับไพโอเนียร์หรือผู้ดูแลหมวดและภรรยา. มิชชันนารี, สมาชิกครอบครัวเบเธล, และคนที่ทำงานในโครงการก่อสร้างนานาชาติที่มาเยี่ยมอาจพูดอย่างกระตือรือร้นถึงความยินดีที่พวกเขาได้รับจากการรับใช้พระยะโฮวา. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้มาเยี่ยมเหล่านี้คงมีประสบการณ์ที่น่าสนใจที่จะเล่าให้ฟัง. ตัวอย่างการรับใช้ที่เสียสละของพวกเขาอาจช่วยลูกของคุณได้มากให้ตัดสินใจอย่างฉลาดสุขุม, วางเป้าหมายที่น่าชมเชย, และเลือกการศึกษาที่เหมาะสมเพื่อจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ขณะที่รับใช้เต็มเวลา.
บุตรทั้งหลาย—อะไรจะช่วยคุณให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซู?
16. พระเยซูทรงให้เกียรติบิดามารดาที่อยู่บนแผ่นดินโลกและพระบิดาที่อยู่ในสวรรค์อย่างไร?
16 พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมไว้สำหรับพวกคุณที่เป็นบุตรด้วย. พระเจ้าทรงมอบพระเยซูไว้ให้โยเซฟและมาเรียดูแล และพระองค์ทรงเชื่อฟังพวกเขาทั้งสอง. (อ่านลูกา 2:51) พระองค์ทรงยอมรับว่า แม้พวกเขามีข้อบกพร่องเพราะความไม่สมบูรณ์ แต่พระเจ้าทรงมอบหน้าที่รับผิดชอบให้พวกเขาดูแลพระองค์. ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พระเยซูจึงต้องนับถือพวกเขา. (บัญ. 5:16; มัด. 15:4) เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว พระเยซูทรงทำสิ่งที่พระบิดาผู้อยู่ในสวรรค์พอพระทัยเสมอ. นั่นหมายถึงการที่พระองค์ทรงต้านทานการล่อใจ. (มัด. 4:1-10) บางครั้งพวกคุณที่เป็นเยาวชนอาจถูกล่อใจให้ไม่เชื่อฟังบิดามารดา. ถ้าอย่างนั้น อะไรอาจช่วยคุณได้ให้ทำตามแบบอย่างของพระเยซู?
17, 18. (ก) เยาวชนเผชิญกับความกดดันแบบใดบ้างที่โรงเรียน? (ข) การจำอะไรไว้สามารถช่วยเยาวชนให้รับมือกับการทดสอบได้?
17 เพื่อนนักเรียนของคุณส่วนใหญ่คงไม่ค่อยเห็นความสำคัญของมาตรฐานการประพฤติในคัมภีร์ไบเบิล หรือไม่เห็นความสำคัญเลย. พวกเขาอาจพยายามชวนคุณให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่น่าสงสัยและล้อเลียนคุณเมื่อคุณปฏิเสธ. เพื่อนนักเรียนของคุณเคยเรียกคุณอย่างล้อเลียนเมื่อคุณไม่ยอมทำกิจกรรมบางอย่างกับพวกเขาไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณแสดงปฏิกิริยาอย่างไร? คุณรู้ว่าถ้าคุณกลัวและยอมทำตามคนหมู่ใหญ่ คุณจะทำให้บิดามารดาและพระยะโฮวาผิดหวัง. จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณถ้าคุณทำตามเพื่อนนักเรียน? คุณอาจได้วางเป้าหมายบางอย่างไว้สำหรับตัวเอง เช่น เป็นไพโอเนียร์หรือผู้ช่วยงานรับใช้, รับใช้ในเขตงานที่จำเป็นต้องมีผู้ประกาศราชอาณาจักรมากกว่า, หรือเป็นสมาชิกครอบครัวเบเธล. การคบหากับเพื่อนนักเรียนจะช่วยคุณบรรลุเป้าหมายที่คุณวางไว้ไหม?
18 เยาวชนทั้งหลายในประชาคมคริสเตียน คุณเคยพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกทดสอบความเชื่อไหม? คุณแสดงปฏิกิริยาอย่างไร? ขอให้คิดถึงผู้ที่เป็นแบบอย่างสำหรับคุณ คือพระเยซู. พระองค์ไม่ยอมแพ้แก่การล่อใจและยืนหยัดมั่นคงเพื่อสิ่งที่พระองค์ทรงทราบว่าถูกต้อง. การจำไว้อย่างนี้จะช่วยคุณให้มีความเข้มแข็งที่จะบอกเพื่อนนักเรียนอย่างชัดเจนว่าคุณไม่ต้องการร่วมกับพวกเขาในการทำบางสิ่งที่คุณรู้ว่าผิด. เช่นเดียวกับพระเยซู จงคำนึงถึงเสมอในเรื่องความหวังที่คุณจะได้รับใช้ด้วยความชื่นชมยินดีและเชื่อฟังพระยะโฮวาจนชั่วชีวิต.—ฮีบรู 12:2
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิต ครอบครัวมีความสุข
19. แนวทางอะไรในชีวิตที่ทำให้มีความสุขอย่างแท้จริง?
19 พระยะโฮวาพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงประสงค์ให้มนุษย์ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด. แม้ว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นไปได้ที่เราจะมีความสุขในระดับหนึ่ง. (ยซา. 48:17, 18; มัด. 5:3) พระเยซูทรงสอนสัจธรรมที่เป็นรากฐานสำหรับความสุขของมนุษย์เรา แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่พระองค์ทรงถ่ายทอดแก่เหล่าสาวก. พระเยซูยังทรงสอนวิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิตด้วย. นอกจากนั้น พระองค์ทรงวางตัวอย่างชีวิตและเจตคติที่สมดุลซึ่งปฏิบัติได้จริง. เราทุกคน ไม่ว่ามีบทบาทอะไรในครอบครัว สามารถได้รับประโยชน์จากการทำตามตัวอย่างของพระองค์. ดังนั้น สามี, ภรรยา, บิดามารดา, และบุตรทั้งหลาย จงทำตามตัวอย่างของพระเยซู! การยอมรับคำสอนของพระเยซูและการทำตามแบบอย่างของพระองค์เป็นปัจจัยสำคัญอย่างแท้จริงที่ทำให้ชีวิตครอบครัวอิ่มใจยินดีและมีความสุข.
คุณจะตอบอย่างไร?
• สามีควรใช้อำนาจที่พระเจ้าประทานให้อย่างไร?
• ภรรยาจะทำตามแบบอย่างของพระเยซูได้โดยวิธีใด?
• บิดามารดาจะเรียนอะไรได้จากวิธีที่พระเยซูทรงปฏิบัติต่อเหล่าสาวก?
• เยาวชนจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพระเยซู?
[ภาพหน้า 8]
ก่อนตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบต่อครอบครัว สามีที่เปี่ยมด้วยความรักจะทำอะไร?
[ภาพหน้า 9]
มีสถานการณ์แบบใดบ้างที่ทำให้ภรรยามีโอกาสสนับสนุนตำแหน่งประมุขของสามี?
[ภาพหน้า 10]
บุตรเลียนแบบนิสัยที่ดีของบิดามารดา