เราจะประพฤติด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีเสมอ!
“ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะประพฤติด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีเสมอ.”—เพลง. 26:11, ล.ม.
1, 2. โยบกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับความซื่อสัตย์จงรักภักดีของท่าน และโยบบท 31 บอกอะไรเกี่ยวกับท่าน?
ในสมัยโบราณ ผู้คนชั่งน้ำหนักสิ่งของโดยใช้ตราชู. ตามปกติตราชูประกอบด้วยคันชั่งหรือคาน ซึ่งจุดกึ่งกลางของคานวางอยู่บนหมุด. มีถาดชั่งแขวนที่ปลายคันชั่งข้างละถาด. สิ่งของที่ต้องการชั่งจะถูกนำมาวางบนถาดหนึ่ง ส่วนอีกถาดหนึ่งวางตุ้มน้ำหนัก. ประชาชนของพระเจ้าต้องใช้ตราชูและตุ้มน้ำหนักที่ซื่อตรง.—สุภา. 11:1
2 เมื่อโยบชายผู้เลื่อมใสพระเจ้าทนทุกข์เพราะถูกซาตานโจมตี ท่านกล่าวว่า “ขอให้ [พระยะโฮวา] ทรงชั่งข้าฯ ด้วยตราชูอันเที่ยงตรง, เพื่อพระองค์จะได้ประจักษ์ความเที่ยงตรง [“ความซื่อสัตย์จงรักภักดี,” ล.ม.] ของข้าฯ.” (โยบ 31:6) เกี่ยวกับเรื่องนี้ โยบกล่าวถึงหลายเหตุการณ์ที่อาจทดสอบคนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี. แต่โยบผ่านการทดสอบนั้นได้ ดังที่เห็นได้จากคำพูดของท่านที่บันทึกไว้ในโยบบท 31. ตัวอย่างที่ดีของท่านอาจกระตุ้นเราให้ทำคล้าย ๆ กันและพูดด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกับดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญว่า “ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะประพฤติด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีเสมอ.”—เพลง. 26:11, ล.ม.
3. เหตุใดจึงสำคัญที่จะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่?
3 แม้ว่าถูกทดสอบอย่างหนัก โยบยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า. บางคนอาจถึงกับพูดว่าโยบเป็นวีรบุรุษในเรื่องความซื่อสัตย์จงรักภักดี. เราไม่ประสบความทุกข์แสนสาหัสอย่างที่โยบเคยประสบ. แต่ถ้าเราต้องการจะซื่อสัตย์จงรักภักดีเสมอและสนับสนุนอำนาจสูงสุดในการปกครองของพระองค์ เราต้องซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่.—อ่านลูกา 16:10
ความซื่อสัตย์จงรักภักดีด้านศีลธรรมสำคัญอย่างยิ่ง
4, 5. เนื่องจากโยบเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดี ท่านจึงหลีกเลี่ยงการประพฤติเช่นไร?
4 เพื่อจะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอ เราต้องยึดมั่นมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระองค์ เช่นเดียวกับที่โยบเคยยึดมั่น. ท่านประกาศว่า “ข้าฯ ได้ตั้งคำมั่นสัญญากับตาของข้าฯ ไว้; ข้าฯ จะไปเหลือบดูหญิงสาวอย่างไรได้? . . . ถ้าดวงใจของข้าฯ ถูกผู้หญิงดึงดูดให้เขวไป, และข้าฯ แอบด้อมอยู่ตามประตูรั้วบ้านเพื่อนบ้านข้าฯ; ถ้าเช่นนั้นจงให้ภรรยาของข้าฯ เป็นทาสโม่แป้งให้คนอื่น, และจงให้ชายอื่นนอนร่วมกับเขา.”—โยบ 31:1, 9, 10
5 โยบตั้งใจแน่วแน่จะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้าเสมอ ท่านจึงไม่จ้องมองผู้หญิงด้วยราคะตัณหา. ในฐานะชายที่สมรสแล้ว ท่านไม่เกี้ยวพาราสีหญิงสาวหรือแสดงความสนใจภรรยาของคนอื่นในเชิงชู้สาว. ในคำเทศน์บนภูเขา พระเยซูตรัสอย่างหนักแน่นในเรื่องศีลธรรมทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต้องจำไว้เสมอ.—อ่านมัดธาย 5:27, 28
อย่าใช้เล่ห์เหลี่ยม
6, 7. (ก) ดังในกรณีของโยบ พระเจ้าทรงใช้อะไรวัดความซื่อสัตย์จงรักภักดีของเรา? (ข) เหตุใดเราต้องไม่เป็นคนเจ้าเล่ห์หรือหลอกลวง?
6 เราต้องไม่คดโกงหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมถ้าเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 5:6) โยบกล่าวว่า “ถ้าข้าฯ ได้เดินไปในทางเท็จเทียมและสาวก้าวตามมารยาหลอกลวงไป. ขอให้ [พระยะโฮวา] ทรงชั่งข้าฯ ด้วยตราชูอันเที่ยงตรง, เพื่อพระองค์จะได้ประจักษ์ความเที่ยงตรง [“ความซื่อสัตย์จงรักภักดี,” ล.ม.] ของข้าฯ.” (โยบ 31:5, 6) พระยะโฮวาทรงชั่งมนุษยชาติทั้งสิ้นด้วย “ตราชูอันเที่ยงตรง.” ดังในกรณีของโยบ พระเจ้าทรงใช้มาตรฐานความยุติธรรมอันสมบูรณ์แบบเพื่อวัดความซื่อสัตย์จงรักภักดีของเราซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระองค์.
7 ถ้าเรากลายเป็นคนเจ้าเล่ห์หรือหลอกลวง นั่นก็เท่ากับว่าเราไม่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้า. คนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีจะ “เลิกทำอะไร ๆ อย่างมีเล่ห์เหลี่ยมซึ่งเป็นสิ่งน่าละอาย” และไม่ “ประพฤติอย่างฉลาดแกมโกง.” (2 โค. 4:1, 2) แต่จะว่าอย่างไรถ้าเราพูดหรือทำอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม และด้วยเหตุนั้นทำให้เพื่อนร่วมความเชื่อเป็นทุกข์และต้องวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า? ถ้าอย่างนั้นผลที่ตามมาจะเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเราแน่ ๆ! ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “เมื่อข้าพเจ้าเป็นทุกข์นั้นข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระยะโฮวา, แล้วพระองค์ได้ทรงตอบข้าพเจ้า. ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดช่วยวิญญาณของข้าพเจ้าให้พ้นจากริมฝีปากอันเท็จ, และจากลิ้นเจ้าเล่ห์.” (เพลง. 120:1, 2) นับว่าดีที่จะจำไว้ว่าพระเจ้าทรงสามารถมองเห็นส่วนลึกที่สุดของมนุษย์ “ทรงสอบสวนจิตต์ใจ” ของเราเพื่อลงความเห็นว่าเราเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างแท้จริงหรือไม่.—เพลง. 7:8, 9
จงเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติต่อผู้อื่น
8. โยบปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร?
8 เพื่อจะเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดี เราต้องเป็นเหมือนโยบซึ่งยุติธรรม, อ่อนน้อมถ่อมตน, และคำนึงถึงคนอื่น. ท่านกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่รับเรื่องของทาสหรือทาสหญิงของข้าเมื่อเขานำมาร้องทุกข์ต่อข้า เมื่อพระเจ้าทรงลุกขึ้นแล้วข้าจะทำอะไรได้? เมื่อพระองค์ทรงสอบถามข้าจะทูลตอบพระองค์อย่างไร? พระองค์ผู้ทรงสร้างข้าในครรภ์มิได้ทรงสร้างเขาหรือ? มิใช่พระองค์องค์เดียวเท่านั้นหรือที่ทรงสร้างเราทั้งสองในครรภ์?”—โยบ 31:13-15, ฉบับ R73
9. โยบแสดงคุณลักษณะอะไรในการปฏิบัติต่อคนรับใช้ และเราควรทำอย่างไรในเรื่องนี้?
9 ดูเหมือนว่า ในสมัยโยบไม่มีขั้นตอนในการดำเนินคดีทางกฎหมายที่ซับซ้อน. แต่มีการดำเนินคดีอย่างมีประสิทธิภาพ และมีศาลประตูเมืองที่คุ้มครองแม้แต่คนที่เป็นทาส. โยบเป็นคนยุติธรรมและเมตตาในการปฏิบัติต่อคนรับใช้. ถ้าเราต้องการประพฤติด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี เราต้องแสดงคุณลักษณะเช่นนั้น โดยเฉพาะถ้าเราเป็นผู้ปกครองประชาคมคริสเตียน.
จงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และไม่โลภ
10, 11. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าโยบเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และพร้อมจะช่วยเหลือคนอื่น? (ข) โยบ 31:16-25 อาจทำให้เรานึกถึงคำแนะนำอะไรในพระคัมภีร์ซึ่งเขียนในภายหลัง?
10 โยบเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และพร้อมจะช่วยเหลือคนอื่น, ไม่เห็นแก่ตัว, และไม่โลภ. ท่านกล่าวว่า “มีหรือ, ข้าฯ . . . เป็นเหตุให้หญิงม่ายมองตาค้าง? หรือกินอาหารเสียแต่ลำพัง, ปล่อยให้ลูกกำพร้าอดอยาก? . . . มีหรือ, ข้าฯ ได้ดูดายเมื่อเห็นคนขาดเสื้อผ้าและหนาวสะท้าน . . . ถ้าข้าฯ ได้ยกมือขึ้นประทุษร้ายลูกกำพร้าเพราะเห็นว่าศาลประตูเมืองจะสนับสนุนข้าฯ, ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว, ก็จงให้กระดูกไหปลาร้าของข้าฯ หักจากไหล่, และให้กระดูกแขนของข้าฯ หลุดออกจากกระดูกเบ้าเสียเถิด.” และโยบจะไม่เป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีถ้าท่านกล่าวแก่ทองคำว่า “นั่นเป็นที่ไว้วางใจของข้าฯ.”—โยบ 31:16-25
11 คำกล่าวเชิงกวีนี้อาจทำให้เรานึกถึงคำพูดของสาวกยาโกโบที่ว่า “การนมัสการที่สะอาดและไม่มีมลทินตามทัศนะของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราคือ การดูแลลูกกำพร้ากับแม่ม่ายที่มีความทุกข์ยาก และการรักษาตัวให้ปราศจากด่างพร้อยของโลก.” (ยโก. 1:27) เราอาจนึกถึงคำเตือนของพระเยซูด้วยที่ว่า “จงระวังและรักษาตัวให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะแม้ว่าคนเรามีอย่างบริบูรณ์ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขามี.” จากนั้น พระเยซูทรงยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเศรษฐีที่โลภมากคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตเพราะเขา “ไม่ได้มั่งมีในสายพระเนตรของพระเจ้า.” (ลูกา 12:15-21) เพื่อจะเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดี เราต้องไม่พ่ายแพ้แก่ความโลภหรือโลภอยากได้ของของคนอื่น. ความโลภเป็นการไหว้รูปเคารพ เพราะสิ่งของที่คนโลภอยากได้ดึงความสนใจของเขาไปจากพระยะโฮวา และสิ่งของนั้นจึงกลายเป็นเหมือนรูปเคารพ. (โกโล. 3:5) ความซื่อสัตย์จงรักภักดีกับความโลภไม่อาจเข้ากันได้!
จงยึดการนมัสการแท้ไว้ให้มั่น
12, 13. โยบวางตัวอย่างไว้อย่างไรในเรื่องการหลีกเลี่ยงการไหว้รูปเคารพ?
12 คนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีไม่หันเหไปจากการนมัสการบริสุทธิ์. โยบไม่ทำเช่นนั้น เพราะท่านประกาศว่า “มีหรือ, ข้าฯ ได้เพ่งดูดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า, และเพ่งดูดวงจันทร์ส่องแสงกระจ่างเลื่อนลอยไป, และดวงจิตของข้าฯ หมกมุ่นเคารพอยู่ในใจ, และปากของข้าฯ ก็จูบมือส่งขึ้นไปเป็นการคำนับ? อย่างนี้ก็เป็นความผิดด้วยที่จะต้องถูกตุลาการลงโทษ. เพราะด้วยอาการอย่างนั้นเป็นที่แสดงว่าข้าฯ ไม่นับถือพระเจ้าเบื้องบน.”—โยบ 31:26-28
13 โยบไม่นมัสการสิ่งไม่มีชีวิต. ถ้าหัวใจท่านถูกล่อลวงอย่างลับ ๆ เมื่อท่านเห็นเทห์ฟากฟ้า เช่น ดวงจันทร์ และถ้าท่าน “จูบมือส่งขึ้นไปเป็นการคำนับ” ซึ่งอาจเป็นการบูชารูปเคารพ ท่านก็กลายเป็นคนไหว้รูปเคารพที่ปฏิเสธพระเจ้า. (บัญ. 4:15, 19) เพื่อจะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่เสมอ เราต้องหลีกเลี่ยงการไหว้รูปเคารพทุกชนิด.—อ่าน 1 โยฮัน 5:21
อย่าผูกพยาบาทหรือหน้าซื่อใจคด
14. เหตุใดเราจึงกล่าวได้ว่าโยบไม่เป็นคนมุ่งร้าย?
14 โยบไม่เป็นคนมุ่งร้ายหรือโหดร้าย. ท่านรู้ว่าคนที่มีนิสัยอย่างนั้นเป็นคนไม่ซื่อสัตย์จงรักภักดี เพราะท่านกล่าวว่า “มีหรือ, ข้าฯ ได้ชอบใจเมื่อคนที่เกลียดข้าฯ วอดวายไป, หรือแสดงอาการสมน้ำหน้าเมื่อทุกข์ภัยมาถึงเขา? . . . ข้าฯ ไม่เคยยอมให้ปากของข้าฯ กล่าวชั่วโดยแช่งสาปให้เขามีอันเป็นไป.”—โยบ 31:29, 30
15. เหตุใดเราไม่ควรยินดีเมื่อเกิดเหตุร้ายกับคนที่เกลียดเรา?
15 โยบผู้ซื่อตรงไม่ยินดีเมื่อเกิดเหตุร้ายกับคนที่เกลียดท่าน. สุภาษิตซึ่งเขียนในภายหลังเตือนว่า “อย่าชื่นชมยินดีขณะเมื่อศัตรูของเจ้าล้มลง, และอย่าให้ใจของเจ้ายินดีเมื่อเขาถูกล้างผลาญ เกรงว่าพระยะโฮวาทรงเห็นแล้วจะไม่พอพระทัย, แล้วหันพระพิโรธจากศัตรูมายังเจ้า.” (สุภา. 24:17, 18) เนื่องจากพระยะโฮวาทรงอ่านหัวใจได้ พระองค์ทรงรู้หากเราแอบยินดีเมื่อเกิดเหตุร้ายกับคนอื่น และแน่นอนว่าพระองค์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยกับทัศนคติเช่นนั้น. (สุภา. 17:5) พระเจ้าอาจดำเนินการต่อเราตามการกระทำของเรา เพราะพระองค์ตรัสว่า “การแก้แค้นและการตอบแทนเป็นหน้าที่ของเรา.”—บัญ. 32:35
16. แม้เราไม่ร่ำรวย เราจะมีน้ำใจรับรองแขกได้อย่างไร?
16 โยบมีน้ำใจรับรองแขก. (โยบ 31:31, 32) แม้ว่าเราไม่ใช่คนรวย แต่เรา “มีน้ำใจรับรองแขก” ได้. (โรม 12:13) เราอาจเชิญคนอื่นมารับประทานอาหารง่าย ๆ ด้วยกัน โดยจำไว้ว่า “มีผักเป็นอาหาร, ณ ที่ที่ซึ่งแวดล้อมไปด้วยความรักยังดีกว่ามีวัวตอนทั้งตัวเป็นอาหาร แต่แวดล้อมไปด้วยความเกลียดชัง.” (สุภา. 15:17) การรับประทานอาหารด้วยกันกับเพื่อนผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้าในบรรยากาศที่มีความรักย่อมจะทำให้แม้แต่อาหารมื้อธรรมดา ๆ ก็เป็นที่น่าเพลิดเพลินและทำให้มีโอกาสหนุนใจกันทางฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน.
17. ทำไมเราไม่ควรพยายามปกปิดบาปร้ายแรง?
17 น้ำใจรับรองแขกของโยบคงทำให้คนที่เป็นแขกรู้สึกสดชื่นแน่ ๆ เพราะท่านไม่เป็นคนหน้าซื่อใจคด. ท่านไม่เหมือนกับคนที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าที่เล็ดลอดเข้ามาในประชาคมคริสเตียนในศตวรรษแรก และ “ยกยอผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง.” (ยูดา 3, 4, 16) โยบไม่ปกปิดความผิดของท่านหรือ “ซ่อนความชั่วนั้นไว้ในอก” เพราะกลัวว่าถ้าคนอื่นรู้จะดูหมิ่นท่าน. ท่านเต็มใจให้พระเจ้าตรวจสอบ และสารภาพต่อพระเจ้าเมื่อพลาดพลั้งทำผิด. (โยบ 31:33-37) ถ้าเราทำบาปร้ายแรง ขอเราอย่าพยายามปิดซ่อนความผิดเพราะกลัวเสียหน้า. เราจะแสดงว่าเรากำลังพยายามเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้อย่างไร? โดยการยอมรับความผิด, กลับใจ, ขอความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ, และทำทุกสิ่งที่เราทำได้เพื่อแก้ไข.—สุภา. 28:13; ยโก. 5:13-15
ผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีพร้อมจะให้พิจารณาคดี
18, 19. (ก) เหตุใดจึงกล่าวได้ว่าโยบไม่เคยเอาเปรียบใคร? (ข) โยบเต็มใจทำอะไรถ้าท่านทำผิด?
18 โยบซื่อสัตย์และยุติธรรม. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวได้ว่า “มีหรือ, ไร่นาของข้าฯ มีข้อความกล่าวโทษข้าฯ, และรอยไถในนานั้นคร่ำครวญด้วยเหตุใด? ถ้าหากข้าฯ ได้เคยกินผลที่มิได้ออกเงินซื้อมา, หรือเป็นเหตุให้เจ้าของเดิมได้เสียชีวิต, ก็จงให้ต้นหนามงอกขึ้นแทนข้าวสาลี, และวัชพืชงอกขึ้นแทนข้าวลูกเดือย.” (โยบ 31:38-40) โยบไม่ฮุบที่ดินของคนอื่นมาเป็นของตน และท่านไม่เอาเปรียบคนงาน. เช่นเดียวกับท่าน เราต้องซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอทั้งในเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่.
19 โยบพูดถึงวิธีที่ท่านดำเนินชีวิตต่อหน้าเพื่อนทั้งสามคนรวมทั้งอะลีฮูซึ่งหนุ่มกว่าคนอื่น. โยบเชิญคู่ความให้ยื่นฟ้องท่านในเรื่องประวัติชีวิตของท่านซึ่งมี “ลายเซ็น” ท่านกำกับอยู่. ถ้าพิสูจน์แล้วว่าโยบเป็นฝ่ายผิด ท่านก็เต็มใจรับการลงโทษ. ดังนั้น ท่านเสนอให้พิจารณาคดีของท่านและคอยการพิพากษาจากพระเจ้า. ‘ถ้อยคำของโยบจบ’ เพียงเท่านี้.—โยบ 31:35, 40, ฉบับ R73
คุณเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้
20, 21. (ก) เหตุใดโยบจึงเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้? (ข) เราจะพัฒนาความรักต่อพระเจ้าได้อย่างไร?
20 โยบเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้เพราะท่านรักพระเจ้า และพระยะโฮวาทรงรักและช่วยท่าน. โยบกล่าวว่า “[พระยะโฮวา] ได้ประทานชีวิตและความเมตตากรุณา [ความรักภักดี] แก่ข้าฯ, และการคุ้มครองของพระองค์ก็ทรงปกป้องวิญญาณข้าฯ ไว้.” (โยบ 10:12) นอกจากนั้น โยบก็ยังรักคนอื่น ๆ ด้วยและตระหนักว่าใครก็ตามที่ไม่แสดงความรักภักดีต่อเพื่อนมนุษย์ก็จะไม่ยำเกรงผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง. (โยบ 6:14) คนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้าน.—มัด. 22:37-40
21 เราจะพัฒนาความรักต่อพระเจ้าได้โดยการอ่านพระคำของพระองค์ทุกวันและใคร่ครวญเรื่องที่พระคัมภีร์เปิดเผยเกี่ยวกับพระองค์. ในการอธิษฐานจากหัวใจ เราสรรเสริญพระยะโฮวาและขอบพระคุณสำหรับคุณความดีของพระองค์. (ฟิลิป. 4:6, 7) เราร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาและรับประโยชน์จากการคบหากับประชาชนของพระองค์เป็นประจำได้. (ฮีบรู 10:23-25) ความรักของเราที่มีต่อพระเจ้าก็จะมีมากขึ้นด้วยเมื่อเราร่วมในงานเผยแพร่และประกาศ “ความรอดของพระองค์.” (เพลง. 96:1-3) โดยวิธีนั้น เราจะเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้ เช่นเดียวกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่ร้องเพลงว่า “เป็นการดีที่ข้าพเจ้าเข้ามาใกล้พระองค์; ข้าพเจ้ารับเอาพระยะโฮวาเจ้ามาเป็นผู้อารักขาของข้าพเจ้าแล้ว.”—เพลง. 73:28
22, 23. ในฐานะผู้สนับสนุนอำนาจสูงสุดในการปกครองของพระยะโฮวา สิ่งที่เราทำในปัจจุบันกับสิ่งที่เหล่าผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีในสมัยก่อนทำเหมือนกันอย่างไร?
22 ตลอดหลายศตวรรษ พระยะโฮวาทรงมอบหมายงานต่าง ๆ แก่คนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี. โนอาห์สร้างเรือและเป็น “ผู้ประกาศความชอบธรรม.” (2 เป. 2:5) ยะโฮซูอะนำชาติอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินที่ทรงสัญญา แต่ที่ท่านทำงานนี้ได้สำเร็จก็เพราะท่านอ่าน “หนังสือกฎหมาย . . . ทั้งวันและคืน” และทำตาม. (ยโฮ. 1:7, 8) คริสเตียนในศตวรรษแรกสอนคนให้เป็นสาวกและประชุมกันเป็นประจำเพื่อศึกษาพระคัมภีร์.—มัด. 28:19, 20
23 เราสนับสนุนอำนาจสูงสุดในการปกครองของพระยะโฮวาและซื่อสัตย์จงรักภักดีอยู่เสมอโดยการประกาศความชอบธรรม, สอนคนให้เป็นสาวก, ทำตามคำแนะนำในพระคัมภีร์, และประชุมกับเพื่อนร่วมความเชื่อ ณ การประชุมประชาคม, การประชุมหมวด, และการประชุมภาค. การทำเช่นนี้ช่วยเราให้กล้าหาญ, เข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ, และทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าได้. เรื่องนี้ไม่ยากเกินไปสำหรับเราเพราะเราได้รับการสนับสนุนจากพระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์และพระบุตรของพระองค์. (บัญ. 30:11-14; 1 กษัต. 8:57) นอกจากนั้น เรายังได้รับการสนับสนุนจาก “ทุกคนในสังคมพี่น้องคริสเตียน” ที่ประพฤติด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีและนับถือพระยะโฮวาในฐานะพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งด้วย.—1 เป. 2:17
คุณจะตอบอย่างไร?
• เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระยะโฮวา?
• คุณลักษณะอะไรของโยบที่คุณชอบเป็นพิเศษ?
• ดังที่เห็นในโยบ 31:29-37 โยบประพฤติตนเช่นไร?
• เหตุใดจึงเป็นไปได้ที่เราจะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระเจ้าเสมอ?
[ภาพหน้า 29]
โยบซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระยะโฮวาเสมอ. เราก็ทำได้!
[ภาพหน้า 32]
เราเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีได้!