จงหาที่คุ้มภัยในพระยะโฮวา
“ข้าแต่พระยะโฮวา ข้าพเจ้าได้หาที่คุ้มภัยในพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 31:1, ล.ม.
1. เพลงสรรเสริญบท 31 กล่าวไว้อย่างไรเรื่องความมั่นใจในความสามารถของพระยะโฮวาในการจัดเตรียมที่คุ้มภัย?
เสียงร้องเพลงอย่างไพเราะกล่าวถึงบุรุษผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งแม้ว่าเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย ก็ปลงใจพึ่งอาศัยในพระยะโฮวา. เนื้อความในบทเพลงศักดิ์สิทธิ์นั้นพูดถึงความเชื่อที่มีชัย. บุรุษผู้นี้หนีการไล่ล่าของพวกที่ข่มเหง และพบที่หลบภัยในพระพาหุของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการที่รอรับอยู่. เพลงสรรเสริญของท่านมีข้อความว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา ข้าพเจ้าได้หาที่คุ้มภัยในพระองค์. ขออย่าให้ข้าพเจ้าอับอายเลย. ในความชอบธรรมของพระองค์ขอทรงจัดให้มีการหนีรอดแก่ข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 31:1, ล.ม.
2. (ก) เราสามารถวางใจในพระยะโฮวาว่าทรงเป็นที่มั่นของเราโดยอาศัยหลักมั่นสองประการอะไรบ้าง? (ข) พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าชนิดใด?
2 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญมีแหล่งคุ้มภัยที่ดีเยี่ยม! แม้ว่ามีอย่างอื่นที่คลางแคลงใจ แต่ข้อเท็จจริงนี้ยังคงอยู่: พระยะโฮวาเป็นที่มั่นของท่าน เป็นปราการของท่าน. ความมั่นใจของท่านอิงอยู่กับหลักมั่นสองประการที่แน่นอน. อย่างหนึ่งคือความเชื่อของท่าน ซึ่งพระยะโฮวาจะไม่ทำให้อับอายเลย และอย่างที่สอง ความชอบธรรมของพระยะโฮวา ซึ่งหมายความว่า พระองค์จะไม่ทอดทิ้งผู้รับใช้ของพระองค์ตลอดไป. พระยะโฮวาไม่ใช่พระเจ้าที่ทำให้ผู้รับใช้สัตย์ซื่อของพระองค์รู้สึกอับอาย พระองค์ไม่ใช่ผู้หักล้างคำสัญญา. ตรงกันข้าม พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความจริงและประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่วางใจพระองค์อย่างจริงจัง. ในที่สุด ความเชื่อจะได้รางวัลตอบแทน! การรอดพ้นจะมีมา!—บทเพลงสรรเสริญ 31:5, 6, ล.ม.
3. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวยกย่องพระยะโฮวาอย่างไร?
3 โดยแต่งเพลงด้วยเสียงดนตรีตั้งแต่ความเศร้าสลดและความระทมทุกข์อย่างสุดซึ้ง จนถึงยอดแห่งการแสดงความรู้สึกมั่นใจนั้น ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้รับพลังเรี่ยวแรงภายในตัวท่าน. ท่านยกย่องพระยะโฮวาเนื่องด้วยความรักอย่างภักดีของพระองค์. ท่านร้องเพลงดังนี้: “ขอให้พระยะโฮวาได้รับคำสรรเสริญ เพราะพระองค์ได้ทรงสำแดงความรักกรุณาอันล้ำเลิศแก่ข้าพเจ้าในเมืองที่ถูกคุกคาม.”—บทเพลงสรรเสริญ 31:21, ล.ม.
นักร้องประสานเสียงที่มีพลังแห่งผู้ประกาศราชอาณาจักร
4, 5. (ก) นักร้องประสานเสียงกลุ่มไหนที่มีจำนวนมากกำลังสรรเสริญพระยะโฮวาในเวลานี้, และพวกเขาได้ทำเช่นนั้นโดยวิธีใดในช่วงปีรับใช้ที่ผ่านไป? (ดูจากแผนภูมิที่หน้า 12-15.) (ข) จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมอนุสรณ์บ่งชี้อย่างไรว่ายังมีปัจเจกบุคคลอีกมากปรารถนาเข้าร่วมร้องประสานเสียงกับผู้ประกาศข่าวราชอาณาจักร? (ดูจากแผนภูมิ.) (ค) กลุ่มไหนในประชาคมของคุณที่อาจจะเข้าร่วมกลุ่มนักร้องประสานเสียงได้?
4 ทุกวันนี้ ถ้อยคำในเพลงสรรเสริญบทนั้นกลับมีความหมายเพิ่มเติม. บทเพลงที่สรรเสริญพระยะโฮวาจะถูกระงับไว้ไม่ได้ ไม่ว่าโดยผู้ต่อต้านที่ชั่วช้าใด ๆ, หรือโดยภัยธรรมชาติแบบไหน, หรือโดยความยุ่งยากใด ๆ ด้านเศรษฐกิจ แท้จริง ความรักกรุณาของพระยะโฮวากลายเป็นสิ่งน่าพิศวงสำหรับไพร่พลของพระองค์. ในปีรับใช้ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีนักร้องประสานเสียงที่เต็มด้วยพลัง ซึ่งมียอดสูงสุด 4,709,889 คน ใน 231 ประเทศ ร้องเพลงบอกข่าวสารราชอาณาจักร. รัฐบาลทางภาคสวรรค์ของพระยะโฮวาโดยพระเยซูคริสต์เป็นที่คุ้มภัยที่จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง. ปีที่แล้ว ผู้ประกาศราชอาณาจักรจาก 73,070 ประชาคมได้ใช้เวลาไปในงานเผยแพร่รวมทั้งสิ้น 1,057,341,972 ชั่วโมง. ทั้งนี้ยังผลให้มี 296,004 คนแสดงเครื่องหมายถึงการที่เขาได้อุทิศตัวแด่พระเจ้าด้วยการรับบัพติสมาในน้ำ. และช่างเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างคาดไม่ถึงสำหรับทุกคนที่เข้าร่วมการประชุมนานาชาติการสอนจากพระเจ้า ที่เมืองคีฟ สาธารณรัฐอูเครนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา. พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของพยานพระยะโฮวา เป็นประจักษ์พยานถึงจำนวนผู้รับบัพติสมาของคริสเตียนแท้มากที่สุดเท่าที่มีบันทึกไว้. ตามที่พยากรณ์ไว้ที่ยะซายา 54:2, 3 ไพร่พลของพระเจ้าทวีจำนวนมากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน.
5 อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เต็มใจเข้ามาอยู่ภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้าที่เพิ่มเข้ามาต่างก็ยืนเรียงรายคอยจะสมทบกับกลุ่มนักร้องประสานเสียง. ปีที่แล้ว ณ วันประชุมอนุสรณ์ระลึกการวายพระชนม์ของพระเยซูก็มีผู้เข้าร่วมมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ รวมทั้งสิ้น 11,865,765 คน. หวังกันว่า หลายคนในจำนวนนี้จะมีคุณสมบัติพร้อมจะร้องเพลงราชอาณาจักรตามบ้านเรือนได้ในระหว่างปีรับใช้นี้. นั่นคงต้องทำให้ซาตานพญามาร ศัตรูของความจริง โกรธแค้นสักเพียงไร!—วิวรณ์ 12:12, 17.
6, 7. จงอธิบายวิธีที่ชายผู้สนใจชนะการรังควานของพวกผีได้ด้วยการช่วยเหลือของพระยะโฮวา.
6 ซาตานจะพยายามขัดขวางคนอื่น ๆ ไม่ให้เปล่งเสียงร้องร่วมกับการร้องประสานเสียงที่ดังกระหึ่มนั้น. ตัวอย่างเช่น ผู้ประกาศในประเทศไทยพบเห็นผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกลำบากใจที่ถูกผีรบกวน. แต่หลายคนที่มีหัวใจสุจริตได้หลุดพ้นโดยการช่วยเหลือของพระยะโฮวา. ชายผู้หนึ่ง หลังจากที่ไปเยี่ยมหมอผีด้วยความอยากรู้อยากเห็น เลยตกอยู่ในอำนาจผีปิศาจนานถึงสิบปี. เขาพยายามหาทางที่จะหลุดพ้นจากอำนาจนั้นโดยพึ่งพาการช่วยเหลือของนักเทศน์ แต่ก็พบว่า ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น. พยานพระยะโฮวาที่รับใช้เต็มเวลาคนหนึ่งเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับชายผู้นี้ และสอนโดยใช้คัมภีร์ไบเบิลให้เขาเห็นว่า ทางเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากอำนาจผีปิศาจ คือโดยการรับความรู้ถ่องแท้เกี่ยวด้วยความจริง, มีความเชื่อในพระเจ้ายะโฮวา, และวิงวอนต่อพระองค์ด้วยการอธิษฐาน.—1 โกรินโธ 2:5; เอเฟโซ 4:6, 7; 1 ติโมเธียว 2:3, 4.
7 ภายหลังการพิจารณาเรื่องนี้ ตกกลางคืน ชายผู้นั้นก็ฝันเห็นพ่อของเขาที่ตายไป ได้มาขู่คุกคามหากเขาไม่ยอมกลับเป็นคนทรงอีก. ครอบครัวของเขาเริ่มได้รับความลำบาก. เนื่องด้วยไม่ต้องการให้ผีครอบงำ ชายคนนั้นจึงศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต่อไปและเริ่มเข้าร่วมประชุม. ระหว่างการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลคราวหนึ่ง ไพโอเนียร์ได้ชี้แจงว่า บางครั้งของที่ใช้ในพิธีที่เกี่ยวข้องกับภูตผีอาจเป็นสื่อนำผีเข้ามารังควานผู้ที่พยายามจะหลุดพ้นจากอำนาจของมัน. ชายผู้นั้นนึกขึ้นได้ว่า ตนยังมีน้ำมันพรายที่เคยใช้เป็นเครื่องรางเหลืออยู่. ถึงตอนนี้ เขารับรู้แล้วว่าจะต้องทิ้งให้หมด. ตั้งแต่เขาได้โยนสิ่งนั้นทิ้งไป วิญญาณชั่วไม่ได้รบกวนเขาอีกเลย (เทียบกับเอเฟโซ 6:13; ยาโกโบ 4:7, 8.) เขากับภรรยากำลังก้าวหน้าเป็นอย่างดีในการรับคำสั่งสอนจากพระคัมภีร์ ด้วยการศึกษาและการเข้าร่วมประชุมเป็นประจำ.
8, 9. ผู้ประกาศข่าวราชอาณาจักรบางคนเอาชนะอุปสรรคอื่น ๆ อะไรบ้าง?
8 อุปสรรคอื่นหลายอย่างอาจจะระงับหรือทำให้เสียงของความจริงแผ่วเบาลง. เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ประเทศกานาทรุดหนัก จึงมีการเลิกจ้างคนงาน. ค่าครองชีพพุ่งพรวด การจะได้มาซึ่งปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการยังชีพจึงนับว่าเป็นปัญหาอย่างแท้จริง. ไพร่พลของพระยะโฮวารับมืออย่างไร? โดยการวางใจหมายพึ่งพระยะโฮวา ไม่ใช่ในตัวเอง. ตัวอย่างเช่น วันหนึ่งมีซองปิดผนึกวางไว้ที่โต๊ะของพนักงานต้อนรับในสำนักงานสาขา. ในซองนั้นมีเงิน 5,000 บาท หรือเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำสามเดือน. ซองนั้นมาจากผู้ให้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่บนซองเขียนข้อความว่า: “ผมตกงาน แต่แล้วพระยะโฮวาทรงโปรดให้ผมหางานใหม่ได้. ผมรู้สึกขอบพระคุณพระองค์และพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์. เพื่อจะมีส่วนช่วยในการเผยแพร่ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรก่อนอวสานมาถึง ผมจึงส่งเงินบริจาคเล็กน้อยมาให้.”—เทียบกับ 2 โกรินโธ 9:11.
9 การร่วมประชุมเป็นการฝึกคนเหล่านั้นที่สมทบกับการร้องประสานเสียงที่กระหึ่มในการแซ่ซ้องสรรเสริญพระยะโฮวา. (เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 22:22.) ด้วยเหตุนั้น ทางตอนใต้ประเทศฮอนดูรัส มีประชาคมขนาดเล็กชื่อเอล ฮอร์ดาน. คนกลุ่มเล็ก ๆ นี้มีอะไรพิเศษหรือ? พวกเขาไปร่วมประชุมไม่ขาด. ผู้ประกาศ 12 คนในจำนวน 19 คนต้องข้ามแม่น้ำที่กว้างเพื่อจะเข้าร่วมประชุมทุกสัปดาห์. การทำเช่นนี้ไม่เป็นปัญหาใหญ่ในหน้าแล้ง เพราะเขาจะเดินเหยียบก้อนหินข้ามแม่น้ำไปได้. อย่างไรก็ตาม ระหว่างฤดูฝน สภาพการณ์เปลี่ยนไป. ที่ซึ่งเคยเป็นทางน้ำเล็ก ๆ ก็กลับกลายเป็นทางน้ำอันเชี่ยวกราก พัดพาเอาทุกสิ่งไปตามกระแสน้ำ. ที่จะผ่านอุปสรรคนี้ พี่น้องทั้งชายและหญิงต้องว่ายน้ำได้เก่ง. ก่อนข้ามแม่น้ำ เขาจะเอาเสื้อผ้าที่จะใช้ในการประชุมใส่ลงไปในตีนา (ถังสังกะสี) แล้วใช้ถุงพลาสติกคลุมถังนั้น. คนที่ว่ายน้ำเก่งที่สุดใช้ตีนา เป็นทุ่นและพาพี่น้องทั้งกลุ่มข้ามน้ำ. เมื่อขึ้นถึงฝั่งอย่างปลอดภัย เขาจะเช็ดตัวให้แห้ง แต่งตัว และไปถึงหอประชุมอย่างเบิกบานและสะอาดเอี่ยม!—บทเพลงสรรเสริญ 40:9.
ปราการที่พวกเราอาจพึ่งพำนักได้
10. เหตุใดเราจะพึ่งพิงพระยะโฮวาได้ในยามที่ถูกคุกคาม?
10 ไม่ว่าคุณถูกผีปิศาจจู่โจมซึ่งหน้า หรือรู้สึกว่าถูกคุกคามจากแหล่งอื่นใดก็ตาม พระยะโฮวาเป็นที่มั่นของคุณได้. จงเรียกหาพระองค์ด้วยการอธิษฐาน. พระองค์ทรงสดับด้วยเอาพระทัยใส่ กระทั่งเสียงคร่ำครวญแผ่วที่สุดแห่งไพร่พลของพระองค์. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้ประสบแล้วว่าเป็นจริงเช่นนั้นและได้จารึกดังนี้: “ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า. ขอทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นโดยเร็ว. ขอทรงเป็นที่มั่นดุจศิลาสำหรับข้าพเจ้า คือเรือนอันเป็นที่มั่นให้ข้าพเจ้ารอด. เพราะพระองค์ทรงเป็นเงื้อมผาและที่มั่นของข้าพเจ้า; และเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ พระองค์จะทรงพาข้าพเจ้าและนำข้าพเจ้า. พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าออกจากข่ายที่พวกเขาซ่อนไว้ดักข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นปราการสำหรับข้าพเจ้า.”—บทเพลงสรรเสริญ 31:2-4, ล.ม.
11. จงชี้แจงว่าทำไมปราการของพระยะโฮวาจึงไม่ใช่ที่พำนักชั่วครั้งชั่วคราว?
11 พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมไม่เพียงแต่ที่คุ้มภัยชั่วคราว แต่ได้เตรียมปราการอันแน่นหนาซึ่งพวกเราจะพำนักได้อย่างปลอดภัย. ไพร่พลของพระองค์ไม่เคยผิดหวังเมื่อพระองค์ได้ทรงนำและชี้ทางให้พวกเขา. อำนาจของพระเจ้าสามารถบันดาลให้กิจการอันมีเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างของซาตานและพรรคพวกของมันไร้ผล. (เอเฟโซ 6:10,11) ขณะเราวางใจในพระยะโฮวาสุดหัวใจ พระองค์จะนำเราอยู่ห่างจากบ่วงแร้วของซาตาน. (2 เปโตร 2:9) ระหว่างสี่ปีที่ผ่านมา งานเผยแพร่ของพยานพระยะโฮวาได้เปิดออกในราว 35 ประเทศ. อนึ่ง ในหลายส่วนของโลกซึ่งสภาพสังคม, เศรษฐกิจ, หรือการเมืองเป็นอุปสรรคต่องานเผยแพร่ข่าวดี ชนเยี่ยงแกะบางคนได้ย้ายไปอยู่ในถิ่นที่จะมีโอกาสเรียนรู้ข่าวดีอย่างเป็นอิสระ. ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศหนึ่งที่บางคนย้ายเข้า.
12. ไพโอเนียร์ที่ญี่ปุ่นยึดพระยะโฮวาเป็นที่มั่นของตนโดยวิธีใด?
12 ที่ญี่ปุ่นมีชาวต่างชาติเข้าไปขายแรงงานอยู่เป็นจำนวนมาก และได้มีการจัดตั้งประชาคมที่ใช้ภาษาต่างประเทศหลายแห่ง. ประสบการณ์ของพี่น้องชายคนหนึ่งในประชาคมภาษาญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า เขตที่มีคนใช้ภาษาต่างประเทศนั้นเกิดผลดีเพียงไร. เขาอยากจะไปรับใช้ในที่ที่มีความต้องการมากกว่า. แต่ขณะนั้นเขานำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลสิบรายอยู่แล้ว. เพื่อนคนหนึ่งพูดกระเซ้าว่า “ถ้าคุณไปที่ที่มีความต้องการมากกว่า คุณจะต้องนำการศึกษาถึงยี่สิบรายแน่!” แล้วเขาได้รับเขตมอบหมายทำงานที่ฮิโรชิมา. สี่เดือนผ่านไป เขานำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเพียงหนึ่งรายเท่านั้น. วันหนึ่ง เขาออกไปประกาศ ได้พบผู้ชายจากบราซิลซึ่งพูดได้เฉพาะภาษาโปรตุเกส. เนื่องจากพี่น้องชายคนนี้ไม่สามารถสื่อความกับชายคนนั้น เขาจึงซื้อตำราเรียนภาษาโปรตุเกสมาอ่าน. หลังจากเรียนรู้ถ้อยคำแบบสนทนาง่าย ๆ ได้บ้าง เขากลับไปเยี่ยมชายคนนั้นอีก. เมื่อพี่น้องกล่าวทักทายชายคนนั้นเป็นภาษาโปรตุเกส เขาประหลาดใจมาก และด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาได้เปิดประตูเชิญพี่น้องเข้าไปในบ้าน. การศึกษาพระคัมภีร์จึงได้เริ่มขึ้น. จากนั้นไม่นาน พี่น้องคนนี้ได้นำการศึกษาพระคัมภีร์รวมทั้งสิ้น 22 ราย ภาษาโปรตุเกส 14 ราย, ภาษาสเปน 6 ราย, และภาษาญี่ปุ่น 2 ราย!
ประกาศเผยแพร่ด้วยความมั่นใจ
13. เหตุใดจึงไม่ควรมีใครมาทำให้เราละอายเพื่อเราจะเข้าสู่งานรับใช้พระยะโฮวา?
13 ไพร่พลของพระยะโฮวาร้องเพลงราชอาณาจักรอย่างมั่นใจ พร้อมด้วยความเชื่ออันเต็มเปี่ยมว่า พระยะโฮวาทรงเป็นที่คุ้มภัยของเขา. (บทเพลงสรรเสริญ 31:14) พวกเขาจะไม่อับอาย—พระยะโฮวาจะไม่ทำให้เขาอดสู เพราะพระองค์จะปฏิบัติตามที่ตรัสไว้. (บทเพลงสรรเสริญ 31:17) พญามารกับพรรคพวกผีปิศาจของมันจะรับความอับอาย. เนื่องจากไพร่พลของพระยะโฮวาได้รับมอบหมายให้เผยแพร่ข่าวสารที่ไม่น่าละอายแต่อย่างใด เขาออกประกาศไม่ใช่เพราะคนอื่นพูดให้เกิดความละอายใจถ้าเขาไม่ออกประกาศ. นั่นหาใช่แนวทางที่พระยะโฮวากระตุ้นไพร่พลของพระองค์ให้นมัสการพระองค์ไม่ และพระบุตรของพระองค์ก็ไม่กระทำเช่นนั้น. เมื่อหัวใจของคนเราเปี่ยมด้วยความเชื่อพร้อมกับความหยั่งรู้ค่าความดีและความรักกรุณาของพระยะโฮวาแล้ว สภาพที่ดีของหัวใจนั่นเองที่จะกระตุ้นให้เขาเปล่งคำพูดออกมา. (ลูกา 6:45) ดังนั้น เราใช้เวลาทำงานรับใช้แค่ไหนก็ตามแต่ละเดือน โดยเฉพาะถ้าเราใช้เวลานั้นอย่างดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ก็นับว่าดีแล้ว ไม่ใช่น่าละอายเลย. พระเยซูและพระบิดาของพระองค์ทรงเห็นคุณค่ามากมิใช่หรือที่หญิงม่ายคนนั้นได้ถวายเพียงเล็กน้อย?—ลูกา 21:1-4.
14. คุณจะให้ความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับงานไพโอเนียร์? (ดูที่แผนภูมิด้วย.)
14 สำหรับผู้ประกาศจำนวนมากขึ้น การนมัสการด้วยสุดจิตวิญญาณหมายรวมถึงการรับใช้เป็นไพโอเนียร์—ซึ่งมีถึง 890,231 คนในเดือนที่มียอดสูงสุดปีที่แล้ว! หากมีการเพิ่มทวีต่อไปเหมือนในปีที่แล้วคงจะมีกว่า 1,000,000 ในวันข้างหน้า. ประสบการณ์ต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า พี่น้องหญิงคนหนึ่งในประเทศไนจีเรียเข้ามาสู่งานไพโอเนียร์อย่างไร. เธอเขียนว่า “เมื่อใกล้จะจบมัธยมศึกษา ดิฉันไปช่วยทำอาหารเลี้ยงผู้ที่เข้าโรงเรียนไพโอเนียร์ของพยานพระยะโฮวา. ดิฉันพบพี่น้องหญิงสองคนอายุมากกว่าคุณยายของดิฉันเสียอีก. เมื่อรู้ว่าทั้งสองเป็นไพโอเนียร์เข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ ดิฉันนึกถึงตัวเองว่า ‘ถ้าพี่น้องสองคนนี้เป็นไพโอเนียร์ได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้?’ ดังนั้น หลังจากจบโรงเรียน ดิฉันจึงสมัครเป็นไพโอเนียร์ประจำด้วย.”
15. ด้วยวิธีใดที่การให้คำพยานเมื่อสบโอกาสอาจทำให้คนอื่นพบที่คุ้มภัยในพระยะโฮวา?
15 ไม่ใช่ทุกคนเป็นไพโอเนียร์ได้ แต่เขาสามารถให้คำพยาน. ที่ประเทศเบลเยียม พี่น้องหญิงวัย 82 ปีไปซื้อเนื้อ. เธอสังเกตว่า ภรรยาคนขายเนื้อไม่สบายใจนักกับความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้. ดังนั้น พี่น้องหญิงคนนี้ได้แนบแผ่นพับพยานพระยะโฮวาเชื่ออะไร? ไปกับธนบัตรที่เธอจ่ายค่าเนื้อ. เมื่อพี่น้องกลับมาที่ร้านอีก ภรรยาคนขายเนื้อถามโดยไม่รีรอว่า คัมภีร์ไบเบิลพูดอย่างไรเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามโลกครั้งที่สาม. พี่น้องคนนั้นจึงให้หนังสือสันติภาพที่แท้จริงและความปลอดภัย—จะพบได้อย่างไร? (ภาษาฝรั่งเศส) แก่เธอ. สองสามวันต่อมา ขณะพี่น้องผู้สูงอายุก้าวเข้าไปในร้าน ภรรยาคนขายเนื้อได้ซักถามเธอหลายอย่าง. ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ เธอจึงเสนอการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลโดยไม่อ้อมค้อม และผู้หญิงคนนี้ก็ตอบรับ. ตอนนี้ ภรรยาคนขายเนื้อประสงค์จะรับบัพติสมา. ส่วนคนขายเนื้อล่ะเป็นอย่างไร? เขาอ่านแผ่นพับและขณะนี้กำลังศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเช่นกัน.
‘ความดีที่ทรงสงวนไว้’
16. พระยะโฮวาทรงสงวนทรัพย์แห่งความดีไว้สำหรับไพร่พลของพระองค์โดยวิธีใด?
16 ในช่วงสมัยสุดท้ายซึ่งมีความกดดันอย่างนี้ พระยะโฮวาทรง “สำแดงความรักกรุณาอันล้ำเลิศ” แก่คนทั้งหลายที่แสวงหาที่คุ้มภัยในพระองค์มิใช่หรือ? เฉกเช่นบิดาผู้มีความรักและคอยปกป้องคุ้มกัน พระยะโฮวาได้ทรงสงวนคลังทรัพย์แห่งความดีไว้สำหรับบุตรของพระองค์ทางแผ่นดินโลก. พระองค์ทรงประทานความสุขแก่พวกเขาไม่ขาดสายต่อตาผู้เฝ้าดู ดังที่ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวว่า “ความดีของพระองค์มากยิ่งเท่าใด ที่พระองค์ได้สงวนไว้สำหรับเหล่าคนที่เกรงกลัวพระองค์! ซึ่งพระองค์ทรงจัดไว้ให้คนทั้งหลายที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ ต่อหน้าบุตรทั้งหลายของมนุษย์.”—บทเพลงสรรเสริญ 31:19, 21, ล.ม.
17-19. ที่ประเทศกานา มีผลดีอะไรตามมาเมื่อชายสูงอายุคนหนึ่งจดทะเบียนสมรส?
17 เหตุฉะนั้น ชาวโลกได้มาเป็นสักขีพยานเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของเหล่าผู้นมัสการพระยะโฮวา และพวกเขาประหลาดใจ. ยกตัวอย่าง ที่ประเทศกานา ชายวัย 96 ปีไปที่ว่าการอำเภอแผนกทะเบียนสมรส พร้อมกับยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรส หลังจากอยู่กินฉันสามีภรรยามานานถึง 70 ปี. พนักงานฝ่ายทะเบียนสมรสถึงกับตกตะลึงและถามว่า “ที่คุณต้องการอย่างนี้ คุณแน่ใจหรือ? ตอนอายุปูนนี้แล้วน่ะหรือ?”
18 ชายผู้นั้นชี้แจงว่า “กระผมต้องการเป็นพยานพระยะโฮวาและมีส่วนในงานสำคัญที่สุดก่อนอวสานของโลกจะมาถึง นั้นคืองานเผยแพร่ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. งานนี้นำไปสู่ชีวิตนิรันดร. พยานพระยะโฮวาเชื่อฟังกฎหมายบ้านเมือง รวมทั้งกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนสมรส. ฉะนั้น กรุณาจัดการให้กระผมด้วย.” พนักงานอำเภอตกตะลึงจนพูดไม่ออก. เขาจัดการจดทะเบียนให้ และชายผู้สูงอายุก็ลากลับด้วยความดีใจที่บัดนี้เขาสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว.—เทียบกับโรม 12:2.
19 หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนสมรสครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาได้ยิน. เป็นต้นว่า “พยานพระยะโฮวา . . . งานสำคัญยิ่ง . . . อวสานของโลก . . . ราชอาณาจักรของพระเจ้า . . . ชีวิตนิรันดร.” ด้วยความงุนงงในเรื่องที่ว่า สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตของชายวัย 96 ปี เขาจึงตัดสินใจสืบหาพยานฯเพื่อจะเรียนรู้มากขึ้น. เขาตอบตกลงศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่บ้านและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว. เดี๋ยวนี้ เจ้าหน้าที่คนนี้เป็นพยานฯที่รับบัพติสมาแล้ว. ดังนั้น เมื่อเราเชื่อฟังพระยะโฮวา แม้ในสิ่งซึ่งคนอื่นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็อาจบังเกิดผลดีเหลือพรรณนาแก่พวกเราและแก่คนเหล่านั้นที่เป็นประจักษ์พยานการประพฤติของเรา.—เทียบกับ 1 เปโตร 2:12.
20. ที่พม่า ความซื่อสัตย์ของพี่น้องวัยรุ่นคนหนึ่งนำไปสู่การให้คำพยานที่ดีอย่างไร?
20 เหล่าผู้สูงอายุที่ยอมให้ความจริงหล่อหลอมจนเป็นคนซื่อสัตย์วางตัวอย่างที่ดีสำหรับหนุ่มสาวทั้งหลายผู้ซึ่งอยู่ในโลกที่ขาดความซื่อสัตย์. ในพม่า มีพี่น้องหญิงวัยรุ่นเช่นว่านั้น. เธอมาจากครอบครัวที่มีลูกถึงสิบคน ซึ่งยากจนและต่ำต้อย. ผู้เป็นบิดาซึ่งกินบำนาญนั้น เป็นไพโอเนียร์ประจำ. วันหนึ่งที่โรงเรียน พี่น้องคนนี้เก็บแหวนเพชรได้ ซึ่งเธอรีบนำส่งครูทันที. วันรุ่งขึ้น เมื่อพวกนักเรียนประชุมกัน ครูแจ้งแก่นักเรียนว่า มีการพบแหวนได้อย่างไรและส่งคืนเจ้าของไปแล้ว. จากนั้น ครูให้พี่น้องวัยรุ่นมายืนหน้าชั้นและชี้แจงเหตุผลที่เธอทำอย่างนั้น โดยรู้ว่าถ้าเป็นเด็กอื่นก็คงจะเก็บไว้เสียเอง. พี่น้องคนนั้นจึงชี้แจงว่า ตนเป็นพยานพระยะโฮวา และพระเจ้าที่เธอนับถือไม่ชอบการลักขโมยหรือการไม่ซื่อสัตย์ทุกรูปแบบ. นักเรียนทั้งโรงเรียนได้ยินเรื่องนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่พี่น้องวัยรุ่นของเราคนนี้จะให้คำพยานแก่พวกครูและเพื่อนนักเรียนด้วย.
21. เมื่อคนหนุ่มสาววางใจในพระยะโฮวา การประพฤติของเขาสะท้อนถึงพระองค์อย่างไร?
21 ที่เบลเยียม ครูคนหนึ่งพูดถึงพยานพระยะโฮวาอย่างน่าสนใจในห้องเรียน. เขาเฝ้ามองการประพฤติของนักเรียนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่น้องหญิงวัยรุ่นเช่นกัน และพูดว่า “ตอนนี้ ครูมีความเห็นอีกแง่หนึ่งที่ต่างออกไปเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา. ความมีอคติเคยทำให้ครูคิดว่า พยานฯคงเป็นพวกที่มีความอดกลั้นน้อยที่สุด. แต่ปรากฏว่า เขามีความอดกลั้นสูงทีเดียว ขณะที่ไม่ยอมอะลุ้มอล่วยในหลักการของเขา.” แต่ละปี คณะครูจะมอบรางวัลแก่นักเรียนดีเด่น. หนึ่งในรางวัลที่มอบนั้นคือรางวัลด้านจรรยา. สามปีติดต่อกันทีเดียว ที่ครูคนนี้มอบรางวัลสามอันดับแรกแก่เด็กนักเรียนพยานพระยะโฮวา. เรื่องทำนองนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้นที่วางใจด้วยความภักดีในพระยะโฮวา.—บทเพลงสรรเสริญ 31:23.
22. อะไรเป็นการจบที่แสดงความมีชัยของเพลงสรรเสริญบท 31 และจุดนี้ช่วยเราอย่างไรในช่วงท้ายแห่งระบบของสิ่งต่าง ๆ?
22 เพลงสรรเสริญบท 31 จบลงด้วยเสียงอันดัง แสดงความมีชัยดังนี้: “จงกล้าหาญ และขอให้หัวใจของเจ้าทั้งหลายเข้มแข็งเถิด เจ้าทั้งปวงที่คอยท่าพระยะโฮวา.” (บทเพลงสรรเสริญ 31:24, ล.ม.) เหตุฉะนั้น ขณะที่เราอยู่ในช่วงท้ายแห่งระบบชั่วของซาตาน พระยะโฮวาจะไม่ทรงละเราไว้ แต่จะทรงสถิตใกล้พวกเรา และประทานอำนาจของพระองค์แก่เรา. พระยะโฮวาทรงสัตย์ซื่อและจะไม่เพิกเฉย. พระองค์ทรงเป็นที่คุ้มภัยของเรา พระองค์ทรงเป็นป้อมแข็งแรงของเรา.”—สุภาษิต 18:10.
คุณจำได้ไหม?
▫ เหตุใดเราจึงหาที่คุ้มภัยในพระยะโฮวาได้อย่างมั่นใจ?
▫ มีพยานหลักฐานอะไรแสดงว่า นักร้องประสานเสียงกลุ่มใหญ่ร้องเพลงราชอาณาจักรด้วยความกล้า?
▫ ทำไมเราจึงมั่นใจได้ว่า ข่ายดักของซาตานจะจับไพร่พลของพระยะโฮวาไม่ได้?
▫ ทรัพย์อันมีค่าอะไรที่พระยะโฮวาทรงสงวนไว้สำหรับคนเหล่านั้นซึ่งหาที่คุ้มภัยในพระองค์?
[ตารางแผนภูมิหน้า 12-15]
(รายละเอียดดูจากวารสาร.)
รายงานเกี่ยวกับปีรับใช้ 1993 ของพยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลก
[รูปภาพหน้า 16, 17]
ผู้หาที่คุ้มภัยในพระยะโฮวาเป็นคณะนักร้องประสานเสียงที่มีพลังที่ประกอบด้วยผู้ประกาศข่าวราชอาณาจักร—ถึง 4,709,889 คน!
1. เซเนกัล
2. บราซิล
3. ชิลี
4. โบลิเวีย