ผู้สูงอายุ—สมาชิกที่มีค่าในสังคมพี่น้องคริสเตียนของเรา
“เขาถูกปลูกไว้ในวิหารของพระยะโฮวา; เขาจะเบิกบานออก . . . เมื่อผู้นั้นแก่แล้วยังจะเกิดผล.”—บทเพลงสรรเสริญ 92:13, 14.
1. ผู้คนจำนวนมากมีทัศนะเช่นไรต่อผู้สูงอายุ?
พระยะโฮวาทรงรักผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกคน รวมทั้งผู้สูงอายุ. แต่ตามตัวเลขประมาณการของชาติ ทุก ๆ ปีมีผู้สูงอายุเกือบครึ่งล้านคนในสหรัฐถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายหรือถูกทอดทิ้ง. รายงานคล้าย ๆ กันจากทั่วโลกแสดงว่าการปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อผู้สูงอายุเป็นปัญหาระดับโลก. องค์กรหนึ่งกล่าวว่าต้นตอของปัญหานี้คือ “ทัศนะที่แพร่หลายท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก . . . ว่าคนชรามีอายุมากเกินกว่าจะทำประโยชน์อะไรได้ ไม่เกิดผล และพึ่งพาอาศัยคนอื่นมากเกินไป.”
2. (ก) พระยะโฮวามีทัศนะเช่นไรต่อผู้รับใช้สูงอายุที่ซื่อสัตย์ของพระองค์? (ข) ในบทเพลงสรรเสริญ 92:12-15 เราพบคำพรรณนาอะไรที่ทำให้อบอุ่นใจ?
2 พระยะโฮวาพระเจ้าถือว่าผู้รับใช้สูงอายุที่ภักดีของพระองค์มีค่ายิ่ง. พระองค์เพ่งมองไปยังสิ่งที่เราเป็นอยู่ “ภายใน” กล่าวคือสภาพฝ่ายวิญญาณของเรา แทนที่จะมุ่งไปยังขีดจำกัดด้านร่างกาย. (2 โกรินโธ 4:16) ในคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระองค์ เราพบคำรับรองที่ทำให้อบอุ่นใจที่ว่า “คนชอบธรรมจะเจริญดุจต้นตาล [“ต้นอินทผลัม,” ฉบับแปลใหม่]: จะงอกขึ้นเหมือนต้นสนที่ภูเขาละบาโนน. เขาถูกปลูกไว้ในวิหารของพระยะโฮวา; เขาจะเบิกบานออกในบริเวณแห่งพระเจ้าของพวกเรา. เมื่อผู้นั้นแก่แล้วยังจะเกิดผล; จะประกอบไปด้วยน้ำเลี้ยงและยังเขียวสดอยู่: เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ.” (บทเพลงสรรเสริญ 92:12-15) การพิจารณาข้อคัมภีร์เหล่านี้จะทำให้คุณที่เป็นผู้สูงอายุเห็นแง่มุมต่าง ๆ ที่จะสามารถทำคุณประโยชน์แก่สังคมพี่น้องคริสเตียนได้.
“แก่แล้วยังจะเกิดผล”
3. (ก) เหตุใดมีการเปรียบคนชอบธรรมเป็นต้นอินทผลัม? (ข) ผู้สูงอายุ “แก่แล้วยังจะเกิดผล” ได้อย่างไร?
3 ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเปรียบคนชอบธรรมเป็นต้นอินทผลัมที่ ‘ปลูกไว้ในบริเวณแห่งพระเจ้าของพวกเรา.’ พวกเขา “แก่แล้วยังจะเกิดผล.” คุณเห็นด้วยใช่ไหมว่านี่เป็นแนวคิดที่ให้กำลังใจ? ต้นอินทผลัมที่ลำต้นตั้งตรงและสง่างามเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในบริเวณลานบ้านในดินแดนแถบตะวันออกสมัยคัมภีร์ไบเบิล. นอกจากมีคุณค่าเป็นไม้ประดับแล้ว ต้นอินทผลัมยังมีค่าที่ให้ผลดก ซึ่งบางต้นออกผลได้เรื่อย ๆ ถึงกว่าร้อยปี.a โดยการตั้งมั่นอยู่ในการนมัสการแท้ คุณสามารถ “เกิดผลต่อไปในการงานที่ดีทุกอย่าง” ในทำนองเดียวกัน.—โกโลซาย 1:10, ล.ม.
4, 5. (ก) คริสเตียนต้องเกิดผลอะไรที่สำคัญ? (ข) จงให้ตัวอย่างของผู้สูงอายุในพระคัมภีร์ที่เกิด “ผลแห่งริมฝีปาก.”
4 พระยะโฮวาทรงคาดหมายให้คริสเตียนเกิด “ผลแห่งริมฝีปาก” ซึ่งก็คือคำพูดที่กล่าวยกย่องสรรเสริญพระองค์และพระประสงค์ต่าง ๆ ของพระองค์. (เฮ็บราย 13:15) ข้อนี้นำมาใช้กับคุณที่เป็นผู้สูงอายุด้วยไหม? แน่นอน.
5 คัมภีร์ไบเบิลมีตัวอย่างต่าง ๆ ของผู้สูงอายุหลายคนที่ให้คำพยานอย่างไม่หวาดหวั่นถึงพระนามและพระประสงค์ของพระยะโฮวา. โมเซมีอายุมากกว่า “เจ็ดสิบปี” แล้ว ตอนที่พระยะโฮวาทรงมอบหมายท่านให้เป็นผู้พยากรณ์และผู้แทนพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 90:10; เอ็กโซโด 4:10-17) ความชราไม่ได้หน่วงเหนี่ยวผู้พยากรณ์ดานิเอลไว้จากการให้คำพยานอย่างไม่หวั่นกลัวในเรื่องพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. ดานิเอลคงอยู่ในวัย 90 กว่าปีแล้ว เมื่อเบละซาซัรเรียกตัวท่านมาแปลความหมายของข้อความลึกลับที่เขียนบนผนัง. (ดานิเอล บท 5) ส่วนอัครสาวกโยฮันผู้ชราภาพล่ะ? ในช่วงสุดท้ายแห่งงานรับใช้ที่ยืนยาวของท่าน ท่านถูกกักขังอยู่ที่เกาะปัตโมส “เนื่องด้วยได้กล่าวถึงพระเจ้าและให้คำพยานถึงพระเยซู.” (วิวรณ์ 1:9, ล.ม.) คุณคงจำได้ถึงคนอื่นอีกหลายคนในคัมภีร์ไบเบิลที่เกิด “ผลแห่งริมฝีปาก” ในบั้นปลายชีวิตของพวกเขา.—1 ซามูเอล 8:1, 10; 12:2; 1 กษัตริย์ 14:4, 5; ลูกา 1:7, 67-79; 2:22-32.
6. พระยะโฮวาได้ใช้ “คนแก่” อย่างไรให้กล่าวพยากรณ์ในสมัยสุดท้าย?
6 โดยยกถ้อยคำของผู้พยากรณ์โยเอลชาวฮีบรูขึ้นมากล่าว อัครสาวกเปโตรประกาศว่า “พระเจ้าได้ตรัสว่า, ‘ในเวลาที่สุดเราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง [รวมทั้ง “คนแก่”] . . . และคนเหล่านั้นจะกล่าวคำพยากรณ์.’ ” (กิจการ 2:17, 18; โยเอล 2:28) ดังนั้น ในเวลาที่สุดหรือสมัยสุดท้ายนี้ พระยะโฮวาได้ใช้ผู้สูงอายุจากชนชั้นผู้ถูกเจิมและ “แกะอื่น” ให้ประกาศพระประสงค์ของพระองค์. (โยฮัน 10:16) บางคนในพวกเขาได้เกิดผลแห่งราชอาณาจักรอย่างซื่อสัตย์ต่อเนื่องมานานหลายสิบปีแล้ว.
7. จงยกตัวอย่างแสดงว่าผู้สูงอายุยังคงเกิดผลแห่งราชอาณาจักรต่อไปอย่างไรแม้มีขีดจำกัดด้านร่างกาย.
7 ขอพิจารณาตัวอย่างของซอนยา ซึ่งเริ่มเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรเต็มเวลาในปี 1941. แม้ว่าต้องต่อสู้ยาวนานกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง เธอยังคงนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำที่บ้านของเธอ. ซอนยาอธิบายว่า “การประกาศข่าวดีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน. ที่จริงแล้ว เป็นชีวิตของฉัน. ฉันจะไม่ยอมเกษียณตัวเองจากการประกาศ.” เมื่อไม่นานมานี้ ซอนยากับโอลีฟพี่สาวของเธอแบ่งปันข่าวสารแห่งความหวังจากคัมภีร์ไบเบิลให้แก่แจเนต ซึ่งเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ทั้งสองพบในห้องรอรับการรักษาของโรงพยาบาล. แม่ของแจเนตซึ่งเป็นคาทอลิกที่เคร่งประทับใจมากกับความสนใจด้วยความรักที่มีการแสดงต่อลูกสาวของเธอ จนเธอตอบรับการเสนอการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่บ้านและตอนนี้กำลังก้าวหน้าอย่างดี. คุณฉวยโอกาสที่คล้าย ๆ กันนี้ไหมเพื่อเกิดผลแห่งราชอาณาจักร?
8. คาเลบผู้ชราแสดงความวางใจเช่นไรในพระยะโฮวา และคริสเตียนสูงอายุสามารถเลียนแบบอย่างท่านโดยวิธีใด?
8 โดยมุ่งมั่นทำงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรต่อไปอย่างไม่หวั่น แม้มีขีดจำกัดด้วยวัยชรา คริสเตียนสูงอายุกำลังติดตามตัวอย่างของคาเลบชาวอิสราเอลที่ซื่อสัตย์ ผู้ซึ่งอยู่กับโมเซในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่ทศวรรษ. คาเลบอายุได้ 79 ปี เมื่อข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่แผ่นดินตามคำสัญญา. หลังจากร่วมรบเป็นเวลาหกปีในกองทัพอิสราเอลที่มีชัยในการศึก ท่านอาจจะหยุดพักและพึงพอใจกับความสำเร็จ. แต่ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น ท่านมีใจกล้าของานมอบหมายที่ท้าทายในการบุกยึด “หัวเมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมอย่างเข้มแข็ง” ในบริเวณภูเขาของยูดาห์ อันเป็นที่อาศัยของพวกอะนาคที่มีรูปร่างใหญ่โต. ด้วยความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา คาเลบ “ไล่เขาออกไปได้ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว.” (ยะโฮซูอะ 14:9-14, ฉบับแปลใหม่; 15:13, 14) จงมั่นใจว่าพระยะโฮวาสถิตกับคุณเช่นเดียวกับที่พระองค์สถิตกับคาเลบ ขณะที่คุณเกิดผลแห่งราชอาณาจักรเรื่อยไปในวัยชรา. และถ้าคุณรักษาความซื่อสัตย์ พระองค์จะให้คุณได้อยู่ในโลกใหม่ตามคำสัญญาของพระองค์.—ยะซายา 40:29-31; 2 เปโตร 3:13.
“จะประกอบไปด้วยน้ำเลี้ยงและยังเขียวสดอยู่”
9, 10. คริสเตียนสูงอายุรักษาความเชื่อให้เข้มแข็งและคงความแข็งขันฝ่ายวิญญาณไว้โดยวิธีใด? (ดูกรอบหน้า 13.)
9 เมื่อนำความสนใจไปสู่การเกิดผลของผู้รับใช้สูงอายุของพระยะโฮวา ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงว่า “คนชอบธรรมจะเจริญดุจต้นตาล [“ต้นอินทผลัม,” ฉบับแปลใหม่]: จะงอกขึ้นเหมือนต้นสนที่ภูเขาละบาโนน. เมื่อผู้นั้นแก่แล้วยังจะเกิดผล; จะประกอบไปด้วยน้ำเลี้ยงและยังเขียวสดอยู่.”—บทเพลงสรรเสริญ 92:12, 14.
10 คุณจะคงความแข็งขันฝ่ายวิญญาณไว้ได้โดยวิธีใดทั้ง ๆ ที่อายุมากแล้ว? ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นอินทผลัมคงความสวยสดตลอดปีนั้นอยู่ที่การมีแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงไม่ขาด. เช่นเดียวกัน คุณสามารถดูดเอาน้ำแห่งความจริงในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อหล่อเลี้ยงโดยการศึกษาพระคำของพระเจ้าและสมทบกับองค์การของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 1:1-3; ยิระมะยา 17:7, 8) ความมีชีวิตชีวาฝ่ายวิญญาณของคุณทำให้คุณมีค่ามากสำหรับเพื่อนร่วมความเชื่อ. ขอพิจารณาว่าข้อนี้เป็นจริงอย่างไรในกรณีของมหาปุโรหิตยะโฮยาดาผู้สูงวัย.
11, 12. (ก) ยะโฮยาดามีบทบาทสำคัญอะไรในประวัติศาสตร์อาณาจักรยูดาห์? (ข) ยะโฮยาดาใช้อำนาจของท่านที่มีอยู่อย่างไรเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้?
11 ยะโฮยาดาคงมีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว เมื่อพระราชินีอะธัลยาผู้มักใหญ่ใฝ่สูงยึดครองอาณาจักรยูดาห์โดยการสังหารเหล่าพระนัดดาของพระนางเอง. ยะโฮยาดาผู้สูงวัยสามารถทำอะไรได้? ท่านกับภรรยาซ่อนตัวยะโฮอาศ (โยอาศ) รัชทายาทที่รอดชีวิตเหลืออยู่เพียงองค์เดียว ไว้ในพระวิหารเป็นเวลาหกปี. แล้วโดยการดำเนินการอย่างฉับพลัน ยะโฮยาดาประกาศตั้งยะโฮอาศพระชนมายุเจ็ดพรรษาขึ้นเป็นกษัตริย์ และสั่งประหารพระนางอะธัลยาเสีย.—2 โครนิกา 22:10-12; 23:1-3, 15, 21.
12 ฐานะผู้อนุบาลกษัตริย์ ยะโฮยาดาใช้อำนาจของท่านที่มีอยู่เพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้. ท่าน “ทำคำสัตย์สาบานไว้ในระหว่างท่านกับกษัตริย์และราษฎรว่า, จะเป็นพรรคพวกพลไพร่ของพระยะโฮวา.” ตามคำสั่งของยะโฮยาดา ประชาชนทำลายวิหาร, แท่นบูชา, รูปเคารพ, และปุโรหิตของพระบาละ. ยะโฮยาดายังเป็นผู้ชี้นำให้ยะโฮอาศฟื้นฟูการรับใช้ ณ พระวิหาร และดำเนินการซ่อมแซมพระวิหารที่ต้องการการบูรณะอย่างมาก. “ยะโฮอาศได้ประพฤติถูกต้องในคลองพระเนตรแห่งพระยะโฮวาตลอดเวลาซึ่งยะโฮยาดาผู้ปุโรหิตได้สั่งสอนท่าน.” (2 โครนิกา 23:11, 16-19; 24:11-14; 2 กษัตริย์ 12:2) พอท่านสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 130 ปี ยะโฮยาดาได้รับเกียรติเป็นพิเศษโดยถูกฝังศพไว้ร่วมกับเหล่ากษัตริย์ เพราะ “ท่านได้กระทำการดีในอิสราเอล และต่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์.”—2 โครนิกา 24:15, 16, ฉบับแปลใหม่.
13. คริสเตียนสูงอายุจะ ‘กระทำการดีต่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์’ ได้โดยวิธีใด?
13 สุขภาพที่เสื่อมลงหรือสภาพการณ์อื่น ๆ อาจจำกัดสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้. แม้หากว่าเป็นเช่นนั้น คุณก็ยังสามารถ ‘กระทำการดีต่อพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์’ ได้. คุณสามารถสำแดงความมีใจแรงกล้าต่อพระนิเวศฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวาโดยการเข้าร่วมและมีส่วนในการประชุมของประชาคม อีกทั้งเข้าร่วมในการประกาศเมื่อไรก็ตามที่เป็นไปได้. การที่คุณยอมรับคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลด้วยความเต็มใจ กับการสนับสนุนอย่างภักดีต่อ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” และต่อประชาคม คุณจะเสริมกำลังพี่น้องคริสเตียน. (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.) นอกจากนั้น คุณสามารถเร้าใจเพื่อนผู้นมัสการให้ “บังเกิดใจรักซึ่งกันและกันและกระทำการดี.” (เฮ็บราย 10:24, 25; ฟิเลโมน 8, 9) และคุณจะเป็นพระพรแก่คนอื่น ๆ หากคุณประพฤติตามคำแนะนำของอัครสาวกเปาโลที่ว่า “จงให้ชายที่สูงอายุรู้จักประมาณตน, จริงจัง, มีสุขภาพจิตดี, เข้มแข็งในความเชื่อ, ในความรัก, ในความเพียรอดทน. เช่นเดียวกันให้สตรีสูงอายุมีความประพฤติที่แสดงความเคารพนับถือ, ไม่พูดใส่ร้าย, ทั้งไม่ตกเป็นทาสของเหล้าองุ่นมาก, เป็นผู้สอนสิ่งที่ดี.”—ติโต 2:2-4, ล.ม.
14. บรรดาคริสเตียนผู้ดูแลที่รับใช้มานานสามารถทำอะไรเพื่อส่งเสริมการนมัสการแท้?
14 คุณรับใช้เป็นผู้ปกครองในประชาคมคริสเตียนมาหลายปีแล้วไหม? “จงใช้สติปัญญาที่มากับอายุที่มากขึ้นอย่างใจกว้าง” นี่เป็นคำแนะนำจากผู้ปกครองคนหนึ่งในประชาคมที่รับใช้มานาน. “จงมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบ และแบ่งปันประสบการณ์ของคุณกับคนอื่น ๆ ที่พร้อมจะเรียนรู้ . . . จงมองหาศักยภาพในตัวผู้อื่น. จงช่วยเสริมและพัฒนาศักยภาพเหล่านั้น. จงเตรียมการไว้สำหรับอนาคต.” (พระบัญญัติ 3:27, 28) ความสนใจอย่างแท้จริงของคุณในงานประกาศราชอาณาจักรที่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ จะเป็นพระพรแก่คนอื่น ๆ ในสังคมพี่น้องคริสเตียนของเรา.
“แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ”
15. คริสเตียนสูงอายุ “แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ” โดยวิธีใด?
15 ผู้รับใช้สูงอายุของพระเจ้าทำหน้าที่ของตนด้วยความยินดีในการ “แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ.” หากคุณเป็นคริสเตียนสูงอายุ คำพูดและการกระทำของคุณสามารถแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ‘พระยะโฮวาเป็นศิลาของคุณ, และความอสัตย์อธรรมในพระองค์ไม่มีเลย.’ (บทเพลงสรรเสริญ 92:15) ต้นอินทผลัมให้คำพยานโดยไร้ถ้อยคำถึงคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมของพระผู้สร้าง. แต่พระยะโฮวาทรงมอบสิทธิพิเศษแก่คุณที่จะให้คำพยานเกี่ยวกับพระองค์แก่บรรดาผู้ที่กำลังรับเอาการนมัสการแท้อยู่ในขณะนี้. (พระบัญญัติ 32:7; บทเพลงสรรเสริญ 71:17, 18; โยเอล 1:2, 3) เหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญ?
16. ตัวอย่างอะไรจากคัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นความสำคัญของการ “แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ”?
16 เมื่อยะโฮซูอะผู้นำชาติอิสราเอล “มีอายุชราลงมาก” ท่าน “เรียกบรรดาคนอิสราเอล ทั้งพวกผู้ใหญ่ ผู้หัวหน้า ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่” และเตือนใจพวกเขาถึงการปฏิบัติด้วยความสัตย์ซื่อของพระเจ้าต่อประชาชนของพระองค์. ท่านกล่าวว่า “ไม่มีสักสิ่งเดียวซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านแล้วล้มเหลวไป สำเร็จหมดทุกอย่าง.” (ยะโฮซูอะ 23:1, 2, 14, ฉบับแปลใหม่) คำพูดเหล่านี้เสริมความตั้งใจมุ่งมั่นของประชาชนให้รักษาความซื่อสัตย์ไปได้ชั่วเวลาหนึ่ง. แต่หลังจากยะโฮซูอะสิ้นชีวิตแล้ว “มีชนรุ่นใหม่เกิดขึ้น, ไม่รู้จักพระยะโฮวา; หรือการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำแก่พวกยิศราเอล. พวกยิศราเอลกระทำผิดในคลองพระเนตรพระยะโฮวา, คือปฏิบัติพระบะอาลิม.”—วินิจฉัย 2:8-11.
17. พระยะโฮวาได้ปฏิบัติต่อประชาชนของพระองค์ในสมัยปัจจุบันอย่างไร?
17 ความซื่อสัตย์มั่นคงของประชาคมคริสเตียนสมัยปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำให้การเป็นพยานของผู้รับใช้ที่สูงอายุของพระเจ้า. ถึงกระนั้น ความเชื่อของเราในพระยะโฮวาและคำสัญญาต่าง ๆ ของพระองค์ได้รับการเสริมให้เข้มแข็ง เมื่อเราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “การอัศจรรย์ใหญ่ต่าง ๆ” ที่พระองค์ได้กระทำเพื่อประชาชนของพระองค์ระหว่างสมัยสุดท้ายนี้จากผู้คนที่ได้ประสบเหตุการณ์เหล่านั้น. (วินิจฉัย 2:7; 2 เปโตร 1:16-19) ถ้าคุณสมทบกับองค์การของพระยะโฮวามาหลายปีแล้ว คุณอาจจำได้ถึงสมัยที่มีจำนวนผู้ประกาศราชอาณาจักรเพียงไม่กี่คนในเขตหรือประเทศของคุณ หรือที่งานประกาศประสบปัญหาหลายอย่าง. ขณะที่เวลาผ่านไป คุณได้เห็นพระยะโฮวาขจัดอุปสรรคบางอย่างออกไป และ “เร่ง” จำนวนผู้ประกาศให้เพิ่มทวีขึ้น. (ยะซายา 54:17; 60:22) คุณได้สังเกตเห็นการอธิบายความจริงในคัมภีร์ไบเบิลให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น และเห็นการปรับปรุงเป็นขั้น ๆ ในองค์การของพระเจ้าที่ประจักษ์แก่ตา. (สุภาษิต 4:18; ยะซายา 60:17) คุณหาโอกาสหนุนใจคนอื่น ๆ ไหมโดยการบอกเล่าถึงสิ่งที่คุณประสบมาเกี่ยวกับการปฏิบัติด้วยความสัตย์ซื่อของพระยะโฮวาต่อประชาชนของพระองค์? การทำอย่างนั้นจะเร้าใจและเสริมกำลังแก่พี่น้องคริสเตียนสักเพียงไร!
18. (ก) จงยกตัวอย่างที่แสดงถึงผลในระยะยาวของ ‘การแสดงให้คนอื่นเห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ.’ (ข) คุณประสบความสัตย์ซื่อของพระยะโฮวาด้วยตัวเองอย่างไร?
18 จะว่าอย่างไรกับโอกาสต่าง ๆ เมื่อคุณได้ประสบการเอาพระทัยใส่และการชี้นำด้วยความรักของพระยะโฮวาในชีวิตส่วนตัว? (บทเพลงสรรเสริญ 37:25; มัดธาย 6:33; 1 เปโตร 5:7) พี่น้องหญิงสูงอายุคนหนึ่งชื่อมาร์ทาเคยพูดหนุนใจคนอื่น ๆ ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขออย่าทิ้งพระยะโฮวา. พระองค์จะทรงค้ำจุนคุณ.” คำแนะนำนี้ก่อผลอย่างลึกซึ้งต่อโทลมีนา นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งของมาร์ทาซึ่งรับบัพติสมาตอนต้นทศวรรษ 1960. โทลมีนาระลึกถึงความหลังว่า “เมื่อสามีฉันเสียชีวิต ฉันท้อใจมาก แต่คำพูดของมาร์ทาทำให้ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ขาดการประชุมเลยสักครั้ง. และพระยะโฮวาก็ทรงเสริมกำลังฉันจริง ๆ ให้ยืนหยัดต่อไป.” โทลมีนาได้ให้คำแนะนำแบบเดียวกันนี้แก่นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลของเธอหลายรายตลอดเวลาหลายปี. ใช่แล้ว โดยให้การหนุนใจและบอกเล่าเกี่ยวกับการปฏิบัติด้วยความสัตย์ซื่อของพระยะโฮวาต่อประชาชนของพระองค์ คุณสามารถเสริมความเชื่อของเพื่อนร่วมความเชื่อได้อย่างมาก.
พระยะโฮวาถือว่าผู้สูงอายุที่ซื่อสัตย์มีค่ายิ่ง
19, 20. (ก) พระยะโฮวาทรงมองการงานของผู้รับใช้สูงอายุของพระองค์อย่างไร? (ข) จะมีการพิจารณาอะไรในบทความหน้า?
19 โลกทุกวันนี้ ซึ่งมีความอกตัญญูเป็นลักษณะสำคัญ ไม่ค่อยคำนึงถึงผู้สูงอายุเท่าไรนัก. (2 ติโมเธียว 3:1, 2) ถ้ามีการระลึกถึงพวกเขา ก็มักจะเนื่องจากความสำเร็จในอดีต กล่าวคือสิ่งที่พวกเขาเคยทำ ไม่ใช่สิ่งที่กำลังทำอยู่. ตรงกันข้าม คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “พระเจ้าไม่ใช่อธรรมที่จะทรงลืมการงานของท่านและความรักที่ท่านได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์, ในการที่ท่านได้ปรนนิบัติสิทธชนนั้น, และยังกำลังปรนนิบัติอยู่.” (เฮ็บราย 6:10) แน่นอน พระยะโฮวาพระเจ้าทรงระลึกถึงประวัติการงานที่คุณทำมาอย่างซื่อสัตย์ในอดีต. แต่พระองค์ทรงถือว่าคุณมีค่าด้วยเนื่องจากสิ่งที่คุณทำอยู่ต่อ ๆ ไป ในการรับใช้พระองค์. ถูกแล้ว พระองค์ทรงมองผู้สูงอายุที่ซื่อสัตย์ว่าเป็นคริสเตียนที่เกิดผล, แข็งขัน, และเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณ—เป็นพยานหลักฐานที่มีชีวิตอยู่ถึงอานุภาพของพระองค์.—ฟิลิปปอย 4:13, ล.ม.
20 คุณมองสมาชิกผู้สูงวัยแห่งสังคมพี่น้องคริสเตียนของเราอย่างเดียวกับที่พระยะโฮวาทรงมองพวกเขาไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณจะถูกกระตุ้นใจให้แสดงความรักต่อพวกเขา. (1 โยฮัน 3:18) บทความหน้าจะพิจารณาบางวิธีในภาคปฏิบัติเพื่อแสดงความรักเช่นนั้นในการเอาใจใส่ความจำเป็นของพวกเขา.
[เชิงอรรถ]
a ผลอินทผลัมแต่ละทะลายอาจมีจำนวนนับพัน และอาจหนักถึง 8 กิโลกรัมหรือมากกว่า. นักเขียนคนหนึ่งประมาณว่า “ต้น [อินทผลัม] ที่ออกผลแต่ละต้นจะให้ผลแก่เจ้าของตลอดช่วงชีวิตของมันรวมแล้วหนักสองถึงสามตัน.”
คุณจะตอบอย่างไร?
• ผู้สูงอายุ “เกิดผล” อย่างไร?
• เหตุใดความมีชีวิตชีวาฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนสูงอายุจึงมีคุณค่ามาก?
• ผู้สูงอายุจะ “แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สัตย์ซื่อ” โดยวิธีใด?
• เหตุใดพระยะโฮวาถือว่าผู้ที่รับใช้พระองค์มานานมีค่ายิ่ง?
[กรอบหน้า 13]
พวกเขารักษาความเชื่อให้เข้มแข็งโดยวิธีใด?
อะไรช่วยให้คริสเตียนที่รับใช้มานานหลายปีรักษาความเชื่อให้เข้มแข็งและคงความแข็งขันฝ่ายวิญญาณไว้ได้? ต่อไปนี้คือสิ่งที่บางคนกล่าวไว้:
“การอ่านข้อพระคัมภีร์ที่พิจารณาเรื่องสัมพันธภาพระหว่างเรากับพระยะโฮวาสำคัญมาก. แทบทุกคืน ฉันท่องเพลงสรรเสริญบท 23 กับบท 91 จากความทรงจำ.”—โอลีฟ, รับบัพติสมาปี 1930.
“ผมถือว่าสำคัญที่จะอยู่ ณ การบรรยายสำหรับบัพติสมาและตั้งใจฟัง เหมือนกับเป็นการรับบัพติสมาของผมเอง. การทำให้การอุทิศตัวของผมแจ่มชัดอยู่ในความคิดเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผมรักษาความซื่อสัตย์มาได้จนถึงทุกวันนี้.”—แฮร์รี, รับบัพติสมาปี 1946.
“การอธิษฐานทุกวันสำคัญมาก—ทูลขอความช่วยเหลือ, การปกป้อง, และพระพรจากพระยะโฮวาเสมอ ‘รับพระองค์ให้เข้าส่วนในทางทั้งหลายของเรา.’ ” (สุภาษิต 3:5, 6)—อันทอนยู, รับบัพติสมาปี 1951.
“การฟังประสบการณ์ของคนที่ยังคงรับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์นานหลายปีเสริมความตั้งใจของฉันที่จะรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์.”—โจน, รับบัพติสมาปี 1954.
“นับว่าสำคัญที่จะไม่คิดถึงตัวเองมากเกินไป. สิ่งที่เรามีอยู่ก็เนื่องด้วยพระกรุณาคุณอันไม่พึงได้รับจากพระเจ้า. การมีทัศนะอย่างนี้ช่วยเราเสาะหาในทิศทางที่ถูกต้องอยู่เสมอเพื่อจะได้รับการบำรุงเลี้ยงฝ่ายวิญญาณที่จำเป็นเพื่อจะอดทนจนถึงที่สุด.”—อาร์ลีน, รับบัพติสมาปี 1954.
[ภาพหน้า 11]
ผู้สูงอายุเกิดผลแห่งราชอาณาจักรที่มีค่า
[ภาพหน้า 14]
ความมีชีวิตชีวาฝ่ายวิญญาณของผู้สูงอายุมีคุณค่ามาก