สติปัญญาของพระยะโฮวาเห็นได้จากสิ่งที่พระองค์สร้าง
“คุณลักษณะของพระองค์อันไม่ประจักษ์แก่ตา . . . เป็นที่เข้าใจได้โดยดูจากสิ่งที่ถูกสร้าง.” —โรม 1:20
1. สติปัญญาของโลกส่งผลอย่างไรต่อผู้คนมากมายในทุกวันนี้?
คำว่า “สติปัญญา” มักใช้กันอย่างไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง. บางคนเรียกบุคคลคนหนึ่งว่าเป็นคนมีปัญญาเพียงเพราะเขามีความรู้มาก. อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นที่โลกเรียกกันว่าปัญญาชนไม่ได้ให้การชี้นำที่เชื่อถือได้เพื่อจะพบความหมายแท้ในชีวิต. ตรงกันข้าม คนที่ปล่อยให้ตัวเขาเองถูกชักนำโดยคนเหล่านั้น ในที่สุดก็ “ถูกซัดไปซัดมาเหมือนโดนคลื่นและถูกพาไปทางนั้นบ้างทางนี้บ้างโดยลมแห่งคำสอนทุกอย่าง.”—เอเฟ. 4:14
2, 3. (ก) เหตุใดพระยะโฮวา “ทรงรอบรู้ทุกอย่างแต่องค์เดียว”? (ข) สติปัญญาของพระเจ้าแตกต่างจากสติปัญญาของโลกอย่างไร?
2 นับว่าแตกต่างกันจริง ๆ เมื่อเทียบกับคนที่ได้รับสติปัญญาแท้จากพระยะโฮวาพระเจ้า! คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าพระยะโฮวา “ทรงรอบรู้ทุกอย่างแต่องค์เดียว.” (โรม 16:27) พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับเอกภพ รวมทั้งองค์ประกอบและประวัติความเป็นมาของเอกภพ. กฎธรรมชาติทั้งหลาย—ซึ่งมนุษย์ใช้เป็นหลักในการค้นคว้าวิจัย—พระยะโฮวาทรงเป็นผู้กำหนดไว้ทั้งหมด. ด้วยเหตุนั้น พระองค์ไม่ทรงรู้สึกประทับใจในสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายของมนุษย์ และพระองค์ไม่ทรงสนใจปรัชญาของมนุษย์ที่ถือกันว่าเป็นความคิดที่สูงส่ง. “พระเจ้าทรงถือว่าปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่เขลา.”—1 โค. 3:19
3 คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่าพระยะโฮวา “พระราชทานปัญญา” แก่ผู้รับใช้ของพระองค์. (สุภา. 2:6) ต่างจากปรัชญาของมนุษย์ สติปัญญาของพระเจ้าไม่คลุมเครือ. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น สติปัญญาของพระเจ้าเน้นวิจารณญาณที่สมเหตุผลและอาศัยความรู้ถ่องแท้และความเข้าใจเป็นหลัก. (อ่านยาโกโบ 3:17) อัครสาวกเปาโลรู้สึกพิศวงในสติปัญญาของพระยะโฮวา. ท่านเขียนว่า “โอ้ความมั่งคั่งและสติปัญญาและความรู้ของพระเจ้าล้ำลึกเสียจริง! คำพิพากษาของพระองค์เหลือกำลังที่จะสืบค้นได้และทางของพระองค์เหลือวิสัยที่จะสืบเสาะได้!” (โรม 11:33) เนื่องจากพระยะโฮวาทรงเป็นองค์สัพพัญญู เราเชื่อมั่นว่ากฎหมายของพระองค์ช่วยนำเราให้ดำเนินชีวิตในแนวทางที่ดีที่สุด. ที่จริง พระยะโฮวาทรงรู้ดียิ่งกว่าใครว่าเราจำเป็นต้องมีอะไรจึงจะมีความสุข.—สุภา. 3:5, 6
พระเยซู—“นายช่าง”
4. วิธีหนึ่งที่ช่วยเราให้เข้าใจสติปัญญาของพระยะโฮวาคืออะไร?
4 สติปัญญาของพระยะโฮวาและคุณลักษณะอื่น ๆ อันหาที่เปรียบไม่ได้ของพระองค์เห็นได้จากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง. (อ่านโรม 1:20) ตั้งแต่สิ่งที่ใหญ่ที่สุดจนถึงสิ่งที่เล็กที่สุด พระราชกิจของพระยะโฮวาเผยให้เห็นคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์. ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน—มองไปที่ฟ้าเบื้องบนหรือมองไปยังดินที่อยู่ใต้เท้าของเรา—เราพบหลักฐานมากมายว่ามีพระผู้สร้างผู้ทรงสัพพัญญูและเปี่ยมด้วยความรัก. เราเรียนรู้ได้มากมายเกี่ยวกับพระองค์ด้วยการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง.—เพลง. 19:1; ยซา. 40:26
5, 6. (ก) นอกจากพระยะโฮวาแล้ว ยังมีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยในการทรงสร้าง? (ข) เราจะพิจารณาอะไร และทำไม?
5 พระยะโฮวาไม่ได้อยู่เพียงลำพังเมื่อพระองค์ “สร้างฟ้าและดิน.” (เย. 1:1) จากสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้เราเข้าใจว่าเป็นเวลานานก่อนพระองค์เริ่มสร้างสรรพสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา พระองค์ทรงสร้างบุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นกายวิญญาณ. พระองค์ทรงใช้บุคคลผู้นี้ในการสร้าง “สิ่งอื่นทั้งหมด.” กายวิญญาณผู้นี้ก็คือพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า—“ผู้ที่เกิดก่อนสรรพสิ่งทรงสร้าง”—ซึ่งภายหลังทรงดำรงชีวิตบนแผ่นดินโลกเป็นมนุษย์ที่ชื่อว่าเยซู. (โกโล. 1:15-17) เช่นเดียวกับพระยะโฮวา พระเยซูทรงเป็นผู้มีปัญญา. ที่จริง สุภาษิตบท 8 กล่าวถึงพระองค์ในฐานะพระปัญญาที่เป็นประหนึ่งบุคคล. พระคัมภีร์บทเดียวกันนี้ยังเรียกพระเยซูด้วยว่า “นายช่าง” ของพระเจ้า.—สุภา. 8:12, 22-31, ล.ม.
6 ด้วยเหตุนั้น สิ่งทรงสร้างที่เห็นได้ด้วยตาเผยให้เห็นพระปัญญาของทั้งพระยะโฮวาและพระเยซูผู้เป็นนายช่างของพระองค์. มีบทเรียนที่มีค่ามากสำหรับเราในสิ่งทรงสร้างเหล่านั้น. ให้เราพิจารณาสี่ตัวอย่างจากสิ่งทรงสร้างทั้งหลาย ซึ่งสุภาษิต 30:24-28 พรรณนาว่า “มีปัญญาโดยสัญชาตญาณ.”a
บทเรียนในเรื่องความขยัน
7, 8. มีข้อเท็จจริงอะไรบ้างเกี่ยวกับมดที่คุณรู้สึกทึ่ง?
7 เมื่อเราพิจารณาอย่างละเอียดถึงการออกแบบและกิจกรรมของสิ่งทรงสร้าง แม้แต่สิ่งที่ “เป็นตัวเล็ก ๆ” ก็มีอะไรบางอย่างให้เราเรียนรู้ได้. ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณาสติปัญญาโดยสัญชาตญาณของมด.—อ่านสุภาษิต 30:24, 25
8 นักวิจัยบางคนเชื่อว่ามดมีจำนวนมากกว่ามนุษย์อย่างน้อย 200,000 เท่า ทุกตัวทำงานหนักบนดินและใต้ดิน. มดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ และส่วนใหญ่จะพบมดได้สามจำพวก: นางพญามด, มดตัวผู้, และมดงาน. มดแต่ละจำพวกช่วยกันดูแลเอาใจใส่สิ่งที่จำเป็นสำหรับกลุ่มตามหน้าที่ของตนเอง. มีมดชนิดหนึ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นชาวสวนที่เชี่ยวชาญ คือมดกัดใบไม้อเมริกาใต้. แมลงตัวเล็กชนิดนี้ใส่ปุ๋ย, ย้ายที่ปลูก, และตัดแต่งสวนเชื้อราในวิธีที่จะเพาะเชื้อราเป็นอาหารของมันได้มากที่สุด. นักวิจัยพบว่า “ชาวสวน” ที่เชี่ยวชาญนี้จะปรับการทำงานมากน้อยตามปริมาณอาหารที่มดในรังจำเป็นต้องได้รับ.b
9, 10. เราจะเลียนแบบความขยันขันแข็งของมดได้โดยวิธีใด?
9 เราเรียนรู้จากมดได้. พวกมันสอนเราว่าถ้าเราอยากเกิดผลมากก็จำเป็นต้องขยันหมั่นเพียร. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “ไปดูมดซิ, เจ้าขี้เกียจ; จงพิจารณาทางทั้งหลายของมัน, และจงฉลาดขึ้น; มันไม่มีหัวหน้า, ผู้กำกับการ, หรือผู้ปกครอง. ถึงกระนั้นมันก็ยังสะสมอาหารไว้เมื่อฤดูร้อน, และรวบรวมเสบียงของมันไว้เมื่อฤดูเกี่ยวข้าว.” (สุภา. 6:6-8) ทั้งพระยะโฮวาและพระเยซู นายช่างของพระองค์ ทรงขยันขันแข็ง. พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงทำงานจนถึงเดี๋ยวนี้ และเราก็ทำงานอยู่.”—โย. 5:17
10 ในฐานะผู้เลียนแบบพระเจ้าและพระคริสต์ เราเองก็ควรขยันขันแข็ง. ไม่ว่าเราได้รับมอบหมายให้ทำอะไรในองค์การของพระเจ้า เราทุกคนควร “หมกมุ่นในการทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีให้ทำมากมาย.” (1 โค. 15:58) ด้วยเหตุนั้น เราควรปฏิบัติตามคำเตือนของเปาโลที่มีไปถึงคริสเตียนในกรุงโรม ที่ว่า “อย่าเกียจคร้านในการงานของพวกท่าน. จงรุ่งโรจน์ด้วยพระวิญญาณ. จงรับใช้พระยะโฮวาอย่างทาสที่ขยันขันแข็ง.” (โรม 12:11) ความบากบั่นที่เราทำตามพระประสงค์ของพระยะโฮวาจะไม่ไร้ผล เพราะคัมภีร์ไบเบิลรับรองกับเราว่า “พระเจ้าไม่ทรงอธรรม พระองค์จึงไม่ทรงลืมการงานของพวกท่านและความรักที่พวกท่านแสดงต่อพระนามของพระองค์.”—ฮีบรู 6:10
การปกป้องไว้จากอันตรายฝ่ายวิญญาณ
11. จงพรรณนาลักษณะบางประการของหนูภูเขา.
11 หนูภูเขาเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งซึ่งตัวค่อนข้างเล็กที่สอนบทเรียนสำคัญให้เราได้. (อ่านสุภาษิต 30:26, ล.ม.)c มันมีลักษณะคล้าย ๆ กระต่ายขนาดใหญ่ แต่หูสั้นกลม และขาสั้น. สัตว์ตัวเล็กชนิดนี้อาศัยในบริเวณที่เป็นหินผา. หนูภูเขามีสายตาที่ดีซึ่งช่วยมันได้มาก รวมถึงรูและรอยแตกของหินผาที่มันอาศัยอยู่ก็ใช้เป็นที่หลบภัยจากนักล่าได้ดี. หนูภูเขาอยู่รอดปลอดภัยเพราะพวกมันเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้พวกมันได้รับการปกป้องและทำให้อบอุ่นในฤดูหนาว.d
12, 13. เราเรียนอะไรได้จากหนูภูเขา?
12 เราเรียนอะไรได้จากหนูภูเขา? ก่อนอื่น ขอให้สังเกตว่าสัตว์ชนิดนี้ไม่ปล่อยให้ตัวมันเองตกเป็นเป้าโจมตีโดยง่าย. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น มันใช้ประโยชน์จากสายตาที่ดีมากของมันเพื่อจะเห็นนักล่าแต่ไกล และมันจะอยู่ใกล้ ๆ รูและรอยแตกของหินผาซึ่งมันจะใช้เป็นที่หลบภัยเอาชีวิตรอดได้. คล้ายกัน เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ฝ่ายวิญญาณที่คมชัด เพื่อเราจะสามารถรับรู้ถึงอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ในโลกของซาตาน. อัครสาวกเปโตรเตือนคริสเตียนว่า “ท่านทั้งหลายจงมีสติอยู่เสมอและจงเฝ้าระวัง. พญามาร ปรปักษ์ของพวกท่านเดินไปมาเหมือนสิงโตคำราม เสาะหาคนที่มันจะขม้ำกินเสีย.” (1 เป. 5:8) เมื่อพระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงเฝ้าระวังและป้องกันพระองค์เองเสมอจากความพยายามทุกอย่างของซาตานที่จะทำลายความซื่อสัตย์มั่นคงของพระองค์. (มัด. 4:1-11) พระเยซูทรงวางตัวอย่างที่ดีไว้สำหรับเหล่าสาวก!
13 วิธีหนึ่งที่เราสามารถเฝ้าระวังก็คือโดยใช้ประโยชน์จากการปกป้องฝ่ายวิญญาณที่พระยะโฮวาทรงจัดไว้ให้เรา. การศึกษาพระคำของพระเจ้าและการเข้าร่วมการประชุมคริสเตียนเป็นสิ่งที่เราไม่ควรละเลย. (ลูกา 4:4; ฮีบรู 10:24, 25) นอกจากนั้น เช่นเดียวกับที่หนูภูเขาอยู่รอดปลอดภัยโดยเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด เราจำเป็นต้องรักษาตัวใกล้ชิดกับเพื่อนคริสเตียนเพื่อเราจะสามารถ “หนุนใจกัน.” (โรม 1:12) โดยรับเอาการจัดเตรียมที่ให้การปกป้องจากพระยะโฮวา เราแสดงให้เห็นว่าเราเห็นด้วยกับดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญซึ่งเขียนว่า “พระยะโฮวาเป็นศิลา, เป็นป้อม, และผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอด; เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า, เป็นศิลาของข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจะพึ่งในพระองค์.”—เพลง. 18:2
บากบั่นพากเพียรแม้ถูกต่อต้าน
14. แม้ว่าตั๊กแตนตัวเดียวอาจไม่มีอะไรน่าประทับใจ แต่อาจกล่าวได้อย่างไรสำหรับฝูงตั๊กแตน?
14 เราสามารถเรียนจากตั๊กแตนได้ด้วย. ตั๊กแตนตัวเดียว ซึ่งยาวแค่ประมาณห้าเซนติเมตร อาจไม่น่ากลัวอะไร แต่ตั๊กแตนเป็นฝูงนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน. (อ่านสุภาษิต 30:27) เป็นที่รู้จักกันดีว่าพวกมันกินเก่งแบบไม่รู้จักพอ ถึงขนาดที่ฝูงหนึ่งของแมลงที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยพวกนี้สามารถกินพืชผลที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวจนเกลี้ยงได้อย่างรวดเร็ว. คัมภีร์ไบเบิลเปรียบเสียงที่เคลื่อนใกล้เข้ามาของฝูงแมลง รวมทั้งตั๊กแตนด้วย ว่าเหมือนเสียงคำรามกึกก้องของรถรบและเสียงแตกของเปลวไฟที่ไหม้ซังข้าว. (โยเอล 2:3, 5) มนุษย์พยายามกันไม่ให้ฝูงตั๊กแตนรุกเข้ามาด้วยการจุดแนวไฟขวางพวกมันไว้ แต่มักไม่ได้ผล. เพราะเหตุใด? ซากตั๊กแตนที่ตายไปทำให้เปลวเพลิงมอดดับ แล้วหลังจากนั้นตั๊กแตนที่เหลือก็สามารถรุกต่อไปโดยไม่มีอะไรขัดขวางอีก. แม้พวกมันไม่มีกษัตริย์หรือผู้นำ ฝูงตั๊กแตนดำเนินงานเหมือนกองทัพที่จัดระเบียบอย่างดี จนแทบจะกล่าวได้ว่าพวกมันเอาชนะอุปสรรคได้ทุกอย่าง.e—โยเอล 2:25
15, 16. ผู้ประกาศราชอาณาจักรในสมัยปัจจุบันเป็นเหมือนกับฝูงตั๊กแตนอย่างไร?
15 ผู้พยากรณ์โยเอลเปรียบการทำงานของผู้รับใช้พระยะโฮวาว่าเป็นเหมือนกับการดำเนินงานของพวกตั๊กแตน. ท่านเขียนว่า “พวกมันวิ่งเหมือนชายฉกรรจ์; พวกมันปีนป่ายกำแพงเหมือนพลชำนาญศึก. พวกมันเดินกระบวนเป็นระเบียบไม่เสียแถว. ไม่มีใครในพวกมันรุนกันและกัน, ต่างก็เดินตามช่องทางของมันเอง; พวกมันฝ่าอาวุธต่าง ๆ, และมิได้ย่อท้อถอยหลัง [“หากมีตัวใดล้มลงท่ามกลางห่ากระสุน ตัวอื่น ๆ ก็ไม่หยุดวิ่ง,” ล.ม.].”—โยเอล 2:7, 8
16 คำพยากรณ์นี้พรรณนาผู้ประกาศข่าวราชอาณาจักรของพระเจ้าในสมัยปัจจุบันได้ดีจริง ๆ! ไม่มี “กำแพง” แห่งการต่อต้านใด ๆ สามารถหยุดยั้งงานประกาศของพวกเขา. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขาเลียนแบบพระเยซู ผู้ทรงยืนหยัดทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าแม้ว่าพระองค์ทรงถูกผู้คนมากมายสบประมาท. (ยซา. 53:3) จริงอยู่ คริสเตียนบางคนได้ “ล้มลงท่ามกลางห่ากระสุน” โดยที่พวกเขาถูกฆ่าเพราะยืนหยัดรักษาความเชื่อ. ถึงกระนั้น งานประกาศก็ยังคงดำเนินต่อไป และจำนวนผู้ประกาศราชอาณาจักรก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ. ที่จริง การข่มเหงมักทำให้ข่าวดีแพร่กระจายออกไปถึงผู้คนที่คงจะไม่ได้ยินข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรหากไม่มีการข่มเหง. (กิจ. 8:1, 4) ในการรับใช้ของคุณเอง คุณแสดงให้เห็นไหมว่าคุณบากบั่นพากเพียรเหมือนตั๊กแตน—แม้เผชิญกับความไม่แยแสหรือการต่อต้าน?—ฮีบรู 10:39
“จงยึดมั่นกับสิ่งดี”
17. เหตุใดเท้าตุ๊กแกจึงยึดเกาะพื้นผิวเรียบได้?
17 ดูเหมือนว่าตุ๊กแกไม่หวั่นกลัวแรงโน้มถ่วง. (อ่านสุภาษิต 30:28, ล.ม.)f ที่จริง นักวิทยาศาสตร์ทึ่งในเรื่องความสามารถของสัตว์ตัวน้อยชนิดนี้ที่ปีนป่ายผนังและแม้แต่วิ่งไปตามเพดานที่เป็นพื้นผิวเรียบได้โดยไม่ร่วงหล่นลงมา. ตุ๊กแกทำได้อย่างไร? เคล็ดลับไม่ได้อยู่ที่การใช้สิ่งที่มีลักษณะเป็นถ้วยดูดหรือใช้กาวบางชนิด. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น นิ้วแต่ละนิ้วของมันมีแนวสันหลายสัน แต่ละสันมีสิ่งที่คล้ายกับขนที่ยื่นออกมาหลายพันเส้น. และแต่ละเส้นก็มีเส้นใยขนาดจิ๋วหลายร้อยเส้นซึ่งส่วนปลายของแต่ละเส้นมีลักษณะเหมือนจาน. แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลจากเส้นใยเหล่านี้มีมากพอที่จะรับน้ำหนักตัวของตุ๊กแกได้—แม้แต่เมื่อมันไต่กลับหัวไปตามพื้นผิวที่เป็นกระจก! ด้วยความรู้สึกทึ่งในความสามารถของตุ๊กแก นักวิจัยกล่าวว่าวัสดุสังเคราะห์ที่ทำเลียนแบบตีนของตุ๊กแกสามารถใช้เป็นตัวยึดเกาะที่ทรงพลัง.g
18. เราจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรา “ยึดมั่นกับสิ่งดี” ได้โดยวิธีใด?
18 เราเรียนอะไรได้จากตุ๊กแก? คัมภีร์ไบเบิลเตือนเราว่า “จงเกลียดสิ่งชั่ว จงยึดมั่นกับสิ่งดี.” (โรม 12:9) อิทธิพลที่ไม่ดีซึ่งมีอยู่ทั่วไปในโลกของซาตานอาจทำให้เราไม่ได้ยึดมั่นหลักการของพระเจ้าอีกต่อไป. ตัวอย่างเช่น การคบหากับคนที่ไม่ยึดมั่นกฎหมายของพระเจ้า—ไม่ว่าที่โรงเรียนหรือในที่ทำงานหรือจากความบันเทิงแบบที่ไม่ดีงาม—อาจส่งผลทำให้เราไม่ตั้งใจแน่วแน่ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง. อย่าปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับคุณ! พระคำของพระเจ้าเตือนว่า “อย่าอวดว่าตนเป็นคนฉลาด.” (สุภา. 3:7) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น จงทำตามคำแนะนำอันสุขุมที่โมเซให้แก่ประชาชนของพระเจ้าในสมัยโบราณ ที่ว่า “ท่านทั้งหลายจงยำเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติพระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์.” (บัญ. 10:20, ฉบับ R73) ด้วยการยึดมั่นกับพระยะโฮวา เราจะเลียนแบบพระเยซู ซึ่งมีการกล่าวถึงพระองค์ว่า “ท่านรักความชอบธรรมและท่านเกลียดการชั่ว.”—ฮีบรู 1:9
บทเรียนจากสิ่งทรงสร้าง
19. (ก) คุณสังเกตเห็นคุณลักษณะอะไรของพระยะโฮวาในสิ่งทรงสร้าง? (ข) สติปัญญาของพระเจ้าจะเป็นประโยชน์แก่เราได้โดยวิธีใด?
19 ดังที่เราได้เห็นแล้ว คุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาเห็นได้ชัดในสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้าง และสิ่งทรงสร้างของพระองค์ยังให้บทเรียนที่มีค่ายิ่งแก่เราด้วย. ยิ่งเราสำรวจพระราชกิจของพระยะโฮวามากเท่าไร เราก็ยิ่งพิศวงในสติปัญญาของพระองค์มากเท่านั้น. การสนใจสติปัญญาของพระเจ้าจะทำให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ และเราจะได้รับการปกป้องให้ปลอดภัยในอนาคต. (ผู้ป. 7:12) เราเองจะเห็นจริงตามคำรับรองที่พบในสุภาษิต 3:13, 18 ซึ่งบอกว่า “ความผาสุกมีแก่คนนั้นที่พบพระปัญญา, และแก่คนนั้นที่รับความเข้าใจ. พระปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่คนนั้น ๆ ที่ฉวยเอาพระองค์ไว้ได้ และทุกคนที่ยึดถือพระองค์ไว้นั้นก็จะมีความผาสุก.”
[เชิงอรรถ]
a คงเป็นเรื่องน่าเพลิดเพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเยาวชน ที่จะค้นคว้าข้ออ้างอิงต่าง ๆ ในเชิงอรรถแล้วให้ความเห็นที่อาศัยข้อมูลจากการค้นคว้านั้นเมื่อพิจารณาบทความนี้ในการศึกษาหอสังเกตการณ์ประจำประชาคม.
b สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมดกัดใบไม้ ดูตื่นเถิด! ฉบับ 8 กรกฎาคม 2002 หน้า 27.
c สุภาษิต 30:26 (ล.ม.): “หนูภูเขาเป็นสัตว์ที่มีกำลังน้อย แต่มันก็ทำรังไว้บนหน้าผาชัน.”
d สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนูภูเขา (rock badger) ดูตื่นเถิด! (ภาษาอังกฤษ) ฉบับ 8 กันยายน 1990 หน้า 15-16.
e สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องตั๊กแตน ดูหอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 กรกฎาคม 1996 หน้า 23.
f สุภาษิต 30:28 (ล.ม.): “ตุ๊กแกยึดเกาะด้วยมือของมัน และมันอยู่ในราชวังของกษัตริย์.”
g สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องตุ๊กแก ดูตื่นเถิด! ฉบับเมษายน 2008 หน้า 26.
คุณจำได้ไหม?
เราได้บทเรียนอะไรที่จะนำเอาไปใช้ได้จาก . . .
• มด?
• หนูภูเขา?
• ตั๊กแตน?
• ตุ๊กแก?
[ภาพหน้า 16]
คุณขยันเหมือนมดกัดใบไม้ไหม?
[ภาพหน้า 17]
หนูภูเขาได้รับการปกป้องจากการที่พวกมันเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด. คุณทำอย่างเดียวกันไหม?
[ภาพหน้า 18]
เช่นเดียวกับตั๊กแตน คริสเตียนผู้รับใช้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาบากบั่นพากเพียร
[ภาพหน้า 18]
เช่นเดียวกับตุ๊กแกยึดเกาะกับพื้นผิว คริสเตียนยึดมั่นกับสิ่งดี
[ที่มาของภาพ]
Stockbyte/Getty Images