แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
วันที่ 1-7 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | เยเรมีย์ 32-34
“สัญญาณที่บอกให้รู้ว่าอิสราเอลจะได้รับการฟื้นฟู”
it-1-E น. 105 ว. 2
เมืองอานาโธท
เยเรมีย์มาจากเมืองอานาโธทแต่เขาเป็นผู้พยากรณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับนับถือจากคนที่นั่น คนพวกนั้นขู่จะฆ่าเยเรมีย์เพราะเขาประกาศข่าวสารความจริงของพระยะโฮวา (ยรม 1:1; 11:21-23; 29:27) ผลก็คือ พระยะโฮวาบอกล่วงหน้าว่าเมืองนี้จะต้องพินาศ และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงตามเวลากำหนดเมื่อบาบิโลนมาโจมตีแผ่นดินนี้ (ยรม 11:21-23) ก่อนที่กรุงเยรูซาเล็มจะพินาศ เยเรมีย์ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายของเขาซื้อที่ดินที่อานาโธทจากลูกพี่ลูกน้อง นี่เป็นสัญลักษณ์ว่าชาวยิวที่เป็นเชลยจะได้รับการปลดปล่อย (ยรม 32:7-9) ชาวอานาโธท 128 คนเป็นเชลยกลุ่มแรกที่กลับมากับเศรุบบาเบล และเมืองอานาโธทก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ผู้คนกลับไปตั้งรกรากอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริงตามคำพยากรณ์ของเยเรมีย์—อสร 2:23; นหม 7:27; 11:32
วันที่ 8-14 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | เยเรมีย์ 35-38
“เอเบดเมเลค ตัวอย่างของความกล้าหาญและความกรุณา”
it-2-E น. 1228 ว. 3
เศเดคียาห์
สิ่งที่ทำให้รู้ว่ากษัตริย์เศเดคียาห์เป็นผู้ปกครองที่อ่อนแอก็คือ เมื่อพวกเจ้านายมาขอให้กษัตริย์ประหารเยเรมีย์ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเยเรมีย์ทำให้ประชาชนซึ่งถูกศัตรูล้อมอยู่หมดกำลังใจ เศเดคียาห์ก็บอกว่า “พวกคุณจะทำอะไรกับเขาก็ทำเถอะ เพราะกษัตริย์จะห้ามอะไรพวกคุณได้ล่ะ?” แต่ต่อมาเศเดคียาห์กลับอนุญาตให้เอเบดเมเลคไปช่วยชีวิตเยเรมีย์ตามที่เอเบดเมเลคขอและสั่งให้เอาคน 30 คนไปด้วย หลังจากนั้น เศเดคียาห์ได้คุยกับเยเรมีย์เป็นส่วนตัว และยืนยันว่าเขาจะไม่ฆ่าเยเรมีย์และจะไม่ส่งเยเรมีย์ให้คนที่อยากฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม เศเดคียาห์ก็ยังไม่ยอมทำตามคำแนะนำที่เยเรมีย์ได้รับการดลใจว่าให้ยอมแพ้พวกเจ้านายของบาบิโลน เพราะเขากลัวว่าชาวยิวที่ไปอยู่กับพวกเคลเดียจะทำร้ายเขา ความกลัวของกษัตริย์ยังมีอีกตอนที่เขาขอเยเรมีย์ไม่ให้บอกเรื่องที่คุยกันแบบลับ ๆ นี้ให้พวกเจ้านายที่อาจสงสัยว่ากษัตริย์คุยอะไรกับเยเรมีย์—ยรม 38:1-28
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-2-E น. 759
คนตระกูลเรคาบ
พระยะโฮวาพอใจที่คนตระกูลเรคาบเชื่อฟังด้วยความนับถือ พวกเขาเชื่อฟังพ่อของพวกเขาที่เป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับชาวยูดาห์ที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าผู้สร้างของพวกเขา (ยรม 35:12-16) พระเจ้าสัญญาว่าจะตอบแทนคนตระกูลเรคาบโดยบอกว่า “จะมีลูกหลานของเยโฮนาดับลูกเรคาบรับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป”—ยรม 35:19
วันที่ 15-21 พฤษภาคม
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | เยเรมีย์ 39-43
“พระยะโฮวาจะตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา”
it-2-E น. 1228 ว. 4
เศเดคียาห์
ความพินาศของกรุงเยรูซาเล็ม ในที่สุด “ในวันที่ 9 เดือน 4 ของปีที่ 11 ที่เศเดคียาห์ปกครอง” เยรูซาเล็มก็พังพินาศ (ปี 607 ก่อน ค.ศ.) เศเดคียาห์และทหารหนีไปตอนกลางคืน แต่เขาถูกจับได้ในที่ราบกันดารเยรีโคและถูกพาไปหาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ พวกลูกชายของเศเดคียาห์ถูกฆ่าต่อหน้าเขา พวกเขาน่าจะอายุยังไม่มากเพราะตอนนั้นเศเดคียาห์อายุแค่ประมาณ 32 ปี หลังจากได้เห็นลูก ๆ ตายไปต่อหน้าต่อตา เศเดคียาห์ก็ถูกทำให้ตาบอด ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนทองแดง และถูกพาไปบาบิโลนซึ่งเขาได้ตายที่นั่นตอนอยู่ในคุก—2พก 25:2-7; ยรม 39:2-7; 44:30; 52:6-11; เทียบกับ ยรม 24:8-10; อสค 12:11-16; 21:25-27
it-2-E น. 482
เนบูซาระดาน
เนบูซาระดานทำตามคำสั่งของเนบูคัดเนสซาร์ที่ให้ปล่อยตัวเยเรมีย์และพูดกับเขาอย่างกรุณา โดยให้เยเรมีย์เลือกเองว่าอยากจะทำอะไร เสนอที่จะดูแลเยเรมีย์ และจัดหาสิ่งที่เยเรมีย์ต้องการ เนบูซาระดานเป็นผู้ถ่ายทอดคำสั่งของกษัตริย์บาบิโลนด้วยโดยได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ดูแลคนที่ยังเหลืออยู่ (2พก 25:22; ยรม 39:11-14; 40:1-7; 41:10) ประมาณ 5 ปีต่อมา ในปี 602 ก่อน ค.ศ. เนบูซาระดานจับชาวยิวคนอื่น ๆ ไปเป็นเชลยซึ่งน่าจะเป็นคนที่หนีไปในเขตรอบ ๆ—ยรม 52:30
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 463 ว. 4
การลำดับเวลา
กรุงเยรูซาเล็มถูกล้อมเป็นครั้งสุดท้ายในปีที่ 9 ที่เศเดคียาห์ปกครอง (ปี 609 ก่อน ค.ศ) และเมืองนี้ล่มจมในปีที่ 11 ที่เขาปกครอง (ปี 607 ก่อน ค.ศ.) ซึ่งตรงกับปีที่ 19 ที่เนบูคัดเนสซาร์ปกครอง (นับจากปี 625 ก่อน ค.ศ. ที่เขาเริ่มปกครอง) (2พก 25:1-8) ในเดือนที่ 5 ของปีนั้น (เดือนอับ ตรงกับช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม) กรุงเยรูซาเล็มถูกเผา กำแพงพังทลาย และผู้คนส่วนใหญ่ถูกจับไปเป็นเชลย แต่ “คนที่ยากจนที่สุดบางคน” ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองต่อไป และพวกเขาอยู่ที่นั่นจนมีการลอบสังหารเกดาลิยาห์ซึ่งเป็นผู้ที่เนบูคัดเนสซาร์แต่งตั้ง ตอนนั้น พวกคนจนเหล่านั้นได้หนีไปอียิปต์และสุดท้ายยูดาห์ก็ถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างเปล่าที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ (2พก 25:9-12, 22-26) นี่เกิดขึ้นในเดือนที่ 7 หรือเดือนเอธานิม (เดือนทิชรี ตรงกับช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม) ดังนั้น การนับ 70 ปีที่เมืองถูกทิ้งร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ ก็ต้องเริ่มนับประมาณวันที่ 1 ตุลาคม ปี 607 ก่อน ค.ศ. และสิ้นสุดในปี 537 ก่อน ค.ศ. พอถึงเดือนที่ 7 ของปี 537 ก่อน ค.ศ. ชาวยิวกลุ่มแรกก็กลับไปถึงบ้านเกิดที่ยูดาห์ ซึ่งนับจากตอนเริ่มของการร้างเปล่าไม่มีคนอาศัยอยู่เป็นเวลา 70 ปี—2พศ 36:21-23; อสร 3:1
วันที่ 22-28 พฤษภาคม
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 430
พระเคโมช
ผู้พยากรณ์เยเรมีย์บอกล่วงหน้าเกี่ยวกับความทุกข์ลำบากของโมอับว่าพระเคโมชที่ผู้คนนิยมนับถือกัน รวมทั้งพวกปุโรหิตและพวกเจ้านายของพระเคโมชจะถูกจับไปเป็นเชลย ชาวโมอับจะต้องอับอายเพราะพระของพวกเขาเหมือนที่ชาวอิสราเอลต้องอับอายเพราะเมืองเบธเอลที่เคยเกี่ยวข้องกับการนมัสการรูปลูกวัว—ยรม 48:7, 13, 46
it-2-E น. 422 ว. 2
โมอับ
คำพยากรณ์เกี่ยวกับโมอับได้เกิดขึ้นจริงอย่างถูกต้องแม่นยำ เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วที่ชาวโมอับไม่เป็นชาติอีกต่อไป (ยรม 48:42) ทุกวันนี้ เมืองที่เคยถือว่าเป็นของโมอับ เช่น เนโบ เฮชโบน อาโรเออร์ เบธกามุล และบาอัลเมโอนกลายเป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้ว ส่วนอีกหลายเมืองก็ไม่ใครรู้จัก
วันที่ 29 พฤษภาคม-4 มิถุนายน
ความรู้ที่มีค่าจากพระคัมภีร์ | เยเรมีย์ 49-50
“พระยะโฮวาอวยพรคนถ่อมตัว แต่ลงโทษคนหยิ่งจองหอง”
it-1-E น. 54
ศัตรู
เมื่อประชาชนของพระเจ้าไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ปล่อยให้ศัตรูมาปล้นและเอาชนะพวกเขา (สด 89:42; พคค 1:5, 7, 10, 17; 2:17; 4:12) แต่พวกศัตรูลงความเห็นผิด ๆ เกี่ยวกับชัยชนะเหล่านี้ พวกเขายกย่องตัวเองและสรรเสริญพระของเขา และคิดว่าพวกเขาจะไม่ต้องรับผลอะไรจากสิ่งที่เขาทำกับประชาชนของพระยะโฮวา (ฉธบ 32:27; ยรม 50:7) ดังนั้น พระยะโฮวาจึงต้องทำให้ศัตรูที่เย่อหยิ่งและโอ้อวดเหล่านั้นถ่อมตัว (อสย 1:24; 26:11; 59:18; นฮม 1:2) และพระองค์ทำเช่นนั้นเพื่อเห็นแก่ชื่อที่บริสุทธิ์ของพระองค์—อสย 64:2; อสค 36:21-24
ขุดค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it-1-E น. 94 ว. 6
ชาวอัมโมน
ดูเหมือนว่าหลังจากกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์ที่ 3 และกษัตริย์ที่สืบราชสมบัติต่อจากท่านได้กวาดต้อนประชาชนในอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือไปเป็นเชลย (2พก 15:29; 17:6) ชาวอัมโมนก็เริ่มเข้ามายึดครองเขตแดนของตระกูลกาดที่ที่พวกเขาเคยพ่ายแพ้เยฟธาห์ (เทียบกับ สด 83:4-8) ดังนั้น พระยะโฮวาจึงบอกข่าวสารผ่านทางเยเรมีย์ว่า ชาวอัมโมนถูกตำหนิที่ไปยึดเอามรดกของตระกูลกาด และได้รับการเตือนว่าอัมโมนจะกลายเป็นที่ร้างเปล่าไม่มีใครอยู่ แม้แต่พระมัลคาม (พระมิลโคม) ของพวกเขาก็จะถูกยึดเอาไปด้วย (ยรม 49:1-5) ชาวอัมโมนทำมากกว่านั้นอีกโดยส่งกองโจรไปรุกรานยูดาห์ในช่วงที่กษัตริย์เยโฮยาคิมปกครอง ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรยูดาห์ใกล้จะสิ้นสุดลง—2พก 24:2, 3
ip-2-E น. 351 ว. 6
พระยะโฮวาทำให้ชื่อของพระองค์มีเกียรติ
6 ทำไมถึงบอกว่า พระยะโฮวากลับมาจากการทำสงครามที่เอโดม? เพราะเป็นเวลานานแล้วที่พวกเอโดมเป็นศัตรูกับประชาชนที่พระเจ้าทำสัญญาด้วย ที่จริง พวกเขาเริ่มตั้งตัวเป็นศัตรูมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของพวกเขาคือ เอซาว (ปฐมกาล 25:24-34; กันดารวิถี 20:14-21) ความเกลียดชังที่ฝังรากลึกซึ่งเอโดมมีต่อยูดาห์เห็นได้ชัดเจนตอนพวกเขาพูดยุยงส่งเสริมทหารบาบิโลนช่วงที่กรุงเยรูซาเล็มกำลังถูกทำให้ร้างเปล่า (สดุดี 137:7) พระยะโฮวาถือว่าการตั้งตัวเป็นศัตรูของพวกเอโดม ก็เหมือนเป็นศัตรูกับพระองค์ จึงไม่แปลกที่พระองค์เอาดาบออกจากฝักเพื่อแก้แค้นเอโดม!—อิสยาห์ 34:5-15; เยเรมีย์ 49:7-22