การกระจายความสว่างเกี่ยวกับการประทับของพระคริสต์
“เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยสง่าราศีของพระองค์ . . . พระองค์จะทรงแยกผู้คนออกจากกัน.”—มัดธาย 25:31, 32, ล.ม.
1. นักเทศน์นักบวชในคริสต์ศาสนจักรได้ตีความถ้อยคำที่มัดธาย 24:3 นั้นอย่างไร?
สามวันก่อนพระเยซูวายพระชนม์ สาวกสี่คนเข้ามาหาพระองค์และทูลถามอย่างจริงจังว่า “ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบว่า, เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร? จะมีอะไรเป็นหมายสำคัญในการที่พระองค์จะเสด็จมา [ภาษากรีก, พารูเซีย] และเวลาที่จะสิ้นโลกนี้?” นานหลายศตวรรษทีเดียวที่นักเทศน์นักบวชและนักเขียนแห่งคริสต์ศาสนจักรได้ตีความคำพูดที่ได้ทูลต่อพระเยซูในมัดธาย 24:3 ว่าพระองค์จะทรงเสด็จมาอีกครั้งในสภาพมนุษย์มีเลือดเนื้อและคนทั้งปวงมองเห็นได้. ฉะนั้น พวกเขาจึงสอนว่าการเสด็จกลับมาของพระคริสต์จะเป็นการแสดงที่ใหญ่ยิ่งและเป็นขบวนแห่โอ่อ่าตระการตา. เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นการเสด็จครั้งที่สองของพระคริสต์. แต่การสันนิษฐานของเขาถูกไหม?
2, 3. (ก) หนังสือคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์ เล่มสอง (ภาษาอังกฤษ) ได้แยกแยะให้เห็นชัดอย่างไรระหว่างคำ “การเสด็จมา” และ “การประทับ”? (ข) ไพร่พลของพระยะโฮวาได้มาเข้าใจอะไรเกี่ยวกับความหมายของพารูเซีย ของพระคริสต์?
2 ในปี 1889 บรรดาผู้ถูกเจิมของพระยะโฮวา ฐานะเป็นผู้ถือความสว่างแห่งศตวรรษที่ 19 ได้รับการแก้ไขให้เข้าใจเรื่องการเสด็จกลับของพระคริสต์แล้ว. ชาร์ลส์ ที. รัสเซลล์ นายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแอนด์แทร็กต์คนแรก ได้เขียนลงในหนังสือคู่มือการศึกษาพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่มสอง หน้า 158 ถึง 161 ว่า “พารูเซีย . . . หมายความว่าการประทับอยู่ และไม่ควรจะได้รับการแปลว่าการเสด็จมา อย่างที่ทำกันในคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษโดยทั่วไป . . . คัมภีร์ฉบับ ‘เอ็มฟาติก ไดอะกล็อตต์’ นับเป็นฉบับแปลคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ที่มีคุณค่า ได้แปลคำพารูเซีย อย่างถูกต้อง การประทับอยู่ . . . ไม่ใช่เสด็จมา ราวกับว่ากำลังเดินทางมา แต่เป็นการประทับอยู่ภายหลังการมาถึง [พระเยซู] ตรัสดังนี้: ‘ด้วยสมัยโนฮาเป็นอย่างไร พารูเซีย [การประทับอยู่] ของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น.’ จงสังเกต การเปรียบเทียบนี้ไม่ใช่ระหว่างการมา ของโนฮากับการเสด็จมา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา . . . ฉะนั้น จึงเป็นการเปรียบเทียบสมัยที่โนฮาอยู่ท่ามกลางผู้คน ‘ก่อนน้ำท่วม’ กับสมัยการประทับอยู่ของพระคริสต์ในโลกนี้ ณ การปรากฏครั้งที่สองของพระองค์, ‘ก่อนไฟ’—ความทุกข์ลำบากสุดขีดแห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า [พระยะโฮวา] ซึ่งจะนำอวสานมาสู่ยุคนี้.”—มัดธาย 24:37.
3 ดังนั้น ไพร่พลของพระยะโฮวาในศตวรรษที่ 19 เข้าใจอย่างถูกต้องว่าพารูเซีย ของพระคริสต์จะไม่เป็นที่ประจักษ์. นอกจากนั้น พวกเขาได้มาเข้าใจด้วยว่าเวลาสิ้นสุดสำหรับคนต่างชาติจะมาถึงในฤดูใบไม้ร่วงปี 1914. เมื่อความสว่างฝ่ายวิญญาณกระจ่างมากขึ้น ไพร่พลของพระยะโฮวาก็เข้าใจในเวลาต่อมาว่าพระเยซูคริสต์ครองราชย์แล้วในสวรรค์ ทรงเป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรในปีเดียวกัน คือปี 1914.—สุภาษิต 4:18; ดานิเอล 7:13, 14; ลูกา 21:24; วิวรณ์ 11:15.
“การประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
4. “การประทับของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” หมายถึงอะไร?
4 ถ้าเช่นนั้น คำกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “การประทับของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” หมายถึงอะไรในสมัยของเรา? (1 เธซะโลนิเก 5:23) ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งให้ความเห็นว่า คำ “การประทับ” พารูเซีย “กลายมาเป็นคำทางการใช้ในกรณีการเยือนของบุคคลตำแหน่งสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกษัตริย์หรือจักรพรรดิเสด็จเยือนหัวเมือง.” ดังนั้น คำนี้จึงใช้หมายถึงการเสด็จประทับของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา คือภายหลังพระองค์ขึ้นครองราชย์ในสวรรค์. พระองค์ประทับอยู่อย่างไม่เป็นที่ประจักษ์เพื่อ ‘ออกไปมีชัยชนะในท่ามกลางศัตรูของพระองค์’ ทรงปกครองเป็นกษัตริย์พร้อมจะกระทำให้สำเร็จตามพระบัญชาเชิงพยากรณ์ข้อนี้. (บทเพลงสรรเสริญ 110:2) นานประมาณ 79 ปีแล้วที่มนุษย์ในโลกนี้ได้ประสบผลกระทบเนื่องด้วยการเสด็จประทับอย่างไม่ประจักษ์ของพระคริสต์.
5. การสัมฤทธิ์ผลในด้านใดระหว่างพารูเซีย ซึ่งจะนำขึ้นมาพิจารณากันตลอดสามบทความสำหรับการศึกษาจากวารสารฉบับนี้?
5 ในชุดบทความสามตอนนี้ เราจะทบทวนหลักฐานอันน่าทึ่งเกี่ยวกับการสัมฤทธิ์ผลแห่งราชอาณาจักรของพระคริสต์ระหว่างสมัยนี้. ประการแรก เราจะแสดงให้เห็นคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ซึ่งบอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เสียด้วยซ้ำ. ประการที่สอง, เราจะพรรณนาถึงงานอันใหญ่โตซึ่งกระทำโดยทาสสัตย์ซื่อและฉลาดซึ่งพระเยซูทรงใช้ตลอดช่วงการประทับของพระองค์ด้วยขัตติยอำนาจนี้. (มัดธาย 24:45-47, ฉบับแปลใหม่) บทความที่สาม จะพรรณนาแก่พวกเราเรื่องอวสานขั้นสุดยอด, ช่วง “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่.” คราวนั้นเป็นเวลาที่พระเยซูเสด็จในฐานะเป็นผู้สำเร็จโทษแทนพระยะโฮวา เพื่อทำลายคนอธรรมและช่วยคนชอบธรรมให้รอด. (มัดธาย 24:21, 29-31) อัครสาวกเปาโลพรรณนาความพินาศอันจะมีในคราวนั้นว่าเป็นการบันดาล “ให้ท่านทั้งหลายที่ถูกความยากลำบากนั้นได้รับความบรรเทาด้วยกันกับเรา, เมื่อพระเยซูเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ปรากฏ พร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์ของพระองค์ผู้มีฤทธิ์ดังเปลวเพลิง. และจะทรงสนองโทษแก่คนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักพระเจ้า, และไม่เชื่อฟังกิตติคุณของพระเยซูเจ้าของเรา.”—2 เธซะโลนิเก 1:7, 8.
หมายสำคัญ
6. หมายสำคัญอะไรอันประกอบด้วยเหตุการณ์หลายอย่างซึ่งได้พรรณนาไว้ในมัดธายบท 24 และ 25?
6 หนึ่งพันเก้าร้อยปีมาแล้ว เหล่าสาวกของพระเยซูผู้ถือความสว่างได้ทูลถามพระองค์ถึงเรื่องหมายสำคัญหรือหลักฐานแสดงการเสด็จประทับในอนาคตเพื่อปกครองราชอาณาจักรของพระองค์. คำตอบของพระองค์ ที่บันทึกไว้ในมัดธายบท 24 และ 25 ทำให้เรารู้จักสัญลักษณ์ประกอบด้วยเหตุการณ์หลายอย่างซึ่งทุกอย่างกำลังสำเร็จสมจริงอยู่ทั่วโลกในขณะนี้. ความสำเร็จเป็นจริงแห่งสัญลักษณ์นั้นบ่งชี้เวลาแห่งความทุกข์ลำบากและการทดลองครั้งใหญ่. พระเยซูทรงเตือนดังนี้: “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง. ด้วยจะมีหลายคนมาอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์, และจะพาคนเป็นอันมากให้หลงไป. ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและข่าวเล่าลือถึงการสงครามนั้น คอยระวังเถิด อย่าวิตกเลย บรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องจะบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง.”—มัดธาย 24:4-6.
7. พวกเราได้เห็นลักษณะเด่นอะไรบ้างแห่งหมายสำคัญซึ่งสำเร็จสมจริงแล้วตั้งแต่ปี 1914?
7 พระเยซูทรงพยากรณ์ต่อไปว่าจะเกิดสงครามในที่ต่าง ๆ ในขอบเขตที่ไม่เคยมีมาก่อน. สมจริงตามคำพยากรณ์ สงครามสองครั้งถูกจัดเป็นสงครามโลก สงครามโลกครั้งที่หนึ่งอยู่ในระหว่างปี 1914 ถึง 1918 และสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างปี 1939 ถึง 1945. นอกจากนี้ พระองค์ได้ตรัสว่าจะเกิดการกันดารอาหารและแผ่นดินไหวหลายแห่ง. คริสเตียนแท้จะถูกกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง. จริงตามคำพยากรณ์ พยานพระยะโฮวา ผู้ถือความสว่างในปัจจุบัน ประสบการข่มเหงตลอดเวลาแปดสิบปีที่ผ่านมา ขณะที่ทำการประกาศข่าวดีแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้า “ทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ.” (มัดธาย 24:7-14, ล.ม.) หนังสือประจำปีของพยานพระยะโฮวา แต่ละปีเสริมหลักฐานให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้แห่งหมายสำคัญกำลังสำเร็จสมจริง.
8, 9. (ก) การประทับของพระเยซูด้วยราชอำนาจนั้นหมายรวมถึงอะไร? (ข) คำพยากรณ์ของพระเยซูว่าด้วยพระคริสต์ปลอมบ่งชี้ถึงอะไรเกี่ยวเนื่องกับสถานที่และลักษณะการประทับของพระองค์?
8 เนื่องจากการปกครองของพระเยซูในฐานะกษัตริย์ครอบคลุมทั่วแผ่นดินโลก การนมัสการแท้ก็แผ่ขยายไปถึงทุกทวีป. การประทับของพระองค์ (พารูเซีย) ในฐานะเป็นกษัตริย์จึงเป็นเวลาแห่งการตรวจตราทั่วโลก. (1 เปโตร 2:12) แต่มีเมืองหลวงหรือศูนย์กลางที่ไหนบ้างสำหรับการปรึกษากับพระเยซู? พระเยซูทรงตอบเรื่องนี้ด้วยการตรัสล่วงหน้าว่าขณะคอยการเสด็จประทับของพระองค์นั้น จะมีพระคริสต์ปลอมเกิดขึ้น. พระองค์ทรงเตือนว่า “ถ้าเขาจะบอกท่านทั้งหลายว่า, ‘ท่านผู้นั้น [พระคริสต์] อยู่ในป่า,’ อย่าได้ออกไป หรือจะว่า, ‘อยู่ที่ห้องใน,’ อย่าเชื่อ ด้วยว่าฟ้าแลบมาแต่ทิศตะวันออกส่องไปเห็นถึงทิศตะวันตกฉันใด. การที่บุตรมนุษย์จะเสด็จมา [พารูเซีย, ล.ม.] ก็เป็นฉันนั้น.”—มัดธาย 24:24, 26, 27.
9 พระเยซู “บุตรมนุษย์” ทรงทราบดีกว่าใคร ๆ ว่าพระองค์จะอยู่แห่งใดเมื่อพระองค์เริ่มเสด็จประทับ. พระองค์คงไม่กำหนดว่าจะทรงอยู่ที่นี่หรือที่โน่นหรือ ณ จุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินโลก. พระองค์ย่อมไม่ปรากฏพระกาย ณ ที่ห่างไกลโดด ๆ เช่น “ในป่า” เพื่อคนที่ตามหาพระมาซีฮาสามารถรับข้อปรึกษาจากพระองค์ในที่ลับตาพ้นการสังเกตของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือในที่ซึ่งเหล่าสาวกจะรับการฝึกฝนภายใต้การนำของพระองค์ เพื่อจะจู่โจมในทางการเมืองและตั้งพระองค์เป็นพระมาซีฮาปกครองโลก. นอกจากนั้น พระองค์จะไม่ซ่อนตัวใน “ห้องชั้นใน” ซึ่งคนรู้ที่อยู่ของพระองค์มีไม่กี่คนซึ่งถูกเลือกไว้เฉพาะเพื่อ ณ ที่นั้น โดยไม่มีคนสังเกตเห็นและสืบหาไม่พบ พระองค์อาจคิดและร่างแผนการลับร่วมกับผู้คบคิดเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองต่าง ๆ ของโลก และตั้งตนเองขึ้นเป็นพระมาซีฮาแห่งคำสัญญา. ไม่ใช่เช่นนั้น!
10. แสงฟ้าแลบเกี่ยวด้วยความจริงของพระคัมภีร์ได้ส่องสว่างไปทั่วโลกโดยวิธีใด?
10 ในทางตรงกันข้าม จะไม่มีอะไรต้องซ่อนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเยซูในฐานะกษัตริย์ ณ ตอนเริ่มการประทับด้วยขัตติยอำนาจ. ดังที่พระเยซูตรัสไว้ล่วงหน้า ทั่วโลก แสงฟ้าแลบแห่งความจริงของพระคัมภีร์ยังคงฉายส่องไปทั่วดินแดนต่าง ๆ อย่างกว้างขวางจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก. แท้จริง ปรากฏว่าพยานพระยะโฮวาผู้ถือความสว่างสมัยปัจจุบันพิสูจน์ว่าเป็น “ความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อความรอดของเรา [จากพระยะโฮวา] จะถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก.”—ยะซายา 49:6, ฉบับแปลใหม่.
การงานของเหล่าทูตสวรรค์
11. (ก) เหล่าทูตสวรรค์ถูกใช้ในทางใดเพื่อจะให้ความสว่างแห่งราชอาณาจักรส่องออกไป? (ข) สมาชิกแห่งจำพวกข้าวดีถูกรวบรวมเข้ามาอยู่ในกลุ่มไหนและเมื่อใด?
11 ข้อคัมภีร์อื่น ๆ เกี่ยวกับการประทับของพระเยซูได้พรรณนาว่า พวกทูตสวรรค์ได้เสด็จมาพร้อมกับพระองค์ หรือกล่าวว่า พระองค์ทรง ‘ใช้เหล่าทูตสวรรค์มา’ (มัดธาย 16:27; 24:31) ในคำอุปมาเรื่องข้าวดีและข้าวละมาน พระเยซูตรัสว่า “นานั้นได้แก่โลกนี้” และ “ฤดูเกี่ยวได้แก่สิ้นโลกนี้ และ ผู้เกี่ยวนั้นได้แก่ทูตสวรรค์.” แต่ทั้งนี้ไม่หมายความว่า ในระหว่างการประทับของพระองค์ที่ทรงปกครองด้วยขัตติยอำนาจและสง่าราศีแห่งราชอาณาจักรนั้น พระองค์ทรงใช้เฉพาะทูตสวรรค์ผู้ส่งข่าวหรือเป็นตัวแทนของพระองค์ปฏิบัติการต่าง ๆ บนแผ่นดินโลก. เริ่มต้นในปี 1919 ภายใต้การบริหารของพระเยซู เหล่าทูตสวรรค์ได้ทำการแยกจำพวกข้าวดีอันได้แก่ผู้ถูกเจิมทางแผ่นดินโลกซึ่งได้รับการกำเนิดจากพระวิญญาณ ผู้ซึ่งถูกกระจัดกระจายเนื่องด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และพวกเขาได้รับการเตรียมไว้เพื่อกิจกรรมขั้นต่อไปในนามแห่งพระมหากษัตริย์. (มัดธาย 13:38-43) ตลอดช่วงทศวรรษปี 1920 มีประชาชนหลายพันคนได้เข้ามาอยู่ฝ่ายราชอาณาจักรของพระเจ้าที่สถาปนาแล้วและได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า. บรรดาผู้ถูกเจิมเหล่านี้เข้ามาเพิ่มในแถวของชนที่เหลือรุ่นแรกได้อย่างแท้จริง. โดยส่วนรวมแล้ว พวกเขาประกอบกันเป็นชนจำพวกทาสสัตย์ซื่อและฉลาดในสมัยของเรา.
12. เหล่าทูตสวรรค์ได้มีส่วนร่วมในงานชำระอะไร และพร้อมด้วยมีผลกระทบเช่นไรต่อแผ่นดินโลก?
12 อีกตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวข้องกับการร่วมงานโดยพวกทูตสวรรค์ในระหว่างการประทับของพระเยซูภายหลังการขึ้นครองราชย์ในปี 1914 ได้มีบันทึกในวิวรณ์ 12:7-9, (ล.ม.) ดังนี้ “มิคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ได้สู้รบกับพญานาค และพญานาคกับเหล่าทูตสวรรค์ของมันก็สู้รบ แต่มันไม่ชนะ ทั้งไม่มีที่สำหรับพวกมันอีกต่อไปในสวรรค์. แล้วพญานาคใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลง [คือ] งูแรกเดิม ผู้ถูกเรียกว่าพญามารและซาตาน ผู้ชักนำแผ่นดินโลกทั้งสิ้นที่มีคนอาศัยอยู่ให้หลง; มันถูกเหวี่ยงลงที่แผ่นดินโลก และเหล่าทูตสวรรค์ของมันก็ถูกเหวี่ยงลงพร้อมกับมัน.” ดังนั้น สวรรค์เบื้องบนได้รับการชำระแล้ว เหลือแต่บริเวณทางแผ่นดินโลกภายใต้การปกครองราชอาณาจักรซึ่งยังต้องชำระให้เสร็จสิ้น เพื่อพระนามของพระยะโฮวาจะเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. ในปี 1993 นี้ คำเตือนจากพระเจ้าก็ยังใช้การได้อยู่ที่ว่า “วิบัติแก่แผ่นดินโลก . . . เพราะพญามารได้ลงมาถึงพวกเจ้าแล้ว มีความโกรธยิ่งนัก ด้วยรู้ว่ามันมีระยะเวลาอันสั้น.”—วิวรณ์ 12:12, ล.ม.
การเป็นขึ้นจากตายฝ่ายสวรรค์
13, 14. (ก) พระคัมภีร์บ่งชี้ถึงสิ่งใดซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1918 เป็นต้นมา? (ข) เปาโลและโยฮันเปิดเผยถึงสิ่งใดเกี่ยวกับชนที่เหลือผู้ถูกเจิมสมัยปัจจุบัน?
13 สิ่งที่น่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งที่อุบัติขึ้นในระหว่างสมัยการประทับของพระคริสต์คือการเริ่มต้นของการเป็นขึ้นจากตายฝ่ายสวรรค์. อัครสาวกเปาโลระบุว่าบรรดาคริสเตียนผู้ถูกเจิมซึ่งหลับอยู่ในหลุมศพมานานจะเป็นพวกแรกที่จะได้รับชีวิตและอยู่กับพระเยซูคริสต์ ณ แดนวิญญาณ. ได้มีการเสนอหลักฐานมาตลอดเวลาหลายปีเพื่อแสดงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวดูเหมือนเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1918 เป็นต้นมา. เปาโลเขียนว่า “คนทั้งปวงจะถูกทำให้มีชีวิตอีกเพราะพระคริสต์. . . . แต่ทุกคนจะเป็นไปตามตำแหน่งของเขา: พระคริสต์ซึ่งเป็นผลแรก หลังจากนั้น บรรดาผู้ที่เป็นของพระคริสต์ระหว่างการประทับ [พารูเซีย] ของพระองค์.” (1 โกรินโธ 15:22, 23, ล.ม.) ที่ 1 เธซะโลนิเก 4:15-17, (ล.ม.) เป็นคำยืนยันถึงเรื่องการเป็นขึ้นจากตายของชนผู้ถูกเจิมในระหว่างการประทับของพระคริสต์ดังนี้: “นี่แหละเป็นสิ่งที่เราบอกแก่ท่านทั้งหลายตามคำตรัสของพระยะโฮวาว่า เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ซึ่งอยู่รอดจนถึงการประทับ [พารูเซีย] ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะล่วงหน้าไปก่อนบรรดาชนที่ล่วงลับไปในความตายก็หาไม่; . . . คนตายทั้งหลายร่วมสามัคคีกับพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน. ภายหลังนั้นเราผู้เป็นอยู่ซึ่งรอดชีวิตอยู่จะถูกรับขึ้นไปในเมฆร่วมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า.” มีจำนวน 144,000 คนซึ่งเป็นของพระคริสต์ฐานะเป็นพวกผู้ถูกเจิมซึ่งในที่สุดก็จะได้รับรางวัลอันยอดเยี่ยมนี้.—วิวรณ์ 14:1.
14 ดังที่เปาโลชี้แจง ชนที่เหลือจำพวกผู้ถูกเจิมซึ่งขณะนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้เข้าสู่ราชอาณาจักรก่อนบรรดาสาวกคริสเตียนที่ซื่อสัตย์จำพวกผู้ถูกเจิมรุ่นก่อน ๆ ซึ่งพลีชีพไปแล้ว. อัครสาวกโยฮันพรรณนาต่อไปในเรื่องผู้ถูกเจิมที่สิ้นชีวิตสมัยนี้ว่า “ความสุขมีแก่คนตายที่ตายร่วมสามัคคีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป. พระวิญญาณตรัสว่า ถูกแล้ว ให้พวกเขาพักจากงานเหนื่อยยากของเขา ด้วยว่าบรรดาสิ่งที่เขาได้กระทำนั้นก็จะไปกับเขาทันที” คือในสภาพเมื่อเขาได้รับการปลุกขึ้นจากตายแล้ว. (วิวรณ์ 14:13, ล.ม.) และเปาโลกล่าวว่า “นี่แน่ะ! ข้าพเจ้าจะบอกให้พวกท่านทราบถึงข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์: เราจะไม่ล่วงหลับ (ในความตาย) หมดทุกคน แต่เราทุกคนจะถูกเปลี่ยน ในขณะเดียว ในกะพริบตาเดียว ในระหว่างการเป่าแตรครั้งสุดท้าย. เพราะแตรจะดังขึ้นและคนตายจะเป็นขึ้นมาสู่สภาพไม่เน่าเปื่อยและเราจะถูกเปลี่ยน.” (1 โกรินโธ 15:51, 52, ล.ม.) เป็นการมหัศจรรย์อันแปลกประหลาดเพียงไร!
15, 16. (ก) พระเยซูตรัสคำอุปมาอะไรที่ลูกา 19:11-15 และด้วยเหตุผลอะไร? (ข) คำพยากรณ์ข้อนี้ได้สำเร็จสมจริงมาแล้วอย่างไร?
15 คราวหนึ่ง เมื่อพระเยซูทรงสั่งสอนสาวกของพระองค์ถึงเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้อุทาหรณ์เพื่อช่วยเขาแก้ไขแนวความคิดที่ผิดของตน. เรื่องนั้นมีว่า “เขาทั้งหลายคิดว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะปรากฏโดยพลัน. เหตุฉะนั้น พระองค์จึงตรัสว่า ‘มีเจ้านายองค์หนึ่งไปเมืองไกลเพื่อจะรับอำนาจมาครองแผ่นดิน แล้วจะกลับมา. ท่านจึงเรียกทาสสิบคนมามอบเงินไว้แก่เขาสิบมินาสั่งว่า “จงเอาไปค้าขายจนเราจะกลับมา.” . . . เมื่อท่านได้รับอำนาจครองแผ่นดินกลับมาแล้ว ท่านจึงเรียกทาสทั้งหลายที่ท่านได้ให้เงินไว้นั้นมา เพื่อจะได้รู้ว่าเขาทุกคนค้าได้กำไรกี่มากน้อย.’”—ลูกา 19:11-15, ฉบับแปลใหม่.
16 พระเยซูคือ “เจ้านาย” องค์นั้นที่เสด็จสู่สวรรค์ “เมืองไกล” ซึ่งที่นั่นพระองค์จะได้รับราชอาณาจักร. พระองค์ทรงได้รับราชอาณาจักรนั้นในปีสากลศักราช 1914. ไม่นานหลังจากนั้น พระคริสต์ในฐานะเป็นกษัตริย์ก็ทรงคิดบัญชีกับผู้ที่อ้างว่าเป็นสาวกของพระองค์ เพื่อจะดูว่าเขาได้เอาใจใส่ดูแลผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรที่มอบไว้นั้นมากน้อยแค่ไหน. ผู้ซื่อสัตย์จำนวนน้อยถูกคัดเลือกรับคำชมจากนายดังนี้: “ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสที่ดี! เพราะเจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เจ้าจงมีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด.” (ลูกา 19:17, ฉบับแปลใหม่) ในช่วงการประทับของพระคริสต์นั้นได้รวมเอากิจกรรมด้านการประกาศสั่งสอนเรื่องราชอาณาจักรอย่างเอาจริงเอาจัง รวมทั้งการแถลงคำพิพากษาของพระเจ้าต่อคนชั่ว และการตรวจตราดูแลงานนี้ก็รวมอยู่ในอำนาจซึ่งมอบไว้กับ “ทาสที่ดี” ด้วย.
งานประกาศทั่วโลก
17. ความชื่นชมยินดีในสิ่งใดเป็นลักษณะเด่นในคราวพารูเซีย?
17 มีอะไรอีกไหมจะอุบัติขึ้นในระหว่างพารูเซีย นี้? คงจะเป็นเวลาแห่งความชื่นชมอย่างมากมายอันเนื่องมาจากการประกาศและการช่วยเหลือคนใหม่ ๆ เตรียมตัวเพื่อรอดผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ซึ่งใกล้เข้ามา. คนเหล่านี้แห่ง “ชนฝูงใหญ่” ซึ่งสนับสนุนชนที่เหลือก็จะเป็น “หนังสือแนะนำตัว” (วิวรณ์ 7:9, ล.ม; 2 โกรินโธ 3:1-3, ล.ม.) เปาโลกล่าวถึงความยินดีในงานเก็บเกี่ยวนี้ว่า “อะไรเป็นความหวังหรือความยินดีหรือมงกุฎแห่งความปลาบปลื้มของเรา—ก็ท่านทั้งหลายมิใช่หรือ?—จำเพาะพระพักตร์พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราในคราวการประทับ [พารูเซีย] ของพระองค์?”—1 เธซะโลนิเก 2:19, ล.ม.
รักษาตัวสะอาดและปราศจากด่างพร้อย
18. (ก) คำอธิษฐานอะไรของเปาโลพาดพิงถึงพารูเซีย? (ข) พวกเราทุกคนต้องแสดงน้ำใจแบบไหนในสมัยนี้ และในทางใด?
18 อนึ่ง เปาโลได้อธิษฐานเพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ของผู้ที่ยังอยู่ในระหว่างการประทับของพระคริสต์ดังนี้: “ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุของค์นั้นทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายบริสุทธิ์โดยครบถ้วน. และขอให้วิญญาณและจิตวิญญาณและร่างกายของท่านทั้งหลายที่มีสุขภาพดีในทุกด้าน ได้รับการรักษาให้ปราศจากด่างพร้อย ณ การประทับ [พารูเซีย] แห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา.” (1 เธซะโลนิเก 5:23, ล.ม.) ถูกแล้ว ในทุกวันนี้ ไม่ว่าเราอยู่ในจำพวกชนที่เหลือผู้ถูกเจิม หรือเป็นแกะอื่นซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม น้ำใจแห่งการร่วมมือเป็นพลังผูกพันพวกเราเข้าด้วยกันอย่างภักดี เพื่อว่าเราจะเป็นผู้ที่สะอาดปราศจากด่างพร้อยอยู่เรื่อยไปในยุคสมัยอันโดดเด่นเช่นนี้. ในทำนองเดียวกัน เราจำต้องแสดงความเพียรอดทน. ยาโกโบเขียนไว้ว่า “เพราะเหตุนี้ พี่น้องทั้งหลาย จงอดใจรอจนกว่าการประทับ [พารูเซีย] ขององค์พระผู้เป็นเจ้า. . . . จงทำให้หัวใจของท่านมั่นคงเพราะการประทับ [พารูเซีย] ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาใกล้แล้ว.”—ยาโกโบ 5:7, 8, ล.ม.
19. เปโตรได้ให้คำเตือนอะไรเกี่ยวด้วย พารูเซีย และพวกเราควรตอบรับอย่างไร?
19 นอกจากนี้ อัครสาวกเปโตรก็ได้บอกบางสิ่งแก่พวกเราซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน. ท่านได้เตือนเราเรื่องคนเยาะเย้ยซึ่งมีอยู่มากมายในทุก ๆ ส่วนของโลก. เปโตรกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายทราบข้อนี้ก่อนคือว่า ในสมัยสุดท้ายจะมีคนเยาะเย้ยโดยใช้การหัวเราะเยาะของเขา ดำเนินตามความปรารถนาของตนเอง และกล่าวว่า: ‘การประทับ [พารูเซีย] ของพระองค์ที่ทรงสัญญาไว้นี้อยู่ที่ไหนล่ะ? อ้าว ตั้งแต่สมัยที่บรรพบุรุษของเราได้ล่วงหลับไปในความตาย สิ่งทั้งปวงก็ดำเนินต่อไปเหมือนทีเดียว อย่างที่เป็นอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการทรงสร้าง.’” (2 เปโตร 3:3, 4, ล.ม.) แม้ว่าคนเยาะเย้ยมีมากในระหว่างช่วงการประทับของพระคริสต์ ไพร่พลของพระยะโฮวาในฐานะเป็นความสว่างของโลกก็จะคงฉายแสงออกไปเพื่อความรอดของคนเป็นอันมาก.
คำถามทบทวน
▫ ไพร่พลของพระยะโฮวาได้รับความสว่างมากขึ้นตามลำดับโดยวิธีใดเกี่ยวกับเรื่องพารูเซีย?
▫ มัดธาย 24:4-8 ได้สำเร็จสมจริงอย่างไร?
▫ เหล่าทูตสวรรค์ได้ปฏิบัติการร่วมกับพระคริสต์ผู้ครองราชย์แล้วอย่างไร?
▫ ปรากฏการอัศจรรย์น่าตื่นเต้นอะไรที่มาควบคู่กับพารูเซีย?
▫ มีการประสบความยินดีอะไรระหว่างสมัยนี้และใครร่วมยินดีด้วย?