บท 9
ผลของการประกาศ—“ทุ่งนา . . . เหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว”
1, 2. (ก) สาวกของพระเยซูแปลกใจเรื่องอะไร? (ข) พระเยซูพูดถึงงานเกี่ยวแบบไหน?
เมื่อพระเยซูบอกสาวกให้ “เงยหน้ามองดูทุ่งนา . . . รวงข้าวเหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว” พวกเขารู้สึกแปลกใจมาก เพราะเมื่อมองทุ่งนาที่พระเยซูชี้ให้ดู พวกเขาก็เห็นแต่ต้นข้าวสีเขียวงอกงามอยู่เต็มทุ่ง ไม่ได้เหลืองอร่ามอย่างที่พระเยซูพูดสักหน่อย พวกเขาคงนึกสงสัยว่า ‘จะเกี่ยวได้อย่างไร? อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงฤดูเกี่ยว’—โย. 4:35
2 พระเยซูไม่ได้พูดถึงการเกี่ยวข้าวในนาจริง ๆ ท่านเพียงแต่ใช้โอกาสนั้นสอนบทเรียนสำคัญให้สาวก 2 เรื่อง การเกี่ยวที่พระเยซูพูดถึงนี้หมายถึง การรวบรวมผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียน แล้วบทเรียนสำคัญ 2 เรื่องนั้นคืออะไร? ให้เรามาพิจารณารายละเอียดด้วยกันก่อน แล้วเราจะได้คำตอบ
การเรียกให้ทำงาน และคำสัญญาที่ว่าผู้ทำงานจะมีความสุข
3. (ก) พระเยซูอาจมองเห็นอะไรเมื่อพูดว่า “ทุ่งนา . . . เหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว”? (ข) เพื่อช่วยให้สาวกเข้าใจชัดเจนขึ้น พระเยซูพูดอะไรต่อไป?
3 พระเยซูพูดเรื่องนี้กับสาวกในช่วงปลายปี ค.ศ. 30 ใกล้เมืองซีคาร์ในแคว้นซะมาเรีย ระหว่างที่สาวกกำลังเข้าไปในเมือง พระเยซูรอพวกเขาอยู่ที่บ่อน้ำ แล้วท่านก็ได้พูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านบอกความจริงหลายเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าให้เธอฟัง ผู้หญิงคนนี้เข้าใจทันทีว่าเรื่องที่พระเยซูสอนสำคัญขนาดไหน และพอสาวกกลับมา เธอก็รีบวิ่งไปในเมืองซีคาร์และเล่าให้เพื่อนบ้านฟังอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ เมื่อพวกเขาได้ยินก็สนใจมาก พวกเขาเลยรีบไปที่บ่อน้ำเพื่อจะพบพระเยซู และอาจเป็นได้ว่าพระเยซูมองเลยทุ่งนาที่อยู่แถวนั้นออกไปเห็นฝูงชนชาวซะมาเรียที่พากันมาหาท่าน พระเยซูจึงพูดขึ้นว่า ‘มองดูทุ่งนาสิ รวงข้าวเหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว’ และเพื่อช่วยสาวกให้เข้าใจชัดเจนว่าท่านไม่ได้พูดถึงการเกี่ยวข้าวในนาจริง ๆ แต่หมายถึงงานเกี่ยวของพระเจ้า พระเยซูจึงพูดต่อไปอีกว่า ‘ผู้เกี่ยวกำลังสะสมผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์’—โย. 4:5-30, 36
4. (ก) บทเรียนสำคัญ 2 เรื่องที่ได้จากคำสอนของพระเยซูเรื่องงานเกี่ยวคืออะไร? (ข) เราจะพิจารณาคำถามอะไร?
4 บทเรียนสำคัญ 2 เรื่องที่ได้จากคำสอนของพระเยซูเรื่องงานเกี่ยวของพระเจ้าคืออะไร? หนึ่ง งานนี้เป็นงานด่วน คำพูดที่หนักแน่นของพระเยซูที่ว่า “ทุ่งนา . . . เหลืองอร่าม พร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว” เป็นการเรียกให้สาวกลงมือทำทันที และเพื่อเน้นให้เห็นว่างานนี้ด่วนขนาดไหน พระเยซูจึงพูดกับสาวกอีกว่า ‘ผู้เกี่ยวก็กำลังรับค่าจ้างอยู่แล้ว’ ใช่! งานเกี่ยวเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีเวลาให้ชักช้า! สอง คนที่ทำงานจะมีความสุข พระเยซูสัญญาว่าทั้งผู้หว่านกับผู้เกี่ยวจะ “ชื่นชมยินดี” ด้วยกัน (โย. 4:35ข, 36) พระเยซูมีความสุขมากแน่ ๆ เมื่อเห็น “ชาวซะมาเรียหลายคน . . . มีความเชื่อ” สาวกของพระเยซูก็จะมีความสุขเหมือนกันเมื่อพวกเขาทุ่มเทสุดชีวิตเพื่องานนั้น (โย. 4:39-42) เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยศตวรรษแรกนี้มีความหมายสำหรับเรามากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสมัยของเรา และเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียนครั้งสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา แล้วงานเกี่ยวสมัยปัจจุบันเริ่มขึ้นเมื่อไรล่ะ? ใครร่วมทำงานนี้บ้าง? และผลที่ได้เป็นอย่างไร?
กษัตริย์ของเรานำหน้าในงานเกี่ยวครั้งสำคัญที่สุดเท่าที่เคยมีมา
5. ใครเป็นผู้นำในการรวบรวมผู้คนทั่วโลกเข้ามาในประชาคมคริสเตียน และนิมิตของโยฮันแสดงให้เห็นอย่างไรว่างานนี้เป็นงานด่วน?
5 ในนิมิตที่โยฮันเห็น พระยะโฮวาเปิดเผยว่า พระองค์แต่งตั้งพระเยซูให้เป็นผู้นำในการรวบรวมหรือเก็บเกี่ยวผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียน (อ่านวิวรณ์ 14:14-16) ตามภาพนิมิตนี้ พระเยซูสวมมงกุฎทองคำและกำลังถือเคียวอยู่ “มงกุฎทองคำที่ [พระเยซู] สวม” บ่งชี้ถึงตำแหน่งกษัตริย์ของท่าน ส่วน “เคียวคมกริบ” นั้นแสดงว่าท่านคือผู้เกี่ยว ถ้อยคำที่พระยะโฮวาพูดผ่านทางทูตสวรรค์ว่า “ผลที่จะเก็บเกี่ยวจากแผ่นดินโลกก็สุกเต็มที่แล้ว” เน้นว่างานนี้เป็นงานเร่งด่วน ที่จริง “เวลา เกี่ยวมาถึงแล้ว” ไม่มีเวลาชักช้า! เมื่อพระเยซูได้ยินพระเจ้าสั่งว่า ‘ใช้เคียวเกี่ยวเถิด’ ท่านก็ใช้เคียวเกี่ยวแผ่นดินโลก ซึ่งหมายถึงการรวบรวมผู้คนบนแผ่นดินโลก นิมิตที่น่าตื่นเต้นนี้ย้ำเตือนเราอีกครั้งว่า “ทุ่งนา . . . เหลืองอร่ามพร้อมจะเกี่ยวได้แล้ว” นิมิตนี้ช่วยให้เรารู้ได้ไหมว่างานเกี่ยวทั่วโลกเริ่มขึ้นเมื่อไร? ได้สิ!
6. (ก) “ฤดูเกี่ยว” เริ่มเมื่อไร? (ข) การ “เก็บเกี่ยวจากแผ่นดินโลก” เริ่มจริง ๆ เมื่อไร? ขอให้อธิบาย
6 เนื่องจากนิมิตของโยฮันในวิวรณ์บท 14 แสดงว่าพระเยซูเป็นผู้เกี่ยวและสวมมงกุฎอยู่ (ข้อ 14) ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ในปี 1914 (ดานิ. 7:13, 14) พอเป็นกษัตริย์ได้ระยะหนึ่ง พระเยซูก็ได้รับคำสั่งให้เริ่มเกี่ยว (ข้อ 15) นิมิตนี้กับตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องการเกี่ยวข้าวสาลีมีลำดับเหตุการณ์แบบเดียวกัน พระเยซูพูดว่า “เวลาเกี่ยวคือช่วงสุดท้ายของยุค” ดังนั้น ฤดูเกี่ยวและช่วงสุดท้ายของยุคจึงเริ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน คือปี 1914 (มัด. 13:30, 39) เมื่อมองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่างานเกี่ยวจริง ๆ ไม่ได้เริ่มขึ้นทันทีหลังจากพระเยซูขึ้นปกครองเป็นกษัตริย์ สิ่งแรกที่ท่านทำคือชำระสาวกผู้ถูกเจิมให้บริสุทธิ์ในปี 1914 ถึงต้นปี 1919 (มลคี. 3:1-3; 1 เป. 4:17) ต่อมาในปี 1919 ท่านก็เริ่ม “เก็บเกี่ยวจากแผ่นดินโลก” พระเยซูไม่รอช้า ท่านใช้ทาสสัตย์ซื่อที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อช่วยเหลือพวกพี่น้องให้เห็นถึงความเร่งด่วนของงานประกาศ ให้เรามาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
7. (ก) การตรวจสอบอะไรที่ช่วยให้พี่น้องเห็นว่างานประกาศเป็นเรื่องเร่งด่วน? (ข) มีการสนับสนุนพี่น้องให้ทำอะไร?
7 หอสังเกตการณ์ กรกฎาคม 1920 บอกว่า “การตรวจสอบพระคัมภีร์ทำให้เห็นหลักฐานว่า พระเจ้ามอบงานที่มีเกียรติให้ประชาคมคริสเตียนซึ่งก็คือ การบอกข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร” ตัวอย่างเช่น คำพยากรณ์ของยะซายาห์ช่วยพี่น้องให้เข้าใจว่าต้องมีการประกาศข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าออกไปทั่วโลก (ยซา. 49:6; 52:7; 61:1-3) แม้พวกเขาไม่รู้ว่างานนี้จะไปถึงทั่วโลกได้อย่างไร แต่ก็มั่นใจว่าพระยะโฮวามีวิธีที่จะทำให้ข่าวสารแพร่ไปได้ (อ่านยะซายา 59:1) หลังจากเข้าใจชัดเจนว่างานประกาศเป็นเรื่องเร่งด่วน พวกเขาก็สนับสนุนพี่น้องให้ออกประกาศมากขึ้น แล้วพี่น้องตอบรับอย่างไร?
8. ในปี 1921 ข้อเท็จจริงที่สำคัญ 2 ข้อเกี่ยวกับงานประกาศที่พี่น้องเข้าใจคืออะไร?
8 หอสังเกตการณ์ ธันวาคม 1921 ประกาศว่า “นี่เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุด และคนที่ได้ยินความจริงในปี 1921 ก็มีจำนวนมากกว่าปีก่อน ๆ” วารสารฉบับนั้นยังบอกอีกว่า “ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ . . . ให้เราทำด้วยความเต็มใจและมีความสุข” ขอให้สังเกตว่าพี่น้องเข้าใจข้อเท็จจริงสำคัญ 2 ข้อเกี่ยวกับงานประกาศ คือ งานนี้เป็นงานด่วนและผู้ที่ทำงานนี้จะมีความสุขตามที่พระเยซูได้บอกกับอัครสาวกไว้แล้ว
9. (ก) ในปี 1954 หอสังเกตการณ์ พูดถึงงานเกี่ยวว่าอย่างไร และเพราะอะไร? (ข) ผู้ประกาศทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นขนาดไหนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา? (ดูแผนภูมิ “จำนวนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก”)
9 ระหว่างทศวรรษ 1930 หลังจากพี่น้องเข้าใจว่าชนฝูงใหญ่ซึ่งเป็นแกะอื่นจะเต็มใจตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร งานประกาศก็จะยิ่งแพร่ขยายออกไปอย่างกว้างไกล (ยซา. 55:5; โย. 10:16; วิ. 7:9) ผลเป็นอย่างไร? จำนวนคนที่ประกาศข่าวเรื่องราชอาณาจักรพุ่งขึ้นจาก 41,000 คนในปี 1934 เป็น 500,000 คนในปี 1953! หอสังเกตการณ์ 1 ธันวาคม 1954 ลงความเห็นได้อย่างถูกต้องว่า “งานเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่นี้ขยายออกไปทั่วทุกมุมโลกได้ก็เพราะพระวิญญาณของพระยะโฮวาและพลังของคัมภีร์ไบเบิล”a—ซคา. 4:6
ประเทศ |
1962 |
1987 |
2013 |
---|---|---|---|
ออสเตรเลีย |
15,927 |
46,170 |
66,023 |
บราซิล |
26,390 |
216,216 |
756,455 |
ฝรั่งเศส |
18,452 |
96,954 |
124,029 |
อิตาลี |
6,929 |
149,870 |
247,251 |
ญี่ปุ่น |
2,491 |
120,722 |
217,154 |
เม็กซิโก |
27,054 |
222,168 |
772,628 |
ไนจีเรีย |
33,956 |
133,899 |
344,342 |
ฟิลิปปินส์ |
36,829 |
101,735 |
181,236 |
สหรัฐอเมริกา |
289,135 |
780,676 |
1,203,642 |
แซมเบีย |
30,129 |
67,144 |
162,370 |
1950 |
234,952 |
1960 |
646,108 |
1970 |
1,146,378 |
1980 |
1,371,584 |
1990 |
3,624,091 |
2000 |
4,766,631 |
2010 |
8,058,359 |
ตัวอย่างเปรียบเทียบบอกล่วงหน้าถึงผลที่จะเก็บเกี่ยวได้
10, 11. ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้เน้นเรื่องการเติบโตของเมล็ดมัสตาร์ดในแง่ใดบ้าง?
10 พระเยซูยกตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องราชอาณาจักร ซึ่งบอกล่วงหน้าถึงผลของการเก็บเกี่ยวที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ ให้เรามาดูตัวอย่าง 2 เรื่อง คือเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดกับเรื่องเชื้อ
11 ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเมล็ดมัสตาร์ด ชายคนหนึ่งเพาะเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่งไว้ในนา มันเติบโตขึ้นจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ นกก็มาเกาะและอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของมัน (อ่านมัดธาย 13:31, 32) ตัวอย่างนี้เน้นเรื่องการเติบโตของเมล็ดมัสตาร์ดในแง่ใดบ้าง? (1) การเติบโตของต้นมัสตาร์ดมีขนาด ใหญ่มากจนน่าอัศจรรย์ คือจาก “เมล็ดพืชที่เล็กที่สุด” กลายเป็นต้นไม้ที่มี “กิ่งก้านขนาดใหญ่” (มโก. 4:31, 32) (2) การเติบโตนี้เป็นเรื่องที่แน่นอน วลีที่ว่า “เมื่อเพาะแล้ว มันก็งอกขึ้น” พระเยซูไม่ได้บอกว่า “มันอาจจะงอก” แต่บอกว่า “มันงอก” และเติบโตแบบที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ (3) ต้นไม้ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นี้ดึงดูดพวกนกให้มาอาศัย อยู่ใต้ร่มเงา “นกในท้องฟ้ามา” และ “อาศัยตามกิ่งของมัน” ตัวอย่างเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดทั้ง 3 แง่นี้จะเปรียบกับการรวบรวมผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียนในสมัยของเราได้อย่างไร?
12. เราจะเปรียบตัวอย่างเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดกับการรวบรวมผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียนในสมัยนี้ได้อย่างไร? (ดูแผนภูมิ “จำนวนการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”)
12 (1) ขนาดของการเติบโต เมล็ดมัสตาร์ดเปรียบเหมือนคนงาน ตั้งแต่ปี 1919 มีการรวบรวมคนงานที่กระตือรือร้นเข้ามาในประชาคมคริสเตียนซึ่งได้รับการฟื้นฟูแล้ว ตอนนั้นคนงานยังมีน้อยอยู่ แต่จำนวนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่จริง เมล็ดที่เล็กที่สุดในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ที่มี “กิ่งก้านขนาดใหญ่” ในเวลานี้ และเป็นการเติบโตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน (ยซา. 60:22) (2) ความแน่นอน ประชาคมคริสเตียนเติบโตแบบที่เรียกว่าอะไรก็ฉุดไม่อยู่ การต่อต้านที่มาจากศัตรูของพระเจ้าซึ่งเปรียบเหมือนก้อนหินที่ถูกนำมาวางทับเมล็ดพืชเล็ก ๆ นี้ ก็ไม่อาจหยุดยั้งการเติบโตของมันได้ และมันก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนดันก้อนหินเหล่านั้นออกไป (ยซา. 54:17) (3) ที่อาศัย “นกในท้องฟ้า” ที่มาอาศัยพักพิงบนต้นไม้นี้หมายถึงคนนับล้าน ๆ ที่รักความถูกต้อง พวกเขามาจากดินแดนต่าง ๆ ประมาณ 240 ดินแดน คนเหล่านี้ตอบรับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรและเข้ามาเป็นส่วนของประชาคมคริสเตียน (ยเอศ. 17:23) พวกเขาได้รับความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า ความสดชื่น และการปกป้องเมื่อมาที่นั่น—ยซา. 32:1, 2; 54:13
13. ตัวอย่างเรื่องเชื้อเน้นการเติบโตแบบใดบ้าง?
13 ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องเชื้อ หลังจากที่ผู้หญิงเอาเชื้อผสมลงในแป้งหนึ่งถัง เชื้อก็แผ่ไปทั่วแป้งก้อนนั้น (อ่านมัดธาย 13:33) ตัวอย่างนี้เน้นเรื่องการเติบโตแบบใดบ้าง? ให้เรามาดูด้วยกัน 2 แง่ (1) การเติบโตแบบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พระคัมภีร์บอกว่า เชื้อนั้น “แผ่ไปทั่วทั้งก้อน” จนแป้งฟูขึ้น (2) การเติบโตเป็นแบบที่กระจายไปอย่างทั่วถึง เชื้อนั้นกระจายไปทั่วแป้งทั้ง “ถัง” ตัวอย่างเรื่องเชื้อจะเปรียบกับการรวบรวมผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียนในสมัยนี้ได้อย่างไร?
14. ตัวอย่างเรื่องเชื้อจะเปรียบกับการรวบรวมผู้คนในสมัยนี้ได้อย่างไร?
14 (1) การเปลี่ยนแปลง เชื้อหมายถึงข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร และแป้งที่ฟูขึ้นทั้งก้อนนั้นก็คือผู้คนบนโลก หลังจากผสมเชื้อลงในแป้งแล้ว เชื้อก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหัวใจของผู้คนหลังจากที่เขาตอบรับข่าวสารนั้น (โรม 12:2) (2) กระจายไปอย่างทั่วถึง เชื้อที่แผ่ไปทั่วทั้งก้อนหมายถึงข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรที่กระจายออกไป เชื้อที่ผสมในแป้งจะค่อย ๆ กระจายไปจนทั่วทั้งก้อน คล้ายกับข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรที่แพร่ไป “จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” (กิจ. 1:8) เชื้อที่กระจายไปทั่วแป้งแสดงว่า ข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรจะแพร่ไปถึงดินแดนที่มีการสั่งห้ามด้วย แม้ว่าผู้คนอาจไม่สังเกตเห็นงานประกาศของเราในดินแดนเหล่านั้นด้วยซ้ำ
15. ข้อความที่เขียนไว้ในยะซายา 60:5, 22 เกิดขึ้นจริงอย่างไร? (ดูกรอบ “พระยะโฮวาทำได้” และกรอบ “‘คนเล็กที่สุด’ กลายเป็น ‘ชนชาติใหญ่ชาติหนึ่ง’ ได้อย่างไร?”)
15 ก่อนที่พระเยซูจะพูดถึงตัวอย่างเปรียบเทียบนี้ประมาณ 800 ปี พระยะโฮวาใช้ยะซายาห์ให้บอกล่วงหน้าว่า การรวบรวมผู้คนเข้ามาในประชาคมคริสเตียนในสมัยปัจจุบันจะมีขอบเขตขนาดไหน รวมทั้งความสุขที่เกิดจากการทำงานนี้ด้วยb พระยะโฮวาบอกว่า ผู้คนที่ “มาแต่เมืองไกล” จะหลั่งไหลเข้ามาในองค์การของพระองค์ พระยะโฮวาพูดกับ “เยรูซาเล็ม” ซึ่งก็คือชนที่เหลือผู้ถูกเจิมที่อยู่บนแผ่นดินโลกในทุกวันนี้ว่า “เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า เพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว . . . เจ้าเห็นดังนี้ก็จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า” (ยซา. 60:1, 4, 5, 9, พระคัมภีร์ โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์ ) แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ! ทุกวันนี้ คนที่รับใช้พระยะโฮวามานานหลายปี ต่างก็มีความสุขมากที่ได้เห็นจำนวนผู้ประกาศในประเทศของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากแค่ไม่กี่คนเป็นหลายพันคน
ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาทุกคนมีเหตุผลที่จะยินดี
16, 17. เหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ ‘ผู้หว่านกับผู้เกี่ยวชื่นชมยินดีด้วยกัน’ คืออะไร? (ดูกรอบ “แผ่นพับสองแผ่นตราตรึงหัวใจสองดวงในอะเมซอน”)
16 ขอให้นึกถึงคำพูดของพระเยซูตอนที่พูดกับอัครสาวก เมื่อท่านบอกว่า “ผู้เกี่ยวก็กำลัง . . . สะสมผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์อยู่แล้ว เพื่อว่าผู้หว่านกับผู้เกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน” (โย. 4:36) แต่เราจะ “ชื่นชมยินดีด้วยกัน” ในงานเกี่ยวที่ทำอยู่ทั่วโลกได้อย่างไร? มีหลายวิธี แต่ขอให้เรามาดูสัก 3 วิธี
17 หนึ่ง เรายินดีที่ได้เห็นว่าพระยะโฮวามีส่วนร่วมในงานนี้ เมื่อเราประกาศเรื่องราชอาณาจักร เราก็กำลังหว่านเมล็ดพืช (มัด. 13:18, 19) แล้วเราก็เก็บเกี่ยวผลตอนที่เราช่วยใครสักคนให้เข้ามาเป็นสาวกของพระคริสต์ และเราทุกคนก็มีความสุขลึก ๆ ในใจเมื่อเห็นว่าพระยะโฮวาได้ทำให้เมล็ด “งอกและเติบโตขึ้น” อย่างน่าทึ่ง (มโก. 4:27, 28) คุณอาจมีประสบการณ์คล้าย ๆ กับพี่น้องหญิงคนหนึ่งในอังกฤษที่ชื่อโจน เธอรับบัพติสมา 60 ปีมาแล้ว เธอเล่าว่า “มีหลายคนมาบอกป้าว่า ป้าได้หว่านเมล็ดไว้ในหัวใจของพวกเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ประกาศให้พวกเขาฟัง ป้าไม่รู้เลยว่ามีพยานฯคนอื่น ๆ สอนความจริงให้พวกเขาหลังจากนั้น แล้วก็ได้ช่วยพวกเขาให้เข้ามาเป็นผู้รับใช้ของพระยะโฮวา ป้ายินดีมากเมื่อเมล็ดที่หว่านไว้งอกงามและถูกเก็บเกี่ยวเข้ามา”—อ่าน 1 โครินท์ 3:6, 7
18. ตามที่บอกใน 1 โครินท์ 3:8 อะไรทำให้เรามีความสุข?
18 สอง เรายังเป็นคนงานที่มีความสุขเสมอเมื่อนึกถึงคำพูดของเปาโลที่บอกว่า ทุกคนจะได้รับรางวัล “ตามการทำงานของแต่ละคน” (1 โค. 3:8) นี่แสดงว่าคนงานได้รับรางวัลเพราะงานที่เขาทำ ไม่ใช่เพราะผลงาน คำรับรองนี้คงทำให้พี่น้องซึ่งประกาศในเขตที่ผู้คนไม่ค่อยตอบรับมีกำลังใจขึ้นจริง ๆ! ในสายตาของพระยะโฮวา พยานฯทุกคนที่ทุ่มเทอย่างสุดหัวใจในงานหว่านก็ “เกิดผลมาก” และพวกเขาก็มีเหตุผลที่จะยินดี—โย. 15:8; มัด. 13:23
19. (ก) ทำไมคำพยากรณ์ของพระเยซูที่บอกไว้ในมัดธาย 24:14 จึงทำให้เรามีความยินดี? (ข) แม้เราจะไม่สามารถช่วยใครสักคนให้เขามาเป็นสาวก แต่เราไม่ควรลืมเรื่องอะไร?
19 สาม เรายินดีที่งานของเราทำให้คำพยากรณ์เกิดขึ้นจริง ขอให้ดูคำตอบที่พระเยซูให้กับอัครสาวกตอนที่พวกเขาถามว่า ‘อะไรเป็นสัญญาณที่บอกว่าท่านกลับมาแล้ว และบอกว่าเป็นช่วงสุดท้ายของยุค?’ พระเยซูบอกพวกเขาว่า สัญญาณอย่างหนึ่งก็คืองานประกาศที่จะทำทั่วโลก พระเยซูกำลังเน้นถึงงานสอนที่ทำให้คนเข้ามาเป็นสาวกไหม? ไม่ใช่! ท่านพูดว่า “ข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรจะได้รับการประกาศ ไปทั่วแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่เพื่อให้พยานหลักฐาน” (มัด. 24:3, 14) การประกาศเรื่องราชอาณาจักรหรือการหว่านเมล็ดจึงเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเราประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร เราต้องไม่ลืมว่า แม้เราจะไม่สามารถช่วยใครสักคนให้เขามาเป็นสาวก แต่เราก็ได้ทำงาน “ประกาศ” แล้วc ไม่ว่าผู้คนจะตอบรับอย่างไร เราก็มีส่วนทำให้คำพยากรณ์ของพระเยซูเกิดขึ้นจริง และเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็น “ผู้ร่วมงานกับพระเจ้า” (1 โค. 3:9) นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ!
“ตั้งแต่ตะวันออกจนถึงตะวันตก”
20, 21. (ก) ข้อความที่กล่าวในมาลาคี 1:11 เกิดขึ้นจริงอย่างไร? (ข) เมื่อคิดถึงงานเกี่ยวนี้ เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำอะไร และทำไม?
20 ในศตวรรษแรก พระเยซูช่วยอัครสาวกให้มองเห็นว่างานเกี่ยวนั้นเป็นงานด่วน ตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมา พระเยซูได้ช่วยสาวกในสมัยปัจจุบันให้เข้าใจความจริงเรื่องเดียวกันนี้ แล้วพวกเขาก็ตอบรับโดยทำงานอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น ที่จริง พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรมาขัดขวางงานนี้ได้ ตามที่ผู้พยากรณ์มาลาคีเคยบอกไว้ ผู้รับใช้ของพระเจ้าในสมัยนี้ทำงานประกาศ “ตั้งแต่ตะวันออกจนจดตะวันตก” (มลคี. 1:11) ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก ผู้หว่านและผู้เกี่ยวต่างก็มีความสุขด้วยกันไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนในโลก และเมื่อคิดถึงความเร่งด่วนของงานนี้ เราก็ทำงานกันตลอดทั้งวันตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงดวงอาทิตย์ตก หรือตั้งแต่เช้าจรดเย็น
21 เรา “ตื่นเต้นดีใจ” ที่ได้เห็นวิธีที่ผู้รับใช้ของพระเจ้ากลุ่มเล็ก ๆ เติบโตขึ้นเป็น “ชนชาติใหญ่” ตลอด 100 กว่าปีที่ผ่านมา (ยซา. 60:5, 22) ขอให้ความยินดีนั้นและความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวา “เจ้าของงานเกี่ยว” เป็นแรงกระตุ้นให้เราแต่ละคนร่วมแรงร่วมใจกันต่อ ๆ ไปจนกว่างานเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาจะเสร็จสมบูรณ์!—ลูกา 10:2
a เพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลานั้นและอีกหลายสิบปีต่อจากนั้น เราขอสนับสนุนให้คุณอ่านหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) ที่พูดถึงผลของงานเกี่ยวตั้งแต่ปี 1919 ถึง 1992
b สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ให้ภาพชัดเจนนี้ โปรดดูหอสังเกตการณ์ 1 กรกฎาคม 2002 หน้า 9-19
c นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลในยุคแรก ๆ เข้าใจความจริงเรื่องนี้อยู่แล้ว หอสังเกตการณ์ 15 พฤศจิกายน 1895 บอกว่า “ถึงแม้อาจมีข้าวสาลีจำนวนไม่มากที่ถูกรวบรวมไว้ในยุ้งฉาง แต่อย่างน้อยก็ได้ประกาศความจริง ออกไปอย่างมากมาย . . . ทุกคนประกาศข่าวดีได้”