บท 81
เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แต่ไม่ใช่พระเจ้า
“ผมกับพ่อเป็นหนึ่งเดียวกัน”
พระเยซูถูกกล่าวหาว่ายกตัวเองเป็นพระเจ้า
พระเยซูมาเยรูซาเล็มเพื่อร่วมเทศกาลฉลองการอุทิศวิหาร (หรือที่เรียกว่าเทศกาลฮานุกกาห์) กว่า 100 ปีก่อนหน้านี้ กษัตริย์อันทิโอกุสที่สี่ เอพิฟาเนส ยึดเยรูซาเล็มและสร้างแท่นบูชาบนแท่นบูชาใหญ่ในวิหารของพระเจ้า ต่อมา ลูกหลานปุโรหิตคนยิวได้ยึดเยรูซาเล็มคืนและอุทิศวิหารให้พระยะโฮวาอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นมา ก็มีการฉลองเทศกาลนี้ทุกปีในวันที่ 25 เดือนคิสเลฟซึ่งตรงกับช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว พระเยซูเดินอยู่ในวิหารตรงระเบียงทางเดินของโซโลมอน อยู่ ๆ พวกคนยิวก็มาล้อมท่านไว้และเค้นถามว่า “คุณจะปล่อยให้พวกเราสงสัยไปอีกนานแค่ไหน? ถ้าคุณเป็นพระคริสต์ก็บอกมาตรง ๆ เลย” (ยอห์น 10:22-24) พระเยซูตอบอย่างไร? ท่านบอกว่า “ผมบอกแล้วแต่พวกคุณไม่เชื่อเอง” ถึงแม้พระเยซูไม่เคยบอกใครตรง ๆ เหมือนตอนที่บอกผู้หญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำว่าท่านเป็นพระคริสต์ (ยอห์น 4:25, 26) แต่ท่านก็ได้เปิดเผยตัวตนของท่านเองโดยพูดว่า “ผมอยู่มาตั้งแต่อับราฮัมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”—ยอห์น 8:58
พระเยซูอยากให้ผู้คนเปรียบเทียบสิ่งที่ท่านทำกับสิ่งที่คำพยากรณ์บอกไว้ และสรุปด้วยตัวเองว่าท่านเป็นพระคริสต์ นี่เป็นเหตุผลที่ท่านห้ามสาวกไม่ให้บอกใครว่าท่านเป็นเมสสิยาห์ แต่ตอนนี้พระเยซูไม่อ้อมค้อม ท่านบอกพวกผู้ต่อต้านชาวยิวว่า “สิ่งที่ผมทำในนามพระเจ้าผู้เป็นพ่อของผมก็เป็นหลักฐานยืนยันอยู่แล้วว่าผมเป็นใคร แต่พวกคุณไม่เชื่อ”—ยอห์น 10:25, 26
ทำไมพวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์? ท่านบอกว่า “พวกคุณไม่เชื่อเพราะพวกคุณไม่ใช่แกะของผม แกะของผมจะฟังเสียงผม ผมรู้จักแกะของผม และแกะของผมก็ตามผม ผมให้แกะมีชีวิตตลอดไป แกะของผมจะไม่มีวันถูกทำลาย และจะไม่มีใครแย่งพวกมันไปจากมือผมได้ แกะที่พ่อของผมยกให้ผมนั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด” แล้วพระเยซูก็พูดถึงสายสัมพันธ์ของท่านกับพ่อ โดยบอกว่า “ผมกับพ่อเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยอห์น 10:26-30) พระเยซูอยู่บนโลก แต่พ่อของท่านอยู่บนสวรรค์ ดังนั้น พระเยซูไม่ได้หมายความว่าท่านกับพ่อเป็นบุคคลเดียวกัน แต่หมายความว่าท่านกับพ่อมีความคิดเหมือนกัน มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน
คำพูดของพระเยซูทำให้คนยิวโมโหมากถึงขั้นหยิบหินมาจะขว้างท่านให้ตาย แต่พระเยซูไม่กลัว ท่านถามพวกเขาว่า “ผมทำสิ่งดี ๆ มากมายที่พ่อสั่งให้ผมทำ แล้วสิ่งดีอันไหนล่ะที่ทำให้พวกคุณต้องเอาหินมาขว้างผม?” พวกเขาตอบว่า “ที่พวกเราจะเอาหินขว้างคุณ ไม่ใช่เพราะคุณทำสิ่งดี แต่เพราะคุณ . . . ยกตัวเองเป็นพระเจ้า” (ยอห์น 10:31-33) พระเยซูไม่เคยบอกว่าท่านเป็นพระเจ้า แล้วทำไมพวกเขากล่าวหาท่านอย่างนี้?
พระเยซูบอกว่าท่านมีพลังอำนาจ แต่คนยิวเชื่อว่าพลังอำนาจที่ท่านพูดถึงเป็นของพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อพระเยซูบอกว่า “ผมให้แกะมีชีวิตตลอดไป” คนยิวคิดว่าท่านกำลังทำตัวเสมอพระเจ้า เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถให้ชีวิตตลอดไป (ยอห์น 10:28) พวกเขามองข้ามข้อเท็จจริงที่พระเยซูพูดอย่างเปิดเผยว่าท่านได้รับอำนาจจากพระเจ้า
เพื่อตอบข้อกล่าวหาเท็จ พระเยซูจึงถามว่า “ในกฎหมายของพวกคุณ [ในสดุดี 82:6] เขียนไว้ไม่ใช่หรือว่า ‘เราบอกว่า “พวกเจ้าเป็นพระ”’? แม้แต่คนที่พระเจ้าตำหนิ พระองค์ยังเรียกเขาว่า ‘พระ’ . . . แล้วพวกคุณมาหาว่าผมดูหมิ่นพระเจ้าได้ยังไงที่ผมพูดว่าผมเป็นลูกของพระองค์ ในเมื่อพระเจ้าผู้เป็นพ่อได้เลือกผมและใช้ผมเข้ามาในโลกนี้?”—ยอห์น 10:34-36
พระเยซูบอกว่าขนาดคนที่พระเจ้าตำหนิ คัมภีร์ไบเบิลยังเรียกเขาว่า “พระ” แล้วพวกยิวจะมากล่าวหาพระเยซูเพราะท่านพูดว่า ‘ผมเป็นลูกของพระเจ้า’ ได้อย่างไร? พระเยซูพูดสิ่งที่น่าจะช่วยให้พวกเขายอมรับได้ง่ายขึ้นโดยบอกว่า “ถ้าผมไม่ทำสิ่งที่พ่อผมให้ทำ ก็ไม่ต้องเชื่อผม แต่ถ้าผมทำสิ่งที่พ่อผมให้ทำ ถึงพวกคุณจะไม่เชื่อผม ก็ขอให้เชื่อเพราะสิ่งที่ผมทำ แล้วพวกคุณจะรู้และเข้าใจมากขึ้นว่าพ่อเป็นหนึ่งเดียวกับผม และผมเป็นหนึ่งเดียวกับพ่อ”—ยอห์น 10:37, 38
พอคนยิวได้ยินอย่างนั้นก็พยายามจะจับพระเยซู แต่ท่านก็หนีไปได้อีกครั้ง พระเยซูออกจากเยรูซาเล็มและข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปบริเวณที่ยอห์นเคยให้บัพติศมาเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งคงไม่ไกลจากตอนใต้ของทะเลกาลิลี
ฝูงชนมาหาพระเยซูอีกและพูดว่า “ยอห์นไม่เคยทำการอัศจรรย์สักอย่าง แต่สิ่งที่ยอห์นพูดถึงผู้ชายคนนี้ถูกหมดทุกอย่าง” (ยอห์น 10:41) ดังนั้น หลายคนจึงมีความเชื่อในตัวท่าน