คุณหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของคุณไหม?
“พระยะโฮวาจะไถ่ชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์ ทุกคนที่หวังพึ่งพระองค์จะไม่มีความผิดเลย”—สดุดี 34:22
1. บาปทำให้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าหลายคนรู้สึกอย่างไร?
อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ว่า “ผมนี่น่าสมเพชจริง ๆ” (โรม 7:24) ทุกวันนี้ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวาหลายคนรู้สึกท้อและเป็นทุกข์เหมือนเปาโล ทำไม? เพราะแม้เราอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ แต่เราเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์แบบ เราจึงรู้สึกไม่ดีเมื่อไม่ได้ทำให้พระองค์พอใจ คริสเตียนบางคนที่ทำบาปร้ายแรงถึงกับรู้สึกว่าพระยะโฮวาไม่มีวันที่จะให้อภัยเขาจริง ๆ
2. (ก) สดุดี 34:22 ช่วยให้เรามั่นใจอย่างไรว่าผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดมากเกินไป? (ข) เราจะเรียนอะไรในบทความนี้? (ดูกรอบ “เป็นบทเรียนหรือเป็นภาพหมายถึง?” ด้วย)
2 คัมภีร์ไบเบิลรับรองกับเราว่าถ้าเราหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัย เราก็ไม่ต้องรู้สึกผิดมากเกินไป (อ่านสดุดี 34:22) แต่การหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยหมายความว่าอย่างไร? เราต้องทำอะไรถ้าเราอยากให้พระยะโฮวาเมตตาและให้อภัยเรา? เราจะได้คำตอบจากการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดเตรียมเรื่องเมืองลี้ภัยในอิสราเอลโบราณ การจัดเตรียมนี้มีอยู่ในสัญญาเกี่ยวกับกฎหมาย ถึงสัญญานี้จะถูกแทนที่ไปแล้วในวันเพ็นเทคอสต์ปี 33 แต่พระยะโฮวาเป็นผู้ตั้งกฎหมายนี้ขึ้น ดังนั้น การจัดเตรียมเรื่องเมืองลี้ภัยจะช่วยให้เรารู้ว่าพระยะโฮวามองการทำบาป คนที่ทำบาป และคนที่กลับใจอย่างไร ก่อนอื่นให้เรามาดูว่าทำไมพระยะโฮวาจัดเตรียมให้มีเมืองลี้ภัย
“ให้เลือกเมืองลี้ภัย”
3. ชาวอิสราเอลต้องทำอะไรกับฆาตกร?
3 พระยะโฮวาถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากถ้ามีใครถูกฆ่า ถ้าชาวอิสราเอลฆ่าใครบางคนโดยเจตนา “คนที่มีสิทธิ์แก้แค้น” ซึ่งก็คือญาติใกล้ชิดที่สุดที่เป็นผู้ชายจะฆ่าฆาตกรคนนั้น (กันดารวิถี 35:19) การทำแบบนี้เป็นการชดใช้ชีวิตให้กับคนบริสุทธิ์ที่ต้องตายไป และถ้าไม่จัดการกับฆาตกรโดยเร็ว แผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะแปดเปื้อนและไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป พระยะโฮวาสั่งว่า “พวกเจ้าอย่าทำให้แผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่แปดเปื้อน” โดยการฆ่าคน—กันดารวิถี 35:33, 34
4. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าชาวอิสราเอลทำให้ใครบางคนตายโดยไม่เจตนา?
4 แต่ถ้าชาวอิสราเอลทำให้ใครบางคนตายโดยไม่เจตนาล่ะ? ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เขาก็ยังมีความผิดที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ (ปฐมกาล 9:5) ในกรณีแบบนี้ พระยะโฮวาบอกว่าคนนั้นสมควรได้รับความเมตตา คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาสามารถหนีจากคนที่มีสิทธิ์แก้แค้นและไปที่เมืองลี้ภัยเมืองใดเมืองหนึ่งซึ่งมี 6 เมือง ถ้าเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองนั้นเขาจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง แต่เขาต้องอยู่ในเมืองนั้นจนกว่ามหาปุโรหิตจะตาย—กันดารวิถี 35:15, 28
5. ทำไมการจัดเตรียมเรื่องเมืองลี้ภัยช่วยเราให้รู้จักพระยะโฮวาดีขึ้น?
5 การจัดเตรียมเรื่องเมืองลี้ภัยไม่ได้มาจากความคิดของมนุษย์ แต่มาจากพระยะโฮวา พระองค์สั่งโยชูวาให้ไปบอกชาวอิสราเอลว่า “ให้เลือกเมืองลี้ภัย” เมืองเหล่านี้จึง ‘ถูกกันไว้’ เป็นพิเศษ (โยชูวา 20:1, 2, 7, 8) เนื่องจากพระยะโฮวาเป็นผู้จัดเตรียมเมืองลี้ภัยหรือกันเมืองเหล่านี้ไว้ ดังนั้น การที่เราเรียนเรื่องเมืองลี้ภัยจะช่วยเรารู้จักพระยะโฮวามากขึ้น เช่น ช่วยเราให้เข้าใจความเมตตาของพระยะโฮวาดีขึ้น และสอนให้รู้ว่าเราจะหวังพึ่งพระองค์และให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของเราได้อย่างไร
เขาต้อง “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกผู้นำในเมืองนั้นฟัง”
6, 7. (ก) พวกผู้นำมีบทบาทอย่างไรในเรื่องการตัดสินคดีคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนา? (ดูภาพแรก) (ข) ทำไมจึงเป็นเรื่องฉลาดที่คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาต้องไปพูดกับพวกผู้นำ?
6 ถ้าชาวอิสราเอลคนหนึ่งฆ่าคนโดยไม่เจตนา เขาต้องรีบไปที่เมืองลี้ภัยและ “ไปยืนที่ทางเข้าประตูเมือง แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกผู้นำในเมืองนั้นฟัง” พวกผู้นำต้องรับคนนั้นเข้าไปในเมืองและให้ที่พักกับเขา (โยชูวา 20:4) หลังจากนั้น พวกผู้นำจะส่งเขากลับไปเมืองที่เกิดเหตุเพื่อให้พวกผู้นำที่นั่นตัดสินคดี (อ่านกันดารวิถี 35:24, 25) ถ้าหากพวกผู้นำตัดสินว่าการตายนั้นเป็นอุบัติเหตุจริง พวกเขาจะส่งคนนั้นกลับไปเมืองลี้ภัยที่เขาหนีไปอาศัยอยู่
7 ทำไมคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาต้องไปพูดกับพวกผู้นำ? พวกผู้นำมีหน้าที่รักษาชาติอิสราเอลให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ และช่วยให้คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาได้รับความเมตตาจากพระยะโฮวา นักวิชาการด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งเขียนว่า ถ้าผู้ลี้ภัยไม่ไปหาพวกผู้นำ เขาก็อาจจะถูกฆ่า และถ้าเขาถูกฆ่าตายก็โทษใครไม่ได้เพราะเขาเลือกเองที่จะไม่ทำตามสิ่งที่พระเจ้าสั่ง คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาต้องขอความช่วยเหลือและเชื่อฟังเพื่อจะรอดชีวิต ถ้าเขาไม่ไปเมืองลี้ภัยเมืองใดเมืองหนึ่ง ญาติใกล้ชิดที่สุดของคนที่เขาฆ่าก็จะสามารถฆ่าเขาโดยไม่มีความผิด
8, 9. ทำไมคริสเตียนที่ทำบาปร้ายแรงต้องไปคุยกับผู้ดูแล?
8 ทุกวันนี้ คริสเตียนที่ทำบาปร้ายแรงต้องไปหาผู้ดูแล เพื่อผู้ดูแลจะช่วยเขาให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาเหมือนเดิม ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญมาก? เพราะว่า (1) พระยะโฮวาแต่งตั้งผู้ดูแลให้จัดการกับการทำบาปร้ายแรง (ยากอบ 5:14-16) (2) ผู้ดูแลจะช่วยคนทำบาปที่กลับใจให้ได้รับการยอมรับจากพระยะโฮวาอีกครั้ง และไม่กลับไปทำบาปซ้ำอีก (กาลาเทีย 6:1; ฮีบรู 12:11) (3) ผู้ดูแลได้รับการแต่งตั้งและถูกฝึกมาเพื่อให้กำลังใจคนทำบาปที่กลับใจและช่วยคนนั้นให้ไม่ต้องเจ็บปวดใจและรู้สึกผิดอีก พระยะโฮวาเรียกผู้ดูแลว่าเป็น “ที่หลบaให้พ้นพายุฝน” (อิสยาห์ 32:1, 2) การจัดเตรียมนี้เป็นวิธีหนึ่งที่แสดงว่าพระยะโฮวาเมตตาเราจริง ๆ
9 ผู้รับใช้ของพระเจ้าหลายคนรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้คุยกับผู้ดูแลและรับความช่วยเหลือจากพวกเขา ตัวอย่างเช่น พี่น้องคนหนึ่งชื่อแดเนียลได้ทำบาปร้ายแรง แต่หลายเดือนผ่านไปเขาก็ไม่ยอมไปหาผู้ดูแลสักที เขาบอกว่า “เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว ผมเลยคิดว่ามันสายไปแล้วที่จะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล” แต่เขาก็รู้สึกกลัวตลอดเวลาว่าจะมีใครรู้ว่าเขาทำผิด และพอเขาอธิษฐานทีไรก็ต้องเริ่มต้นด้วยการขอโทษพระยะโฮวาทุกครั้ง ในที่สุด เขาขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแล เมื่อมองย้อนกลับ เขาพูดว่า “ผมกลัวจริง ๆ ที่จะไปคุยกับผู้ดูแล แต่พอได้คุยแล้ว มันรู้สึกเหมือนมีใครเอาของหนักออกจากบ่าผม” แดเนียลกลับมาอธิษฐานถึงพระยะโฮวาได้อย่างสบายใจอีกครั้ง ไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจเขา และเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้เป็นผู้ช่วยงานรับใช้
“เขาจะหนีไปที่เมืองไหนก็ได้ในเมืองต่าง ๆ นั้น”
10. คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาต้องทำอะไรเพื่อที่จะได้รับการให้อภัย?
10 คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาต้องรีบหนีไปเมืองลี้ภัยที่ใกล้ที่สุดเพื่อจะได้รับการให้อภัย (อ่านโยชูวา 20:4) เขาจะรอดชีวิตก็ต่อเมื่อไปถึงเมืองนั้นและอยู่ที่นั่นจนกว่ามหาปุโรหิตจะตาย เขาต้องยอมสละทั้งงาน บ้านที่สะดวกสบาย และอิสระที่จะไปไหนมาไหนb แต่มันคุ้มแน่นอน (กันดารวิถี 35:25) คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาจะต้องอยู่ในเมืองนั้นต่อ ๆ ไป ถ้าเขาออกจากเมืองนั้นก็แสดงว่าเขาไม่รู้สึกผิดที่ไปฆ่าคนตาย และชีวิตของเขาก็จะอยู่ในอันตรายแน่ ๆ
11. คริสเตียนที่กลับใจจะแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเขาเห็นค่าความเมตตาของพระยะโฮวา?
11 ในทุกวันนี้ คนทำผิดที่กลับใจต้องทำบางอย่างด้วยเหมือนกันเพื่อจะได้รับการอภัยจากพระเจ้า เขาต้องเลิกทำผิด ซึ่งหมายถึงเขาต้องระวังที่จะไม่ทำอะไรก็ตามที่นำไปสู่การทำผิดร้ายแรงด้วย อัครสาวกเปาโลบอกให้รู้ว่าคริสเตียนที่กลับใจในเมืองโครินธ์ได้ทำอะไร เขาเขียนว่า “ความเสียใจแบบที่พระเจ้าพอใจนี่แหละที่ทำให้พวกคุณตั้งใจจริง ๆ ที่จะทำให้ตัวเองพ้นคำตำหนิ ทำให้พวกคุณโกรธตัวเองที่ได้ทำผิดไป ทำให้กลัว ทำให้อยากจะกลับใจจริง ๆ ทำให้กระตือรือร้น และลงมือแก้ไขความผิด” (2 โครินธ์ 7:10, 11) ดังนั้น ถ้าเราทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อเลิกทำผิด เราทำให้พระยะโฮวาเห็นว่า เราไม่ได้มองข้ามความผิดที่เราทำและไม่ได้คิดว่าพระยะโฮวาจะเมตตาเราโดยอัตโนมัติ
12. คริสเตียนอาจต้องยอมสละอะไรบ้างเพื่อพระยะโฮวาจะเมตตาเขาต่อ ๆ ไป?
12 คริสเตียนอาจต้องยอมสละอะไรบ้างเพื่อพระยะโฮวาจะเมตตาเขาต่อ ๆ ไป? เขาต้องพร้อมจะยอมสละแม้แต่สิ่งที่เขาชอบถ้าสิ่งนั้นอาจทำให้เขาทำผิด (มัทธิว 18:8, 9) ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีเพื่อนและการคบกับพวกเขาอาจทำให้คุณทำสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ คุณจะเลิกคบพวกเขาไหม? ถ้าคุณรู้สึกยากที่จะควบคุมการดื่มเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุณจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้คุณดื่มมากเกินไปไหม? ถ้าคุณรู้สึกยากที่จะควบคุมความต้องการที่จะทำผิดศีลธรรมทางเพศ คุณจะหลีกเลี่ยงหนัง เว็บไซต์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้คุณมีความคิดที่ไม่สะอาดไหม? ขอจำไว้ว่า การยอมสละอะไรก็ตามเพื่อจะเชื่อฟังกฎหมายของพระยะโฮวาคุ้มค่าแน่นอน ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าความรู้สึกที่ว่าพระยะโฮวาไม่ยอมรับเรา และก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าความรู้สึกที่ว่าพระยะโฮวา ‘รักเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด’—อิสยาห์ 54:7, 8
“เมืองพวกนั้นจะเป็นเมืองที่พวกเจ้าใช้ลี้ภัย”
13. ขออธิบายว่าทำไมคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาสามารถรู้สึกมั่นคงปลอดภัยและมีความสุขเมื่ออยู่ในเมืองลี้ภัย
13 ทันทีที่คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาเข้าไปในเมืองลี้ภัย เขาก็จะปลอดภัย พระยะโฮวาบอกว่า “เมืองพวกนั้นจะเป็นเมืองที่พวกเจ้าใช้ลี้ภัย” (โยชูวา 20:2, 3) พระองค์ไม่ได้สั่งว่าคนที่ถูกตัดสินคดีไปแล้วจะต้องถูกตัดสินคดีเดิมซ้ำอีก และคนที่มีสิทธิ์แก้แค้นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองนั้นเพื่อจะฆ่าเขา เมื่อคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาอยู่ในเมืองลี้ภัย เขาอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของพระยะโฮวา ชีวิตของเขาไม่ได้เหมือนกับอยู่ในคุก เขายังทำงาน ช่วยคนอื่น และรับใช้พระยะโฮวาอย่างปลอดภัยและไม่ต้องกังวลอะไร เขามีชีวิตที่มีความสุขได้จริง ๆ
14. คริสเตียนที่กลับใจแล้วมั่นใจได้ในเรื่องอะไร?
14 ผู้รับใช้พระเจ้าบางคนที่ทำบาปร้ายแรงยังคงรู้สึกผิดอยู่แม้ว่าเขาได้กลับใจแล้ว บางคนถึงกับรู้สึกว่าพระยะโฮวาไม่มีทางลืมความผิดของเขา ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ ขอให้มั่นใจว่าเมื่อพระองค์ให้อภัยคุณ พระองค์ก็ให้อภัยคุณจริง ๆ และไม่จดจำความผิดนั้นอีกเลย คุณไม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอด แดเนียลที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกแบบนั้น หลังจากที่ผู้ดูแลได้จัดการเรื่องของเขาและช่วยเขาให้สบายใจและไม่มีความรู้สึกผิดมารบกวนใจ เขารู้สึกดีขึ้นมาก เขาบอกว่า “ผมไม่รู้สึกผิดอีกแล้ว ถ้าพระเจ้าให้อภัยแล้ว ผมก็ไม่ต้องเก็บมันมาคิดอีก เหมือนที่พระยะโฮวาพูดไว้ว่า พระองค์จะเอาเรื่องหนักใจของคุณโยนทิ้งไปให้ไกล ไกลจนคุณมองไม่เห็นมันอีกเลย” หลังจากที่คนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาอยู่ในเมืองลี้ภัย เขาก็ไม่ต้องกลัวคนที่มีสิทธิ์แก้แค้นจะมาตามฆ่าเขาอีก คล้ายกัน หลังจากที่พระยะโฮวาให้อภัยบาปเราแล้ว เราก็ไม่ต้องกลัวว่าพระองค์จะรื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาหรือเอาเรื่องนั้นมาลงโทษเราอีก—อ่านสดุดี 103:8-12
15, 16. ทำไมการรู้ว่าพระเยซูเป็นมหาปุโรหิตและการที่ท่านให้ชีวิตเป็นค่าไถ่จึงทำให้เรามั่นใจในความเมตตาของพระเจ้ามากขึ้น?
15 ที่จริง เรามีเหตุผลมากกว่าชาวอิสราเอลที่จะมั่นใจในความเมตตาของพระยะโฮวา หลังจากที่เปาโลพูดว่า เขาเป็นคน “น่าสมเพช” เพราะเขาไม่ได้ทำตามที่พระยะโฮวาบอกทุกอย่าง เขาก็พูดอีกว่า “ขอขอบคุณพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นนายของเรา” (โรม 7:25) เปาโลหมายความว่าอย่างไร? แม้ว่าในอดีตเปาโลได้ทำบาปและเขาก็ยังต้องต่อสู้กับความต้องการผิด ๆ อยู่ แต่เขามั่นใจว่าพระยะโฮวาให้อภัยเขาโดยอาศัยค่าไถ่ของพระเยซูเพราะเขากลับใจแล้ว เราเองก็เหมือนกัน เนื่องจากพระเยซูจ่ายค่าไถ่ไปแล้ว เราจึงไม่ต้องมีความรู้สึกผิดมารบกวนใจ เรารู้สึกสงบใจและสบายใจได้ (ฮีบรู 9:13, 14) ในฐานะมหาปุโรหิตของเรา พระเยซู “ช่วยคนที่เข้าหาพระเจ้าผ่านทางท่านให้รอดได้อย่างสมบูรณ์ เพราะท่านมีชีวิตอยู่และอ้อนวอนแทนพวกเขาได้เสมอ” (ฮีบรู 7:24, 25) ในสมัยโบราณ มหาปุโรหิตช่วยชาวอิสราเอลให้มั่นใจว่า พระยะโฮวาให้อภัยบาปของพวกเขา ในปัจจุบัน พระเยซูมหาปุโรหิตของเราก็ช่วยให้เรามีเหตุผลมากกว่านั้นอีกที่จะมั่นใจว่า “เราจะได้รับความเมตตาและความกรุณานั้นจากพระองค์เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ”—ฮีบรู 4:15, 16
16 เมื่อเราหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของเรา เราต้องเชื่อในค่าไถ่ของพระเยซู คุณต้องไม่คิดแค่ว่าค่าไถ่นั้นเป็นประโยชน์กับมนุษย์ทุกคน แต่คุณต้องคิดว่าค่าไถ่นั้นเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง (กาลาเทีย 2:20, 21) ขอให้เชื่อว่าเพราะค่าไถ่ พระยะโฮวาจึงให้อภัยบาปคุณ และขอให้เชื่อว่าเพราะค่าไถ่ คุณจะมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป ค่าไถ่ของพระเยซูเป็นของขวัญที่พระยะโฮวาให้คุณ
17. ทำไมคุณอยากหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของคุณ?
17 เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลี้ภัยช่วยเราให้เข้าใจความเมตตาของพระยะโฮวา การจัดเตรียมของพระเจ้าเรื่องนี้สอนเราว่าชีวิตศักดิ์สิทธิ์ และยังช่วยให้เรารู้ว่าผู้ดูแลช่วยเราได้อย่างไร การกลับใจที่แท้จริงเป็นอย่างไร และทำไมเราถึงมั่นใจได้เต็มร้อยว่าพระยะโฮวาให้อภัยเรา แล้วคุณล่ะ? คุณหวังพึ่งพระยะโฮวาและให้พระองค์เป็นที่ลี้ภัยของคุณไหม? ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะปลอดภัยยิ่งไปกว่านี้ (สดุดี 91:1, 2) ในบทความหน้า เราจะดูว่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลี้ภัยนี้ช่วยเราอย่างไรให้เลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมของการแสดงความยุติธรรมและความเมตตา
a คำนี้ในภาษาเดิมอาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ที่ลี้ภัย”
b ตามที่แหล่งอ้างอิงของนักวิชาการชาวยิวบอกไว้ ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับคนที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนาจะมาอยู่ในเมืองลี้ภัยกับเขาด้วย