เหตุใดจึงรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพ?
“ลูกเล็ก ๆ ทั้งหลาย, จงรักษาตัวให้พ้นจากรูปเคารพ.”—1 โยฮัน 5:21, ล.ม.
1. เหตุใดการนมัสการของพระยะโฮวาจึงปลอดจากการบูชารูปเคารพ?
พระยะโฮวาไม่ใช่รูปที่ทำด้วยโลหะ, ไม้, หรือหิน. พระองค์ย่อมไม่สถิตในโบสถ์วิหารใด ๆ ทางแผ่นดินโลก. เนื่องจากพระองค์เป็นพระวิญญาณทรงฤทธานุภาพทุกประการ ไม่ประจักษ์แก่ตามนุษย์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะประดิษฐ์รูปจำลองขึ้นมาแทนพระองค์. ดังนั้น การนมัสการพระยะโฮวาอย่างบริสุทธิ์จึงต้องไม่มีรูปเคารพเข้ามาเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง.—เอ็กโซโด 33:20; กิจการ 17:24; 2 โกรินโธ 3:17.
2. คำถามอะไรนับว่าเหมาะที่เราพึงพิจารณา?
2 ถ้าคุณเป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา คุณอาจจะถามทำนองนี้ ‘การบูชารูปเคารพคืออะไร? ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในอดีตสามารถหลีกเลี่ยงการบูชารูปเคารพได้โดยวิธีใด? และเหตุใดจึงรักษาตัวให้พ้นจากรูปเคารพในทุกวันนี้?’
สิ่งที่เป็นการบูชารูปเคารพ
3, 4. อาจนิยามการบูชารูปเคารพอย่างไร?
3 กล่าวโดยทั่วไป การบูชารูปเคารพเกี่ยวข้องกับพิธีตามแบบแผนหรือพิธีทางศาสนา. การบูชารูปเคารพเป็นการแสดงความเคารพนับถือ, ความรัก, การนมัสการ, หรือการบูชารูปเคารพ. และรูปเคารพคืออะไร? คือรูปจำลอง, สิ่งที่มาแทนอะไรบางอย่าง, หรือสัญลักษณ์ อันเป็นสิ่งที่ถูกเพ่งเล็งด้วยความศรัทธา. ปกติแล้ว การไหว้รูปเคารพเป็นการมุ่งไปยังอำนาจที่สูงกว่าที่มีจริง หรือสมมุติขึ้นซึ่งเชื่อกันว่าคงสภาพมีชีวิต (มนุษย์, สัตว์, หรือองค์การ). แต่การไหว้รูปเคารพอาจถือปฏิบัติกันต่อสิ่งที่ปราศจากชีวิตด้วยเช่นกัน (พลังหรือสิ่งธรรมชาติที่ไม่มีชีวิต).
4 ในคัมภีร์ไบเบิล คำภาษาฮีบรูที่พาดพิงถึงรูปเคารพมักจะเน้นความไร้แก่นสาร, หรืออยู่ในกลุ่มคำแสดงการดูถูกดูหมิ่น. จากจำนวนคำเหล่านี้มีคำที่ได้รับการแปลว่า “รูปแกะสลัก” (ตามตัวอักษร, สิ่งที่แกะสลักขึ้นมา); “รูปหล่อ, รูปจำลอง, หรือรูปเคารพ” (สิ่งที่หล่อขึ้นหรือเทลงในเบ้า); “เทวรูปที่น่ากลัว”; “รูปเคารพอันหาประโยชน์อะไรมิได้” (ตามตัวอักษร, ปราศจากแก่นสาร); และ “รูปเคารพที่ก่อความรู้สึกสะอิดสะเอียน.” คำภาษากรีก ไอʹโดลอน ได้รับการแปลว่า “รูปเคารพ.”
5. ทำไมจึงกล่าวได้ว่าไม่ใช่รูปจำลองทุกอย่างเป็นรูปเคารพ?
5 ไม่ใช่ว่ารูปจำลองทุกอย่างเป็นรูปเคารพ. พระเจ้าพระองค์เองทรงสั่งชาวยิศราเอลให้ทำคะรูปทองคำสองอันไว้สำหรับหีบแห่งคำสัญญา และให้ปักภาพแสดงถึงกายวิญญาณเหล่านั้นลงบนผ้าสิบผืนภายในพลับพลา และบนม่านที่แบ่งพลับพลาระหว่างที่บริสุทธิ์กับที่บริสุทธิ์ที่สุด. (เอ็กโซโด 25:1, 18; 26:1, 31-33) เฉพาะพวกปุโรหิตปฏิบัติหน้าที่โดยตำแหน่งได้เห็นสิ่งเหล่านี้ซึ่งประการแรกหมายถึงคะรูปทางภาคสวรรค์. (เทียบกับเฮ็บราย 9:24, 25.) ประจักษ์ชัดว่าสิ่งที่หมายถึงคะรูป ณ พลับพลานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะต้องเคารพบูชา เพราะเหล่าทูตสวรรค์ที่ชอบธรรมย่อมจะไม่ยอมรับการนมัสการ.—โกโลซาย 2:18; วิวรณ์ 19:10; 22:8, 9.
ทัศนะของพระยะโฮวาต่อการบูชารูปเคารพ
6. พระยะโฮวาทรงมีทัศนะเช่นไรในเรื่องการบูชารูปเคารพ?
6 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวารักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพ เนื่องจากพระองค์ต่อต้านกิจปฏิบัติทุกอย่างที่เกี่ยวกับการบูชารูปเคารพ. พระเจ้าทรงบัญชาห้ามชาวยิศราเอลไม่ให้ประดิษฐ์รูปจำลองใด ๆ เพื่อเป็นสิ่งเคารพบูชาและนมัสการรูปเหล่านั้น. พระบัญชานี้มีปรากฏในพระบัญญัติสิบประการด้วยถ้อยความที่ว่า “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน, เป็นสันฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องบน, หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง, หรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน, อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น; ด้วยเราคือยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นผู้หวงแหน, ให้โทษของบิดาที่ชังเรานั้นติดเนื่องจนถึงลูกหลานกระทั่งสามสี่ชั่วอายุคน; แต่แสดงความกรุณาแก่ผู้ที่รักเรา, และรักษาบัญญัติของเรา, ถึงหลายพันชั่วอายุ.”—เอ็กโซโด 20:4-6.
7. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาทรงต่อต้านการบูชารูปเคารพทุกรูปแบบ?
7 เพราะเหตุใดพระยะโฮวาถึงต่อต้านการบูชารูปเคารพทุกรูปแบบ? ประการแรก เพราะพระองค์ทรงเรียกร้องความเลื่อมใสเฉพาะ ดังแสดงให้เห็นแล้วข้างบนในข้อที่สองแห่งพระบัญญัติสิบประการ. ยิ่งกว่านั้น พระองค์ได้ตรัสผ่านยะซายาผู้พยากรณ์ของพระองค์ดังนี้: “เราคือยะโฮวา, นามนี้เป็นนามของเรา; และสง่าราศีของเรา ๆ จะไม่ยกให้แก่ผู้ใด, หรือมิให้คำสดุดีของเราไปตกอยู่กับรูปแกะสลัก.” (ยะซายา 42:8) สมัยหนึ่ง การไหว้รูปเคารพกลายเป็นกับดักแก่ชาติยิศราเอลถึงขนาดที่พวกเขา “ได้พาบุตรชายหญิงของตนมาฆ่าบูชาพวกปีศาจ.” (บทเพลงสรรเสริญ 106:36, 37) คนบูชารูปเคารพไม่เพียงแต่ปฏิเสธพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ แต่ยังได้ส่งเสริมผลประโยชน์ของซาตานและเหล่าภูตผี ซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญของพระองค์อีกด้วย.
ภักดีภายใต้การทดลอง
8. ชายฮีบรูสามคนได้แก่ซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโคเผชิญการทดลองอะไร?
8 ความภักดีต่อพระยะโฮวาทำให้เรารักษาตัวพ้นจากการบูชารูปเคารพด้วย. ข้อนี้มีอุทาหรณ์แสดงโดยเหตุการณ์ซึ่งบันทึกไว้ที่พระธรรมดานิเอลบท 3. เพื่อทำพิธีฉลองรูปปั้นทองคำมหึมาที่พระองค์จัดตั้งขึ้นนั้น กษัตริย์นะบูคัศเนซัรแห่งบาบูโลนได้มีรับสั่งให้ข้าราชการทั่วจักรภพมาชุมนุมกัน. คำสั่งของกษัตริย์รวมเอาซัดรัค, เมเซ็ค, และอะเบ็ดนะโค—ผู้ว่าราชการชาวฮีบรูทั้งสามคนซึ่งมีอำนาจตัดสินคดีในกรุงบาบูโลน. ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั่นได้รับคำสั่งให้ก้มลงกราบนมัสการรูปเคารพทองคำเมื่อเสียงบรรเลงดนตรีดังขึ้น. ทั้งนี้เป็นความพยายามของซาตาน พระเจ้าตัวจริงของบาบูโลนที่จะให้ชาวฮีบรูสามคนก้มกราบตรงหน้ารูปเคารพอันหมายถึงจักรภพบาบูโลน. ลองนึกภาพคุณอยู่ในเหตุการณ์นั้น.
9, 10. (ก) ชายฮีบรูทั้งสามยืนหยัดอยู่ฝ่ายไหน และพวกเขาได้รับบำเหน็จอย่างไร? (ข) พยานพระยะโฮวาสามารถรับการหนุนใจอะไรจากแนวทางของชายฮีบรูสามคนนั้น?
9 ดูซิ! ชาวฮีบรูสามคนยืนอยู่. เขารำลึกถึงพระบัญญัติของพระเจ้าที่ห้ามการทำและปฏิบัติรูปเคารพหรือรูปแกะสลัก. นะบูคัสเนซัรยื่นคำขาด—กราบลง มิฉะนั้นต้องตาย! แต่ด้วยความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระยะโฮวา พวกเขากล่าวว่า “ถ้าจะเป็นว่า พระเจ้าของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายรับใช้อยู่นั้นทรงสามารถช่วยข้าพเจ้าได้. พระองค์จะทรงช่วยพวกข้าพเจ้ารอดจากเตาไฟ และรอดจากเงื้อมพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท. แต่ถ้าไม่ ขอฝ่าพระบาททรงทราบ, ข้าแต่ราชา, พระเจ้าของฝ่าพระบาท หาใช่พระเจ้าที่พวกข้าพเจ้ารับใช้ไม่ และรูปเคารพทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้นั้นพวกข้าพเจ้าจะไม่นมัสการ.”—ดานิเอล 3:16-18, ล.ม.
10 ผู้รับใช้เหล่านี้ที่ภักดีต่อพระเจ้าจึงถูกจับโยนลงในเตาไฟที่ร้อนจัด. นะบูคัสเนซัรทรงประหลาดพระทัยเมื่อเห็นสี่คนเดินอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ จึงตรัสเรียกชายฮีบรูสามคนให้ออกมาจากเตาไฟ และพวกเขาได้ออกมาโดยไม่เป็นอะไรเลย. ทันใดนั้นเอง กษัตริย์ก็อุทานว่า “พระเจ้าของซัดรัค, เมเซ็ดและอะเบ็ดนะโค, จงจำเริญเถิด; พระองค์ได้ใช้ทูตของพระองค์ [บุคคลที่สี่ในเตาไฟ] ให้มาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่ได้ไว้วางใจในพระองค์ให้รอดได้, และเขาได้ทำให้วาจาของกษัตริย์เหลวไป, โดยสู้ยอมพลีร่างของเขาเสียดีกว่าที่จะยอมปรนนิบัติหรือนมัสการพระใด ๆ, นอกจากพระเจ้าของตนเอง . . . ไม่มีพระเจ้าองค์ใดที่สามารถช่วยในเรื่องทำนองนี้ให้รอดได้.” (ดานิเอล 3:28, 29) การรักษาความซื่อสัตย์ภักดีของชาวฮีบรูสามคนเหล่านั้นได้เป็นสิ่งหนุนกำลังใจแก่พยานพระยะโฮวาสมัยปัจจุบันที่จะภักดีต่อพระเจ้า, รักษาความเป็นกลางต่อโลก, และหลีกเลี่ยงการบูชารูปเคารพ.—โยฮัน 17:16.
รูปเคารพแพ้คดีในศาล
11, 12. (ก) ยะซายาบันทึกอะไรไว้เกี่ยวข้องกับพระยะโฮวาและพระทั้งปวงซึ่งเป็นรูปเคารพ? (ข) พระทั้งปวงของชนนานาประเทศเป็นไปประการใดเมื่อได้รับการท้าจากพระยะโฮวา?
11 เหตุผลอีกประการหนึ่งที่พึงรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพคือ การนมัสการรูปเคารพไม่มีประโยชน์. แม้รูปเคารพบางอย่างที่มนุษย์ทำขึ้นดูคล้ายกับว่ามีชีวิต—บ่อยครั้งมีปาก, มีตา, และหู—รูปเหล่านั้นไม่สามารถพูด, มองเห็น, หรือได้ยิน และรูปเหล่านั้นไม่สามารถทำสิ่งใด ๆ เพื่อผู้ที่นมัสการรูปนั้น ๆ. (บทเพลงสรรเสริญ 135:15-18) ข้อนี้เป็นที่ประจักษ์ในศตวรรษที่แปดก่อนสากลศักราช เมื่อผู้พยากรณ์ของพระเจ้าได้บันทึกไว้ที่ยะซายา 43:8-28 ซึ่งที่จริงแล้วเป็นคดีความระหว่างพระยะโฮวากับพระเจ้าต่าง ๆ ที่เป็นรูปเคารพ. ในคดีนี้ ชาวยิศราเอลไพร่พลของพระเจ้าอยู่ฝ่ายหนึ่งและชาวโลกของชาติต่าง ๆ อยู่อีกฝ่ายหนึ่ง. พระยะโฮวาทรงท้าพระเท็จแห่งนานาชาติให้เขานำพยานมา “สำแดงสิ่งที่แล้ว ๆ มา” คือพยากรณ์อย่างแม่นยำ. ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้. แล้วพระยะโฮวาได้ทรงกล่าวแก่ไพร่พลของพระองค์ดังนี้: “เจ้าก็เป็นพยานของเรา . . . ว่าเราเป็นพระเจ้าของเจ้า.” ชนประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพระเจ้าของตนดำรงสภาพอยู่ก่อนพระยะโฮวา หรือสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้. แต่พระยะโฮวาได้ตรัสไว้ล่วงหน้าถึงความพินาศย่อยยับของบาบูโลน ทั้งการปลดปล่อยไพร่พลของพระองค์ที่ตกเป็นเชลย.
12 นอกจากนั้น ผู้รับใช้ของพระเจ้าที่รับการช่วยให้รอดจะบอกว่า ดังที่พรรณนาไว้ที่ยะซายา 44:1-8 พวกตน “เป็นคนของพระยะโฮวา.” ส่วนพระองค์ก็ตรัสดังนี้: “เราเป็นเบื้องต้น, และเราเป็นเบื้องปลาย, และนอกจากเรา [พระเจ้า] ไม่มีเลย.” ไม่มีการโต้แย้งจากบรรดาพระอันเป็นรูปเคารพ. พระยะโฮวาตรัสเสริมเกี่ยวกับไพร่พลของพระองค์อีกว่า “เจ้าก็ได้เป็นพยานให้เรา, นอกจากเรายังมีพระเจ้าอื่น, และยังมีศิลาใดที่เราไม่รู้จักหรือ?”
13. การบูชารูปเคารพแสดงถึงอะไรเกี่ยวกับพวกที่บูชารูปเคารพเหล่านั้น?
13 อนึ่ง เรารักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพเพราะว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับรูปเคารพส่อถึงการขาดสติปัญญา. ด้วยการนำท่อนหนึ่งของต้นไม้ที่ตนได้เลือก คนบูชารูปเคารพได้ประดิษฐ์พระเจ้าขึ้นนมัสการ, และอีกท่อนหนึ่งเขานำมาเป็นเชื้อเพลิงใช้ในการหุงต้มอาหาร. (ยะซายา 44:9-17) เป็นความโง่เขลาเสียนี่กระไร! คนประดิษฐ์และคนที่เลื่อมใสบูชารูปเคารพย่อมอับอายเช่นเดียวกันเพราะไม่อาจจะให้หลักฐานอันน่าเชื่อพิสูจน์สภาวะความเป็นพระเจ้าแห่งรูปเคารพเหล่านั้น. แต่สภาวะความเป็นพระเจ้าของพระยะโฮวาไม่เป็นที่น่าสงสัย, เพราะพระองค์ไม่เพียงแต่บอกล่วงหน้าเรื่องการปลดปล่อยไพร่พลของพระองค์ออกไปจากบาบูโลน แต่ได้ทรงเป็นต้นเหตุให้มีการปลดปล่อยเช่นนั้นอีกด้วย. กรุงยะรูซาเลมมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัย หัวเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินยูดาได้รับการบูรณะ และ ‘ที่น้ำลึก’ แห่งบาบูโลน—แม่น้ำยูเฟรติส—กลับแห้งขอดไม่ได้เป็นแหล่งป้องกันภัยอีกต่อไป. (ยะซายา 44:18-27) สมจริงดังที่พระเจ้าตรัสพยากรณ์ด้วย ไซรัสแห่งเปอร์เซียได้พิชิตบาบูโลน.—ยะซายา 44:28–45:6.
14. ในศาลสกลโลก อะไรจะได้รับการพิสูจน์ยืนยันอย่างถาวร?
14 พระทั้งปวงที่เป็นรูปเคารพแพ้คดีความในเรื่องสภาวะความเป็นพระเจ้า. และสิ่งที่เคยเกิดแก่บาบูโลนก็จะเกิดอย่างแน่นอนแก่บาบูโลนใหญ่ จักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จ คู่เทียบสมัยปัจจุบัน. บาบูโลนใหญ่รวมทั้งพระทั้งปวง, สิ่งของเครื่องใช้เกี่ยวกับการนมัสการ, และสิ่งต่าง ๆ อันเป็นที่สักการบูชาของบาบูโลนใหญ่ ในไม่ช้านี้จะสิ้นสูญไปชั่วกาลนาน. (วิวรณ์ 17:12–18:8) ในศาลสูงแห่งสกลโลก ถึงตอนนั้นจะมีการพิสูจน์ให้รู้ตลอดไปว่าพระยะโฮวาแต่องค์เดียวเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่และเป็นองค์สัตย์จริง และพระองค์ทรงยังให้คำตรัสเชิงพยากรณ์ของพระองค์สำเร็จสมจริง.
ของถวายบูชาแก่ผีปีศาจ
15. พระวิญญาณบริสุทธิ์และคณะกรรมการปกครองในศตวรรษแรกได้แสดงให้เห็นอะไรในเรื่องไพร่พลของพระยะโฮวาและการบูชารูปเคารพ?
15 อนึ่ง ไพร่พลของพระยะโฮวารักษาตัวให้พ้นจากรูปเคารพเนื่องจากเขาได้รับการชี้นำโดยพระวิญญาณและองค์การของพระเจ้า. คณะกรรมการปกครองผู้รับใช้ของพระยะโฮวาสมัยศตวรรษแรกได้กำชับเพื่อนคริสเตียนด้วยกันดังนี้: “พระวิญญาณบริสุทธิ์และข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นชอบที่จะไม่เพิ่มภาระให้ท่านอีก นอกจากสิ่งจำเป็นเหล่านี้คือ ละเว้นเสมอจากสิ่งของซึ่งเขาได้บูชาแก่รูปเคารพและจากเลือดและจากสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการผิดประเวณี. ถ้าท่านทั้งหลายละเว้นจากสิ่งเหล่านี้อย่างระมัดระวังเสมอ ท่านจะเจริญ. ขอให้ท่านมีสุขภาพดี!”—กิจการ 15:28, 29, ล.ม.
16. คุณจะกล่าวเป็นคำพูดของตัวเองอย่างไรถึงสิ่งที่เปาโลได้พูดเกี่ยวกับของบูชาแก่รูปเคารพ?
16 เหตุผลอีกประการหนึ่งที่พึงรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพคือเพื่อหลีกเลี่ยงลัทธิภูตผีปีศาจ. เกี่ยวกับอาหารมื้อเย็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า อัครสาวกเปาโลบอกคริสเตียนชาวโกรินโธดังนี้: “จงหลีกเลี่ยงจากการไหว้รูปเคารพ . . . . ฝ่ายจอกแห่งความสุขซึ่งเราขอพระพรนั้นเป็นที่ให้เราเข้าส่วนในพระโลหิตของพระคริสต์มิใช่หรือ? ฝ่ายขนมปังซึ่งเราหักนั้นเป็นที่ให้เราเข้าส่วนในพระกายของพระคริสต์มิใช่หรือ? แม้เราเป็นบุคคลหลายคนก็ดี, เราก็ยังเป็นขนมก้อนเดียวและเป็นกายอันเดียวกัน เพราะว่าเราได้รับประทานขนมก้อนเดียวด้วยกันทุกคน. จงพิจารณาดูพวกยิศราเอลตามเนื้อหนัง คนเหล่านั้นซึ่งกินของซึ่งบูชาแล้ว, เขาก็กินเป็นการเข้าส่วนสักการบูชาต่อแท่นมิใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นแล้วจะให้ข้าพเจ้าว่าอย่างไร? เครื่องบูชาที่ถวายรูปเคารพนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์หรือ และรูปเคารพนั้นศักดิ์สิทธิ์หรือ แต่ข้าพเจ้าว่าเครื่องบูชาซึ่งพวกต่างประเทศถวายนั้น, เขาก็ถวายบูชาแก่พวกปีศาจ, ไม่ได้ถวายบูชาแก่พระเจ้า และข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้ท่านทั้งหลายเข้าส่วนสักการบูชากับพวกปีศาจ. ท่านทั้งหลายจะดื่มจากจอกขององค์พระผู้เป็นเจ้าและจากจอกของปีศาจด้วยก็ไม่ได้, จะรับประทานที่โต๊ะขององค์พระผู้เป็นเจ้าและที่โต๊ะของปีศาจด้วยก็ไม่ได้, เราจะอุตส่าห์กระทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอิจฉาหรือ เรามีฤทธิ์มากกว่าพระองค์หรือ?”—1 โกรินโธ 10:14-22.
17. ในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช ภายใต้สภาพการณ์เช่นไรที่คริสเตียนรับประทานเนื้อที่ได้ถวายแก่รูปเคารพได้ และเพราะเหตุใด?
17 ส่วนของสัตว์ที่ถวายเป็นเครื่องบูชาแก่รูปเคารพนั้น ส่วนหนึ่งเป็นของปุโรหิต และพวกที่นำของมาถวายได้รับบางส่วนสำหรับการกินเลี้ยง. อย่างไรก็ดี อาจมีบางส่วนถูกนำออกขายที่ตลาด. ไม่สมควรสำหรับคริสเตียนจะไปยังวิหารที่มีการบูชารูปเคารพเพื่อรับประทานเนื้อ ถึงแม้กินโดยไม่ถือว่าได้ร่วมในพิธีนั้น เพราะอาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นสะดุดได้ หรืออาจนำตัวเองเข้าสู่การนมัสการเท็จก็ได้. (1 โกรินโธ 8:1-13; วิวรณ์ 2:12, 14, 18, 20) การถวายสัตว์แก่รูปเคารพไม่ทำให้เนื้อเปลี่ยนไป ฉะนั้น คริสเตียนจึงซื้อเนื้อนั้นที่ตลาดได้. อนึ่ง เมื่อเขาไปกินอาหารที่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องถามว่าได้เนื้อมาจากที่ไหน. แต่ถ้าบางคนบอกเขาว่า “ของนี้เขาบูชารูปเคารพแล้ว” เขาจะไม่กินเนื้อนั้น เพื่อหลีกเว้นการเป็นเหตุให้คนหนึ่งคนใดสะดุด.—1 โกรินโธ 10:25-29.
18. คนเหล่านั้นที่รับประทานของซึ่งถวายแก่รูปเคารพแล้วจะพาตัวเข้าไปพัวพันกับพวกปีศาจได้อย่างไร?
18 มักจะคิดกันเสมอว่า ภายหลังพิธีการบูชาบวงสรวงแล้ว พระเจ้าสิงอยู่ในเนื้อนั้นแล้วเข้าไปในร่างของคนที่รับประทานเนื้อ ณ งานเลี้ยงของพวกที่ได้นมัสการ. เช่นกับคนที่กินด้วยกันย่อมก่อให้มีการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันฉันใด คนกินเนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นเครื่องบูชาก็มีส่วนร่วมกับแท่นบูชาและกับพวกปีศาจซึ่งรูปเคารพเล็งถึงฉันนั้น. โดยการบูชารูปเคารพดังกล่าว ผีปีศาจกีดกันมนุษย์ไม่ให้ทำการนมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้. (ยิระมะยา 10:1-15) ไม่แปลกเลยที่ไพร่พลของพระยะโฮวาละเว้นทุกอย่างที่ได้บูชาแก่รูปเคารพ! ความภักดีต่อพระเจ้า การยอมรับการชี้นำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์และโดยองค์การของพระองค์ และการตั้งใจแน่วแน่จะหลีกเลี่ยงการเกี่ยวข้องกับลัทธิภูตผีปีศาจก็เป็นเครื่องช่วยอันมีพลังที่จะรักษาตัวให้พ้นจากรูปเคารพในทุกวันนี้เช่นกัน.
เหตุใดการระมัดระวังจึงเป็นสิ่งจำเป็น?
19. การบูชารูปเคารพแบบไหนมีอยู่ในเมืองเอเฟโซโบราณ?
19 คริสเตียนเพียรพยายามรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพเนื่องจากการบูชารูปเคารพมีหลายรูปแบบ, และการบูชารูปเคารพแม้ครั้งเดียวอาจเป็นภัยต่อความเชื่อของเขา. อัครสาวกโยฮันกล่าวเตือนบรรดาเพื่อนร่วมความเชื่อว่า “จงระวังรักษาตัวให้ปราศจากรูปเคารพ.” (1 โยฮัน 5:21) คำแนะนำเช่นนี้จำเป็นเพราะพวกเขาห้อมล้อมไปด้วยการบูชารูปเคารพในรูปแบบต่าง ๆ. โยฮันเขียนจากเมืองเอเฟโซ ที่ซึ่งกิจปฏิบัติด้านคาถาอาคมและเทพนิยายเรื่องเทพเจ้ากำมะลอมีอยู่ดาษดื่น. เมืองเอเฟโซมีหนึ่งในบรรดาสิ่งมหัศจรรย์เจ็ดอย่างของโลก—วิหารอะระเตมี [อาร์เทมิส] เป็นสถานให้ความคุ้มครองพวกอาชญากรและเป็นศูนย์กลางแห่งพิธีการต่าง ๆ อันผิดศีลธรรม. เฮราเคลอิทุสนักปราชญ์แห่งเอเฟโซได้เปรียบเทียบทางเดินอันมืดสลัวไปยังแท่นบูชาประจำวิหารนั้นเสมือนความมืดทึบแห่งความชั่วเลวทราม และเขาให้ความเห็นว่าการประพฤติปฏิบัติด้านศีลธรรมของผู้ที่มีส่วนร่วมกับวิหารนี้เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน. ด้วยเหตุนั้น คริสเตียนชาวเอเฟโซจึงต้องยืนหยัดมั่นคงต้านทานลัทธิภูตผีปีศาจ, การผิดศีลธรรม, และการบูชารูปเคารพ.
20. ทำไมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะหลีกเว้นการไหว้รูปเคารพถึงแม้เพียงนิดเดียว?
20 คริสเตียนจำต้องเข้มแข็งแน่วแน่ที่จะหลีกเลี่ยงการบูชารูปเคารพแม้เพียงนิดเดียว เพราะการยอมนมัสการพญามารครั้งเดียวย่อมสนับสนุนคำท้าทายของมารที่ว่ามนุษย์จะไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเมื่อตกอยู่ภายใต้การทดลอง. (โยบ 1:8-12) เมื่อแสดงให้พระเยซูเห็น “ทุกอาณาจักรของโลกทั้งสง่าราศีของอาณาจักรเหล่านั้น” ซาตานได้บอกว่า “สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเราจะให้ท่าน ถ้าท่านคุกเข่าลงและกราบไหว้ เราสักครั้ง.” การปฏิเสธของพระคริสต์เป็นการเชิดชูพระยะโฮวาในประเด็นเกี่ยวด้วยพระบรมเดชานุภาพและพิสูจน์ว่าพญามารเป็นผู้มุสา.—มัดธาย 4:8-11, ล.ม.; สุภาษิต 27:11.
21. เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิโรมัน คริสเตียนที่ซื่อสัตย์ไม่ยอมทำสิ่งใด?
21 เหล่าสาวกรุ่นแรก ๆ ของพระเยซูก็หาได้ทำการนมัสการอันเป็นการสนับสนุนฝ่ายซาตานไม่. ถึงแม้พวกเขาแสดงความนับถืออย่างสมควรต่อ “ผู้มีอำนาจ” ในทางการปกครอง เขาจะไม่เผาเครื่องหอมสักการะจักรพรรดิโรมัน แม้การปฏิเสธของเขาหมายถึงความตายก็ตาม. (โรม 13:1-7) เกี่ยวกับเรื่องนี้ แดเนียล พี. แมนิกซ์เขียนว่า “มีคริสเตียนไม่กี่คนยอมทำเช่นนั้น, ถึงแม้ปกติแล้วแท่นบูชาพร้อมด้วยไฟลุกโชนอยู่ มักตั้งอยู่ในสนามกีฬาเพื่อความสะดวก. ทั้งหมดที่นักโทษต้องทำก็คือหยิบเครื่องหอมขึ้นมาโปรยลงบนเปลวไฟเท่านั้น และเขาก็ได้ใบรับรองการถวายบูชาแล้วถูกปล่อยตัว. นอกจากนั้น นักโทษยังได้รับการชี้แจงอย่างละเอียดว่าที่เขาทำนั้นไม่ใช่การนมัสการจักรพรรดิ เพียงแต่ยอมรับสถานะจักรพรรดิประมุขรัฐโรมันเสมือนพระเจ้า. กระนั้น แทบไม่มีคริสเตียนถือโอกาสนั้นเพื่อเอาตัวรอดเลย.” (หนังสือคนเหล่านั้นที่จวนจะตาย, หน้า 137, ภาษาอังกฤษ) หากเกิดมีการทดลองคล้าย ๆ กัน คุณจะต้านทานการบูชารูปเคารพทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ไหม?
คุณจะรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพไหม?
22, 23. เพราะเหตุใดคุณควรรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพ?
22 ประจักษ์ชัดว่า คริสเตียนต้องรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพทุกรูปแบบ. พระยะโฮวาทรงเรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ. ชาวฮีบรูซื่อสัตย์สามคนได้เป็นตัวอย่างที่ดีโดยการปฏิเสธไม่บูชารูปเคารพใหญ่มหึมาซึ่งกษัตริย์นะบูคัสเนซัรแห่งบาบูโลนได้ตั้งไว้. คดีในศาลแห่งสกลโลกตามที่ได้บันทึกโดยผู้พยากรณ์ยะซายาแสดงให้เห็นว่า พระยะโฮวาแต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้และทรงพระชนม์อยู่. คริสเตียนพยานของพระองค์ในสมัยต้น ๆ ต้องหลีกเว้นสิ่งต่าง ๆ ซึ่งได้ถวายบูชาแก่รูปเคารพ. ผู้ภักดีหลายคนท่ามกลางเขาไม่ได้พ่ายแพ้ต่อความกดดันที่ให้ทำการบูชารูปเคารพแม้เพียงครั้งเดียวซึ่งจะเป็นการปฏิเสธพระยะโฮวา.
23 ดังนั้นแล้ว โดยส่วนตัวคุณรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพไหม? คุณถวายความเลื่อมใสโดยเฉพาะแด่พระเจ้าไหม? คุณสนับสนุนพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาไหม และเชิดชูพระองค์ฐานะเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ผู้ทรงพระชนม์อยู่? ถ้าอย่างนั้น คุณควรบากบั่นตั้งใจจะยืนหยัดต่อไปด้วยการรักษาตัวให้พ้นจากกิจปฏิบัติต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับการบูชารูปเคารพ. แต่มีจุดสำคัญอื่น ๆ อะไรบ้างจากคัมภีร์ไบเบิลซึ่งจะช่วยคุณรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพได้ทุกรูปแบบ?
คุณมีความคิดเห็นอย่างไร?
▫ การบูชารูปเคารพคืออะไร?
▫ เหตุใดพระยะโฮวาทรงต่อต้านการบูชารูปเคารพทุกอย่าง?
▫ ชายฮีบรูสามคนยึดเอาทัศนะเช่นไรในเรื่องการบูชารูปเคารพ?
▫ คนเหล่านั้นที่กินของถวายแก่รูปเคารพอาจเข้าไปพัวพันกับพวกผีปีศาจโดยวิธีใด?
▫ เหตุใดเราควรรักษาตัวให้พ้นจากการบูชารูปเคารพ?
[รูปภาพหน้า 23]
แม้นว่าชีวิตของพวกเขาถูกคุกคาม แต่ชาวฮีบรูทั้งสามคนก็ไม่เข้าส่วนในการบูชารูปเคารพ