ถูกกระตุ้นจากของขวัญจากพระเจ้าที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยาย
‘ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยาย’—2 โค. 9:15
1, 2. (ก) ของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายที่พระเจ้าให้เรารวมถึงอะไรบ้าง? (ข) คำถามอะไรบ้างที่เราจะหาคำตอบด้วยกันในบทความนี้?
พระยะโฮวาให้ของขวัญที่แสดงถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับพวกเรา พระองค์ส่งพระเยซูลูกสุดที่รักลงมาบนโลก (โย. 3:16; 1 โย. 4:9, 10) อัครสาวกเปาโลเรียกของขวัญนี้ว่าของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยาย (2 โค. 9:15) ทำไมเปาโลถึงพูดอย่างนั้น?
2 เปาโลรู้ว่าค่าไถ่ของพระเยซูเป็นเครื่องยืนยันว่าคำสัญญาต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้าจะเกิดขึ้นจริง (อ่าน 2 โครินท์ 1:20) นี่หมายความว่าของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายที่พระเจ้าให้เราก็คือค่าไถ่ของพระเยซู และยังรวมถึงสิ่งดี ๆ ที่พระยะโฮวาทำให้เราด้วยความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์ ที่จริง คงไม่มีคำพูดอะไรที่จะสื่อออกมาได้ทั้งหมดว่าของขวัญนี้มีค่าขนาดไหน ดังนั้น เราควรรู้สึกอย่างไรกับของขวัญพิเศษนี้? และของขวัญพิเศษนี้น่าจะกระตุ้นให้เราทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันพุธที่ 23 มีนาคม 2016 ซึ่งเป็นวันระลึกถึงการตายของพระเยซู หรือวันประชุมอนุสรณ์?
ของขวัญพิเศษจากพระเจ้า
3, 4. (ก) คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อได้รับของขวัญจากคนอื่น? (ข) ของขวัญพิเศษที่คุณได้รับอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้อย่างไร?
3 เราดีใจเวลามีคนให้ของขวัญเรา ของขวัญบางอย่างก็มีความหมายและพิเศษจริง ๆ บางครั้งของขวัญอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น ลองคิดดูว่าถ้าคุณไปก่ออาชญากรรมและถูกตัดสินประหารชีวิต แต่จู่ ๆ ก็มีคนที่คุณไม่รู้จักอาสารับโทษแทนคุณ เขาเต็มใจตายแทนคุณ! สิ่งที่เขาทำเป็นเหมือนของขวัญพิเศษที่เขาให้คุณ คุณน่าจะรู้สึกอย่างไรกับของขวัญนี้?
4 ของขวัญพิเศษที่เขาให้คุณด้วยความรักแบบนี้น่าจะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้เป็นคนดีขึ้น คุณคงถูกกระตุ้นให้เป็นคนใจกว้างและรักคนอื่นมากขึ้น และอยากจะให้อภัยทุกคนที่เคยทำไม่ดีกับคุณ ที่จริง ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ คุณคงจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นหนี้ชีวิตของคนที่สละชีวิตให้คุณ
5. ค่าไถ่ที่เป็นของขวัญจากพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าของขวัญอื่น ๆ อย่างไร?
5 ค่าไถ่ที่เป็นของขวัญจากพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าของขวัญในตัวอย่างนี้มาก (1 เป. 3:18) ลองคิดดูสิว่า เราทุกคนมีบาปที่เป็นมรดกตกทอดมาจากอาดาม และเราต้องถูกลงโทษให้ตาย (โรม 5:12) แต่เพราะพระเจ้ารักเรา ความรักนี้กระตุ้นให้พระองค์ส่งพระเยซูมาบนโลกเพื่อตายแทนทุกคน (ฮีบรู 2:9) ค่าไถ่ของพระเยซูช่วยชีวิตเรา ยิ่งกว่านั้น ค่าไถ่นี้จะทำให้ไม่มีใครต้องตายอีกเลย (ยซา. 25:7, 8; 1 โค. 15:22, 26) ทุกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปอย่างมีความสุขความสงบ ไม่ว่าพวกเขาจะมีความหวังที่จะปกครองเป็นกษัตริย์ร่วมกับพระเยซู หรือจะมีชีวิตอยู่ใต้การปกครองของพระเจ้าบนโลก (โรม 6:23; วิ. 5:9, 10) ยังมีพรอะไรอีกไหมที่เราได้จากของขวัญที่พระเจ้าให้เรา?
6. (ก) ยังมีของขวัญอะไรจากพระเจ้าอีกที่คุณรอคอย? (ข) ของขวัญที่มาจากพระเจ้าจะกระตุ้นเราให้ทำอะไรบ้าง?
6 ของขวัญจากพระยะโฮวายังรวมถึง การที่โลกนี้จะเป็นอุทยาน คนป่วยจะหาย และคนตายก็จะฟื้นขึ้นมา (ยซา. 33:24; 35:5, 6; โย. 5:28, 29) เรารักพระยะโฮวาและพระเยซูลูกที่รักของพระองค์ที่ให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายกับเรา ของขวัญนี้จะกระตุ้นเราให้ทำอะไรบ้าง? (1) เลียนแบบพระเยซูให้ดีที่สุด (2) รักพี่น้องของเรา และ (3) ให้อภัยคนอื่นจากใจ
“ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเรา”
7, 8. เราควรรู้สึกอย่างไรกับความรักของพระเยซู? ความรักนั้นควรกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
7 อันดับแรก เราน่าจะถูกกระตุ้นให้ใช้ชีวิตของเราเพื่อพระเยซู อัครสาวกเปาโลเคยบอกไว้ว่า “ความรักของพระคริสต์กระตุ้นเรา” (อ่าน 2 โครินท์ 5:14, 15) เปาโลรู้ว่าถ้าเราเปิดใจยอมรับความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซู ความรักนี้ก็จะกระตุ้นเราให้รักและมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซู ที่จริง ถ้าเราเข้าใจจริง ๆ ว่าพระยะโฮวาทำอะไรเพื่อเรา ความรักของพระองค์ก็จะกระตุ้นเราให้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อพระเยซู เราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร?
8 ความรักที่เรามีให้พระยะโฮวาจะกระตุ้นให้เดินตามพระเยซูอย่างใกล้ชิด คือเลียนแบบตัวอย่างของท่านให้ดีที่สุด (1 เป. 2:21; 1 โย. 2:6) ถ้าเราเชื่อฟังพระเจ้าและพระเยซู เราก็กำลังพิสูจน์ความรักของเรา พระเยซูบอกว่า “ผู้ที่ได้รับบัญญัติของเราและทำตามก็คือผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราจะทรงรักผู้ที่รักเรา เราเองก็จะรักเขาและจะเปิดเผยตัวแก่เขา”—โย. 14:21; 1 โย. 5:3
9. เราถูกกดดันให้ทำอะไร?
9 ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ เป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะคิดทบทวนถึงวิธีที่เราใช้ชีวิตของเรา เราอาจจะถามตัวเองว่า ‘ฉันเลียนแบบพระเยซูไปแล้วในเรื่องอะไรบ้าง? และเรื่องไหนที่ฉันควรพยายามมากขึ้น?’ เราต้องถามตัวเองอย่างนี้เพราะผู้คนในโลกกดดันเราให้ใช้ชีวิตแบบพวกเขา (โรม 12:2) ถ้าเราไม่ระวัง เราก็อาจยอมแพ้แรงกดดันและเริ่มเลียนแบบพวกคนที่มีความรู้ คนที่มีชื่อเสียง และพวกนักกีฬาที่โด่งดัง (โกโล. 2:8; 1 โย. 2:15-17) เราจะต่อสู้กับแรงกดดันแบบนี้ได้อย่างไร?
10. ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ เราควรถามตัวเองด้วยคำถามอะไรบ้าง? คำตอบของเราควรกระตุ้นให้เราทำอะไร? (ดูภาพแรก)
10 นอกจากนั้น เราก็น่าจะใช้เวลาช่วงการประชุมอนุสรณ์เพื่อเช็คเสื้อผ้าที่เรามี หนังที่เราดู เพลงที่เราฟัง และดูว่าในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแทปเล็ตของเรามีข้อมูลอะไรอยู่บ้าง ลองถามตัวเองว่า ‘ถ้าพระเยซูอยู่กับฉันที่นี่และเห็นว่าฉันแต่งตัวยังไง ฉันจะอายไหม? การแต่งตัวของฉันทำให้คนอื่นรู้ไหมว่าฉันกำลังเลียนแบบพระเยซู?’ (อ่าน 1 ติโมเธียว 2:9, 10) ‘พระเยซูอยากดูหนังเรื่องเดียวกับที่ฉันดูไหม? ท่านจะฟังเพลงที่ฉันฟังไหม? และถ้าพระเยซูขอยืมมือถือ หรือแท็บเล็ตของฉัน ฉันจะอายไหมที่ท่านเห็นข้อมูลบางอย่างที่อยู่ในนั้น? ฉันจะอธิบายให้พระเยซูฟังได้อย่างเต็มปากไหมว่าทำไมฉันถึงชอบเล่นเกมนี้?’ ความรักที่เรามีให้พระยะโฮวาจะกระตุ้นเราให้ทิ้งทุกอย่างที่ไม่เหมาะสมสำหรับคริสเตียน ไม่ว่าของชิ้นนั้นจะมีราคาแพงแค่ไหนก็ตาม (กิจ. 19:19, 20) ตอนที่เราอุทิศชีวิตให้พระยะโฮวา เราก็ได้สัญญาว่าจะไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอีกต่อไปแต่เพื่อพระเยซู ดังนั้น เราควรทิ้งทุกอย่างที่จะทำให้เราเลียนแบบพระเยซูได้ยากขึ้น—มัด. 5:29, 30; ฟิลิป. 4:8
11. (ก) ความรักของพระยะโฮวาและพระเยซูกระตุ้นเราให้ทำงานประกาศอย่างไร? (ข) ความรักจะกระตุ้นเราให้ช่วยคนอื่นในประชาคมอย่างไร?
11 ความรักที่เรามีต่อพระเยซูควรกระตุ้นเราให้ประกาศและสอนพระคัมภีร์อย่างกระตือรือร้น (มัด. 28:19, 20; ลูกา 4:43) ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ คุณจะจัดชีวิตของตัวเองเพื่อเป็นไพโอเนียร์สมทบโดยประกาศเดือนละ 30 ชั่วโมง หรือ 50 ชั่วโมงได้ไหม? พ่อม่ายที่อายุ 84 ปีคนหนึ่งคิดว่าเขาคงเป็นไพโอเนียร์ไม่ได้เพราะเขาแก่แล้วและสุขภาพก็ไม่ดี แต่พี่น้องไพโอเนียร์ที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านของเขาอยากช่วย พวกเขาคอยรับส่งและเลือกเขตประกาศที่เขาพอจะทำงานได้ ผลคือ พ่อม่ายคนนี้ทำงานรับใช้ได้ถึง 30 ชั่วโมง แล้วคุณล่ะ คุณจะช่วยบางคนในประชาคมให้เป็นไพโอเนียร์สมทบในเดือนมีนาคมหรือเมษายนได้ไหม? อาจไม่ใช่ทุกคนที่เป็นไพโอเนียร์ได้ แต่เราก็สามารถใช้เวลาและกำลังของเราเพื่อรับใช้พระยะโฮวามากขึ้นได้ ถ้าเราทำอย่างนั้น ก็แสดงว่าความรักของพระเยซูกระตุ้นเราเหมือนกับที่กระตุ้นเปาโล ความรักที่พระเจ้าให้เราจะกระตุ้นเราให้ทำอะไรอีก?
เราควรจะรักกัน
12. ความรักของพระเจ้ากระตุ้นเราให้ทำอะไร?
12 จุดที่สอง ความรักของพระเจ้าควรกระตุ้นเราให้รักพี่น้องของเรา อัครสาวกโยฮันบอกว่า “พี่น้องที่รัก ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็สมควรจะรักกัน” (1 โย. 4:7-11) ดังนั้น ถ้าเราอยากให้พระเจ้ารักเรา เราก็ต้องรักพี่น้องของเราด้วย (1 โย. 3:16) เราจะแสดงอย่างไรว่าเรารักพวกเขา?
13. พระเยซูวางตัวอย่างในการแสดงความรักอย่างไร?
13 ตัวอย่างของพระเยซูช่วยเราให้รู้ว่าเราจะแสดงความรักต่อคนอื่นได้อย่างไร ตอนที่ท่านอยู่บนโลก พระเยซูช่วยคนอื่นโดยเฉพาะคนที่ต่ำต้อย ท่านรักษาคนป่วย คนง่อย คนตาบอด หูหนวก และเป็นใบ้ (มัด. 11:4, 5) ไม่เหมือนกับพวกผู้นำศาสนา พระเยซูชอบสอนผู้คนที่อยากเรียนรู้เรื่องพระเจ้า (โย. 7:49) พระเยซูรักคนต่ำต้อยและท่านขยันขันแข็งในการช่วยเหลือพวกเขา—มัด. 20:28
14. คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงความรักต่อพี่น้อง?
14 ช่วงการประชุมอนุสรณ์เป็นช่วงเวลาที่คุณน่าจะคิดดูว่าจะช่วยพี่น้องในประชาคมของคุณได้อย่างไร คุณอาจคิดถึงพี่น้องที่อายุมากเป็นพิเศษ คุณจะไปเยี่ยมพวกเขาได้ไหม? คุณจะเอาอาหารไปให้พวกเขา ช่วยทำงานบ้าน ช่วยเรื่องรับส่งมาประชุม หรือชวนพวกเขาให้รับใช้กับคุณได้ไหม? (อ่านลูกา 14:12-14) ขอให้ความรักของพระเจ้ากระตุ้นคุณให้แสดงความรักต่อพี่น้องของคุณ
แสดงความเมตตาต่อพี่น้อง
15. เราต้องคิดถึงเรื่องอะไรอยู่เสมอ?
15 จุดที่สาม ความรักของพระเจ้าน่าจะกระตุ้นให้เราให้อภัยพี่น้องของเรา พวกเราทุกคนมีบาปที่เป็นมรดกตกทอดมาจากอาดาม ดังนั้น จึงไม่มีใครจะบอกได้ว่า “ค่าไถ่ไม่จำเป็นสำหรับฉัน” แม้แต่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของพระเจ้าก็ต้องการค่าไถ่ พวกเราแต่ละคนได้รับการอภัยบาปที่เป็นเหมือนหนี้ก้อนโตจริง ๆ! ทำไมจึงสำคัญที่เราต้องคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ? เราจะพบคำตอบจากตัวอย่างที่พระเยซูเล่าให้ฟัง
16, 17. (ก) เราเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของพระเยซูเรื่องกษัตริย์และทาส? (ข) คุณตั้งใจจะทำอะไรหลังจากที่ได้คิดใคร่ครวญตัวอย่างที่พระเยซูเล่า?
16 พระเยซูยกตัวอย่างกษัตริย์คนหนึ่งที่ยกหนี้ก้อนโตให้ทาสของเขา 60,000,000 เดนาริอน แต่หลังจากนั้น ทาสคนนี้กลับไม่ยอมยกหนี้ให้เพื่อนทาสของเขาที่ติดอยู่แค่ 100 เดนาริอน การที่กษัตริย์เมตตาเขาแบบนี้ก็น่าจะกระตุ้นให้เขาให้อภัยเพื่อนทาส กษัตริย์โกรธมากเมื่อได้ยินว่าทาสของเขาไม่ยอมยกหนี้ที่เพื่อนทาสติดอยู่เพียงเล็กน้อย กษัตริย์พูดว่า “เจ้าทาสชั่ว เรายกหนี้ให้เจ้าทั้งหมดเมื่อเจ้าขอร้องเรา เจ้าก็ควรเมตตาเพื่อนทาสของเจ้าอย่างที่เราเมตตาเจ้ามิใช่หรือ?” (มัด. 18:23-35) เหมือนกับกษัตริย์ พระยะโฮวาให้อภัยเราซึ่งเหมือนกับพระองค์ยกหนี้ก้อนโตให้เรา ดังนั้น ความรักของพระยะโฮวาที่มีให้เราน่าจะกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
17 ตอนที่เราเตรียมตัวเพื่อจะเข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ เราอาจถามตัวเองว่า ‘มีพี่น้องที่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บไหม? ฉันรู้สึกว่ายากไหมที่จะให้อภัยเขา?’ ถ้าเป็นอย่างนั้น นี่ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะเลียนแบบพระยะโฮวาพระเจ้าที่พร้อมจะให้อภัย (นเฮม. 9:17; เพลง. 86:5) ถ้าเราเห็นคุณค่าความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวา เราก็จะแสดงความเมตตาต่อคนอื่น เราจะให้อภัยเขาจากใจจริง ที่จริง ถ้าเราไม่รักและให้อภัยพี่น้องของเรา เราจะหวังให้พระยะโฮวารักและให้อภัยเราไม่ได้ (มัด. 6:14, 15) ก็จริงที่การให้อภัยคนอื่นไม่ได้เปลี่ยนอดีตที่เขาทำให้เราเจ็บ แต่การทำอย่างนี้จะช่วยเราให้มีอนาคตที่มีความสุขมากกว่า
18. ความรักของพระเจ้าช่วยพี่น้องหญิงคนหนึ่งให้ช่วยเหลือพี่น้องหญิงอีกคนหนึ่งอย่างไร?
18 บางครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะทนกับสิ่งไม่ดีที่พี่น้องแสดงออกมาเพราะเขาไม่สมบูรณ์แบบ (อ่านเอเฟโซส์ 4:32; โกโลซาย 3:13, 14) ลิลลี่[1] เป็นพี่น้องหญิงคนหนึ่งที่เจอแบบนั้น ลิลลี่ได้ช่วยแม่ม่ายคนหนึ่งที่ชื่อแครอล ถ้าแครอลต้องไปไหน เธอก็จะขับรถพาแครอลไป ลิลลี่ยังช่วยซื้อของที่จำเป็น และทำหลายอย่างเพื่อแครอล ทั้ง ๆ ที่ลิลลี่ทำอย่างนี้ แครอลก็ชอบบ่น ว่าโน่นว่านี่จนทำให้การช่วยแครอลเป็นเรื่องยากขึ้น แต่ลิลลี่พยายามมองเฉพาะลักษณะนิสัยที่ดีของแครอล และพยายามช่วยแครอลอยู่หลายปีจนสุดท้ายแครอลก็ป่วยหนักและตาย ถึงแม้การช่วยแครอลครั้งนี้จะเป็นเรื่องยากมากสำหรับลิลลี่ แต่เธอบอกว่า “ฉันรอคอยเวลาที่แครอลจะฟื้นขึ้นจากตาย ฉันอยากรู้จักเธอตอนที่เธอเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ” เห็นได้ชัดว่า ความรักของพระเจ้ากระตุ้นเราให้รักพี่น้องของเรา และรอคอยเวลาที่พวกเขาจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
19. ของขวัญของพระเจ้าที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายกระตุ้นคุณให้ทำอะไร?
19 พระยะโฮวาให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายจริง ๆ ขอให้เราทุกคนเห็นคุณค่าของขวัญที่พระเจ้าให้เรา ช่วงการประชุมอนุสรณ์เป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะคิดทบทวนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำเพื่อพวกเรา ขอให้ความรักของพระยะโฮวาและพระเยซูกระตุ้นเราให้เลียนแบบพระเยซูให้ดีที่สุด แสดงความรักต่อพี่น้อง และให้อภัยพี่น้องจากใจ
^ [1] (ข้อ 18) บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ