ตอนที่ 3
วิธีที่เราทราบได้ว่ามีพระเจ้า
1, 2. หลักการอะไรช่วยเราให้ตัดสินได้ว่ามีพระเจ้าหรือไม่?
วิธีหนึ่งที่จะตัดสินได้ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่นั้นคือ การนำเอาหลักการที่แน่นอนข้อนี้ไปใช้ที่ว่า สิ่งประดิษฐ์ย่อมต้องมีผู้ประดิษฐ์. สิ่งประดิษฐ์สลับซับซ้อนมากเท่าใด ผู้คิดประดิษฐ์ก็ย่อมมีความปรีชาสามารถมากเท่านั้น.
2 ยกตัวอย่าง ลองมองไปรอบ ๆ บ้านของคุณ. โต๊ะ, เก้าอี้, โต๊ะทำงาน, เตียง, หม้อ, กะทะ, จาน, และภาชนะอื่น ๆ ที่ใช้ในการรับประทาน ล้วนต้องมีผู้ประดิษฐ์ เช่นเดียวกับผนังบ้าน, พื้น, และเพดาน. กระนั้นก็ดี สิ่งของเหล่านี้ค่อนข้างประดิษฐ์ได้ง่าย. ในเมื่อสิ่งเรียบง่ายยังต้องมีผู้ประดิษฐ์ ไม่เป็นสิ่งที่แน่นอนหรอกหรือที่ว่า สิ่งสลับซับซ้อนย่อมต้องมีผู้ประดิษฐ์ที่เฉลียวฉลาดกว่า?
เอกภพอันน่าเกรงขามของเรา
3, 4. เอกภพช่วยเราอย่างไรให้ทราบว่ามีพระเจ้า?
3 นาฬิกาย่อมมีผู้ประดิษฐ์. จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับระบบสุริยะของเราซึ่งสลับซับซ้อนเหลือคณนายิ่งนัก ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความแม่นยำเป็นเสี้ยววินาที ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า? จะว่าอย่างไรกับกาแล็กซีอันน่าเกรงขามที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งเรียกกันว่าทางช้างเผือก ที่ประกอบด้วยดวงดาวมากกว่าหนึ่งแสนล้านดวง? คุณเคยหยุดเพ่งมองทางช้างเผือกในตอนกลางคืนไหม? คุณรู้สึกประทับใจไหม? แล้วลองนึกถึงเอกภพอันกว้างใหญ่และน่ามหัศจรรย์ซึ่งประกอบด้วยล้าน ๆ กาแล็กซีนับไม่ถ้วนที่คล้ายกันกับทางช้างเผือกของเรา! อีกทั้งเทห์ฟากฟ้าเหล่านี้มีการโคจรอย่างแม่นยำศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า ถึงขนาดที่มีการเปรียบเทหวัตถุเหล่านี้เสมือนเครื่องบ่งบอกเวลาที่เที่ยงตรง.
4 หากนาฬิกาซึ่งโดยเทียบเคียงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนมากนักยังส่อให้เห็นว่าต้องมีผู้ประดิษฐ์ เป็นที่แน่นอนว่า เอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลที่สลับซับซ้อนและน่าเกรงขามกว่านาฬิกาย่อมส่อให้เห็นว่าต้องมีผู้ออกแบบและผู้สร้าง. ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์ไบเบิลจึงเชื้อเชิญให้เรา “มองขึ้นไปดูท้องฟ้า” แล้วถามต่อไปว่า “ใครได้สร้างสิ่งเหล่านี้?” คำตอบก็คือ: “พระองค์ [พระเจ้า] ผู้ทรงนำดาวออกมาเป็นหมวดหมู่ และทรงเรียกมันออกมาตามชื่อ ด้วยอานุภาพอันใหญ่ยิ่ง และฤทธิ์เดชอันแรงกล้าของพระองค์ ไม่มีสักดวงเดียวที่ขาดไป.” (ยะซายา 40:26) ดังนั้น เอกภพเกิดขึ้นและดำรงอยู่เนื่องด้วยอำนาจควบคุมที่ไม่ประจักษ์ มีเชาวน์ปัญญา คือพระเจ้า.
โลกได้รับการออกแบบอย่างไม่มีอะไรเหมือน
5-7. ข้อเท็จจริงอะไรเกี่ยวกับแผ่นดินโลกที่แสดงว่าต้องมีผู้ออกแบบ?
5 ยิ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาโลกมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสำนึกว่า โลกได้รับการออกแบบอย่างพิเศษเฉพาะเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์. โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นระยะทางพอดี เพื่อจะได้รับแสงและความร้อนที่พอเหมาะ. โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ปีละรอบ ทำมุมเอียงพอดี ทำให้มีฤดูกาลต่าง ๆ ในหลายส่วนของโลก. โลกยังหมุนรอบแกนกลางของมันเองทุก ๆ 24 ชั่วโมง ทำให้มีช่วงเวลาแห่งความสว่าง และความมืดเป็นประจำ. โลกมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยก๊าซชนิดต่าง ๆ ในสัดส่วนที่พอดีเพื่อเราจะหายใจได้ ทั้งยังป้องกันเราจากกัมมันตภาพรังสีในอวกาศซึ่งก่อความเสียหาย. โลกยังมีน้ำและดินซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเพาะปลูกสิ่งที่เป็นอาหาร.
6 หากปราศจากองค์ประกอบทั้งหมดนี้และอื่น ๆ ซึ่งทำงานร่วมกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่. ทั้งหมดนี้เป็นเหตุบังเอิญหรือ? ไซเยนซ์ นิวส์ กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าสภาพที่พิเศษและแม่นยำอย่างนั้นคงไม่อาจเกิดขึ้นได้เองโดยบังเอิญ.” แน่นอน เป็นไปไม่ได้. สิ่งเหล่านั้นเป็นผลงานการออกแบบอย่างมีจุดมุ่งหมายโดยนักออกแบบที่เหนือชั้น.
7 หากคุณเข้าไปในบ้านงาม ๆ หลังหนึ่งและพบว่ามีอาหารสำรองไว้อย่างบริบูรณ์ มีระบบปรับอากาศให้เย็นหรือร้อนอย่างยอดเยี่ยม และมีระบบประปาอย่างดี คุณจะลงความเห็นประการใด? จะบอกว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญหรือ? เปล่าเลย คุณย่อมสรุปอย่างแน่นอนว่าบุคคลผู้มีเชาวน์ปัญญาผู้หนึ่งได้ออกแบบและสร้างขึ้นด้วยความดูแลเอาใจใส่ยิ่ง. โลกนี้ก็เช่นกัน ได้รับการออกแบบ และสร้างขึ้นด้วยความดูแลเอาใจใส่ยิ่งเพื่อจะสนองต่อความจำเป็นของผู้อยู่อาศัย และโลกมีความสลับซับซ้อนและอุดมบริบูรณ์ยิ่งกว่าบ้านใด ๆ.
8. มีอะไรอีกเกี่ยวกับแผ่นดินโลกที่แสดงว่าพระเจ้าทรงดูแลเอาใจใส่พวกเราด้วยความรัก?
8 เช่นกัน จงพิจารณาสิ่งต่าง ๆ มากมายซึ่งเสริมความเพลิดเพลินให้กับการดำรงชีวิต. จงมองดูบุปผชาตินานาพันธุ์ซึ่งมีสีสันงดงามพร้อมด้วยกลิ่นหอมหวนอันเป็นที่ชื่นชอบของมนุษย์. นอกจากนั้นยังมีอาหารนานาชนิดที่มีรสชาติอร่อย. มีป่าไม้, ภูเขา, ทะเลสาบ, และสิ่งทรงสร้างอื่น ๆ ซึ่งดูเจริญหูเจริญตา. และจะว่าอย่างไรกับอาทิตย์ยามอัสดงอันงดงามที่เพิ่มความเพลิดเพลินแก่ชีวิต? และในโลกของสัตว์ เราไม่รู้สึกชื่นชมหรอกหรือกับท่าทางขี้เล่นและน่ารักตามธรรมชาติของลูกสุนัข, ลูกแมว, และลูกน้อยของสัตว์อื่น ๆ? ดังนั้น มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่แปลกน่าชื่นชม ซึ่งไม่ใช่สิ่งจำเป็นโดยแท้เพื่อค้ำจุนชีวิต. สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า โลกได้รับการออกแบบอย่างเอาใจใส่รักใคร่ ด้วยมีการคำนึงถึงมนุษย์ เพื่อเราจะไม่เพียงแค่ดำรงชีวิตอยู่แต่ชื่นชมกับชีวิต.
9. ใครสร้างโลก และพระองค์สร้างโลกเพราะเหตุใด?
9 ด้วยเหตุนี้ การสรุปเรื่องอย่างมีเหตุผลก็คือ การยอมรับผู้ทรงโปรดประทานสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ดังที่ผู้จารึกคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และพิภพโลก.” เพื่อจุดประสงค์อะไร? ท่านตอบโดยการพรรณนาถึงพระเจ้าในฐานะเป็นผู้ที่ “ได้ทรงสร้างและประดิษฐานโลกนี้ไว้ ผู้ได้ทรงแต่งตั้ง และสร้างโลกไว้มิใช่ให้สับสนอลหม่าน แต่เพื่อให้เป็นที่อาศัย.”—ยะซายา 37:16; 45:18.
เซลล์ที่น่าทึ่งของสิ่งมีชีวิต
10, 11. ทำไมเซลล์ที่มีชีวิตจึงน่าทึ่งอย่างยิ่ง?
10 จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต? สิ่งเหล่านั้นต้องมีผู้สร้างมิใช่หรือ? ตัวอย่างเช่น ขอให้พิจารณาลักษณะที่น่าทึ่งบางประการของเซลล์ที่มีชีวิต. ในหนังสือของเขาที่ชื่อ วิวัฒนาการ: ทฤษฎีที่อยู่ในภาวะฉุกเฉิน นักชีววิทยาทางโมเลกุล มิคาเอล เดนตัน ชี้แจงว่า “แม้แต่ระบบของสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายที่สุดในโลกทุกวันนี้ เช่นเซลล์ของแบคทีเรีย ก็เป็นสิ่งสลับซับซ้อนเหลือประมาณ. แม้ว่าเซลล์ของแบคทีเรียที่กระจิริดที่สุดในขนาดเล็กอย่างเหลือเชื่อ . . . ที่แท้แล้ว แต่ละเซลล์ก็คือโรงงานขนาดจิ๋วที่สุด ซึ่งบรรจุชิ้นส่วนที่ออกแบบอย่างวิจิตรนับพัน ๆ ชิ้นของเครื่องจักรโมเลกุลอันประณีต . . . สลับซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องจักรกลใด ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น และไม่มีสักอย่างในโลกของสิ่งที่ไม่มีชีวิตจะมาเทียบได้.”
11 เมื่อพูดถึงรหัสพันธุกรรมในแต่ละเซลล์ เขากล่าวว่า “ความสามารถของ ดีเอ็นเอ (DNA) ในการเก็บข้อมูลนั้นเหนือกว่าทุก ๆ ระบบที่รู้จักกันอย่างลิบลับ; มันมีสมรรถนะสูงมากซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อกำหนดรายละเอียดของสิ่งมีชีวิตอันสลับซับซ้อนเช่นมนุษย์ จะหนักราว ๆ เศษหนึ่งส่วนพันล้านกรัม . . . เมื่อเทียบกับระดับเชาวน์ปัญญาและความสลับซับซ้อนที่ปรากฏในเครื่องจักรโมเลกุลของชีวิตแล้วละก็ แม้แต่ [สิ่งประดิษฐ์] ที่ล้ำยุคที่สุดของมนุษย์เราก็ดูงุ่มง่าม. ทำให้เรารู้สึกถ่อมตน.”
12. นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งกล่าวไว้อย่างไรเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเซลล์?
12 เดนตันกล่าวเสริมว่า “ความสลับซับซ้อนของเซลล์ที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่รู้จักกันนั้นก็มีมากเสียจนยอมรับไม่ได้ว่าสิ่งนี้ได้รวมตัวกันเองอย่างกะทันหันโดยเหตุการณ์พิลึกพิลั่นซึ่งไม่น่าจะมีทางเกิดขึ้นได้เลย.” มันต้องมีผู้ออกแบบและผู้สร้าง.
สมองอันเหลือเชื่อของเรา
13, 14. ทำไมสมองจึงน่าทึ่งยิ่งกว่าเซลล์ที่มีชีวิตเสียอีก?
13 แล้วนักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ก็กล่าวว่า “ในแง่ของความสลับซับซ้อน แต่ละเซลล์ดูไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับระบบสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม. สมองมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ประสาทประมาณหนึ่งหมื่นล้านเซลล์. เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ยื่นเส้นใยสำหรับเชื่อมต่อออกไประหว่างหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนเส้นซึ่งโดยเส้นใยเหล่านี้เองเซลล์ประสาทก็จะติดต่อกับเซลล์ประสาทอื่น ๆ ในสมอง. ในสมองของมนุษย์มีจุดเชื่อมต่อทั้งหมดรวมแล้วเกือบ ๆ . . . หนึ่งพันล้านล้านจุด.”
14 เด็นตันกล่าวต่อไปว่า “แม้จะมีเพียงหนึ่งส่วนร้อยของจุดเชื่อมต่อในสมองที่ได้จัดรูปแบบเฉพาะไว้ นี้ก็ยังคงหมายถึงระบบหนึ่งที่บรรจุไว้ด้วยจุดเชื่อมต่อเฉพาะแห่งซึ่งมีจำนวนมากยิ่งกว่าที่มีในเครือข่ายการสื่อสารทั้งหมดบนแผ่นดินโลก.” แล้วเขาถามว่า “มีกระบวนการใด ๆ ไหมที่ปฏิบัติงานโดยบังเอิญล้วน ๆ อาจประกอบระบบเช่นนี้ขึ้นมาได้?” แน่นอน ต้องตอบว่า ไม่มี. สมองต้องมีผู้ออกแบบและผู้สร้างที่เอาใจใส่ดูแล.
15. คนอื่น ๆ ให้ความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสมอง?
15 สมองมนุษย์ทำให้แม้แต่คอมพิวเตอร์ที่ล้ำหน้าที่สุดก็ดูเป็นของหยาบ. มอร์ตัน ฮันต์ นักเขียนทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า “ความทรงจำของเราในส่วนที่ใช้อยู่สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในงานวิจัยปัจจุบันนี้ตั้งหลายพันล้าน เท่า.” ดังนั้น ดร. โรเบิร์ต เจ. ไวต์ ศัลยแพทย์ทางสมองจึงลงความเห็นว่า “ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมรับว่าต้องมีผู้ทรงเชาวน์ปัญญาองค์สูงสุดรับผิดชอบในการออกแบบและพัฒนาความสัมพันธ์อันมหัศจรรย์ของสมองกับจิตใจ—สิ่งซึ่งเกินความสามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจ. . . . ผมต้องเชื่อว่าสิ่งทั้งปวงนี้มีการเริ่มต้นด้วยเชาวน์ปัญญา นั่นคือต้องมีผู้หนึ่งทำให้เกิดขึ้น.” และต้องเป็นผู้ซึ่งใส่ใจดูแล.
ระบบเลือดอันยอดเยี่ยม
16-18. (ก) ระบบเลือดยอดเยี่ยมในทางใดบ้าง? (ข) เราควรลงความเห็นเช่นไร?
16 เช่นกัน จงพิจารณาระบบเลือดอันยอดเยี่ยมซึ่งลำเลียงอาหารและออกซิเจนและต่อสู้ป้องกันการติดเชื้อ. เกี่ยวกับเซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบนี้ หนังสือเอบีซี เกี่ยวด้วยสรีระของมนุษย์ กล่าวว่า “เลือดหยดหนึ่งมีเซลล์เม็ดเลือดมากกว่า 250 ล้าน เซลล์ . . . ร่างกายคนเรามีเซลล์เม็ดเลือดอยู่ถึงประมาณ 25 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งถ้าทำให้กระจายออกก็จะกินเนื้อที่พอ ๆ กับสนามเทนนิสสี่สนาม. . . . มีการเปลี่ยนทดแทนเซลล์ใหม่ในอัตรา 3 ล้านเซลล์ต่อทุกวินาที.”
17 เกี่ยวกับเซลล์เม็ดเลือดขาว อีกส่วนหนึ่งของระบบเลือดอันยอดเยี่ยม หนังสือเล่มเดียวกันบอกเราว่า “ขณะที่เซลล์เม็ดเลือดแดงมีชนิดเดียว เซลล์เม็ดเลือดขาวมีหลายหลากชนิด แต่ละชนิดมีความสามารถเชิงสู้รบหลายวิธีต่าง ๆ กันในการทำศึกของร่างกาย. ตัวอย่างเช่น ชนิดหนึ่งทำลายเซลล์ที่ตายแล้ว. ชนิดอื่น ๆ สร้างภูมิคุ้มกันไวรัส, ขจัดพิษจากสิ่งแปลกปลอม, หรือกินและย่อยแบคทีเรีย.”
18 ช่างเป็นระบบที่น่าทึ่งและมีการจัดระเบียบระดับสูงเสียนี่กระไร! เป็นที่แน่นอนว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างดีถึงขนาดนี้และมีการป้องกันอย่างรอบคอบเหลือเกิน ต้องมีผู้จัดระเบียบที่มีเชาวน์ปัญญาและเอาใจใส่อย่างยิ่ง นั่นคือพระเจ้า.
สิ่งมหัศจรรย์อื่น ๆ
19. ดวงตาเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น?
19 มีสิ่งน่ามหัศจรรย์อื่น ๆ อีกมากมายในร่างกายมนุษย์. สิ่งหนึ่งคือดวงตา ซึ่งถูกออกแบบอย่างดีเลิศจนไม่มีกล้องถ่ายภาพใด ๆ อาจเลียนแบบได้. นักดาราศาสตร์ โรเบิร์ต จัสโทรกล่าวว่า “ปรากฏชัดว่าดวงตาถูกออกแบบขึ้น ไม่มีนักออกแบบกล้องโทรทรรศน์คนใดสามารถทำได้ดีกว่านี้.” และหนังสือพ็อปพิวลา โฟโตกราฟี แถลงว่า “ตามนุษย์มองเห็นรายละเอียดในระดับสูงกว่าฟิล์มมากมายนัก. ตามนุษย์เห็นในสามมิติ เห็นได้ในมุมกว้างไพศาล โดยปราศจากการบิดเบือนเปลี่ยนรูป ขณะเคลื่อนไหวต่อเนื่อง . . . การเปรียบกล้องถ่ายรูปกับดวงตาเป็นการเปรียบที่ไม่ยุติธรรม. ตามนุษย์คล้ายมากกว่ากับเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ล้ำยุคมหัศจรรย์พร้อมด้วยเชาวน์ปัญญาเทียม, ความสามารถในการจัดการกับข้อมูล, ความเร็ว, และรูปแบบการปฏิบัติงานซึ่งไกลเกินกว่าอุปกรณ์ใด ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าคอมพิวเตอร์หรือกล้องถ่ายรูป.”
20. อะไรคือแง่มุมที่น่าทึ่งอื่นอีกของร่างกายมนุษย์?
20 อีกประการหนึ่ง จงคิดถึงวิธีที่อวัยวะทุกส่วนอันสลับซับซ้อนของร่างกายร่วมประสานงานกันโดยที่เราไม่รู้ตัว. ตัวอย่างเช่น เราใส่อาหารและเครื่องดื่มหลากชนิดลงในกระเพาะ กระนั้นร่างกายดำเนินการแปรรูปสิ่งเหล่านั้นและผลิตพลังงาน. ลองใส่สิ่งต่าง ๆ หลากหลายเหล่านั้นลงในถังน้ำมันรถยนต์และดูสิว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน! แล้วก็ยังมีความมหัศจรรย์ของการกำเนิด การก่อให้เกิดทารกที่น่ารัก—ถอดแบบมาจากพ่อแม่—ในเวลาเพียงเก้าเดือน. และจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับความสามารถของเด็กวัยไม่กี่ขวบในการเรียนวิธีพูดภาษาที่ซับซ้อน?
21. เมื่อพิจารณาถึงความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ บุคคลที่มีเหตุผลกล่าวอย่างไร?
21 ถูกแล้ว สิ่งทรงสร้างอันสลับซับซ้อนน่าทึ่งจำนวนมากในร่างกายมนุษย์ทำให้เราเต็มไปด้วยความครั่นคร้าม. ไม่มีวิศวกรคนใดสามารถทำสิ่งที่เหมือนกับสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาได้. สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นผลของความบังเอิญที่ไร้จุดประสงค์ได้ไหม? ไม่ใช่อย่างแน่นอน. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เมื่อพิจารณาร่างกายมนุษย์ในทุกแง่ทุกด้านแล้ว บุคคลที่มีเหตุผลกล่าวเช่นเดียวกับท่านผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญดังนี้: “ข้าพเจ้าจะสรรเสริญ [พระเจ้า] เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างอย่างน่าพิศวงในวิธีที่น่าเกรงขาม. พระราชกิจของพระองค์เป็นที่น่าพิศวง.”—บทเพลงสรรเสริญ 139:14, ล.ม.
พระผู้สร้างองค์ใหญ่ยิ่งสูงสุด
22, 23. (ก) ทำไมเราน่าจะยอมรับว่ามีพระผู้สร้าง? (ข) คัมภีร์ไบเบิลกล่าวอย่างสมเหตุสมผลอย่างไรเกี่ยวกับพระเจ้า?
22 คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า “แน่นอน บ้านทุกหลังย่อมมีคนสร้าง แต่ผู้ที่ได้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงคือพระเจ้า.” (เฮ็บราย 3:4, ล.ม.) เนื่องจากบ้านใด ๆ ถึงจะเป็นแบบง่าย ๆ ก็ต้องมีคนสร้าง ฉะนั้น เอกภพที่ซับซ้อนกว่ามากนักพร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตหลายหลากชนิดบนแผ่นดินโลกย่อมต้องมีผู้สร้างเช่นเดียวกัน. และในเมื่อเรายอมรับว่าต้องมีมนุษย์ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา เช่นเครื่องบิน, โทรทัศน์, และคอมพิวเตอร์ เราก็น่าจะยอมรับเช่นกันว่าต้องมีพระองค์ผู้นั้นซึ่งได้ทรงให้สมองแก่มนุษย์เพื่อสร้างสิ่งดังกล่าวขึ้นมามิใช่หรือ?
23 คัมภีร์ไบเบิลยอมรับเช่นนั้นโดยเรียกพระองค์ว่า “พระยะโฮวาเจ้าผู้ได้ทรงสร้างฟ้า และกางออกไว้นั้น ผู้ได้ทรงสร้างโลกและสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินนั้น ผู้ได้ทรงประทานลมหายใจให้แก่มนุษย์บนพิภพ.” (ยะซายา 42:5) คัมภีร์ไบเบิลแถลงอย่างสมเหตุสมผลว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์คู่ควรจะได้รับสง่าราศีและเกียรติยศและฤทธิ์เดช เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวง และเนื่องด้วยพระทัยประสงค์ของพระองค์ สิ่งเหล่านั้นจึงได้ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้น.”—วิวรณ์ 4:11, ล.ม.
24. เราทราบได้อย่างไรว่ามีพระเจ้า?
24 ใช่แล้ว เราสามารถรู้ได้ว่ามีพระเจ้าโดยสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น. “เพราะ คุณลักษณะต่าง ๆ [ของ พระเจ้า] อันไม่ประจักษ์แก่ตาก็เห็นได้ชัดตั้งแต่การสร้างโลกเป็นต้นมา เพราะว่าคุณลักษณะเหล่านั้นเป็นที่เข้าใจได้โดยสิ่งทั้งปวงที่ถูกสร้างขึ้น [โดยพระเจ้า].”—โรม 1:20, ล.ม.
25, 26. ทำไมการใช้บางสิ่งอย่างผิด ๆ จึงไม่ใช่ข้อโต้แย้งในเรื่องสิ่งนั้นมีผู้สร้าง?
25 ข้อเท็จจริงที่ว่ามีการใช้บางสิ่งในทางที่ผิดก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มีผู้สร้าง. เครื่องบินอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในทางสันติ ดังเช่นเครื่องบินโดยสาร. แต่เครื่องบินก็อาจถูกใช้เพื่อการทำลายได้ด้วย เช่นเครื่องบินทิ้งระเบิด. การใช้เครื่องบินในทางที่ก่อให้เกิดความตายก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครสร้างมันขึ้นมา.
26 ในทำนองเดียวกัน ข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์ได้ทำการชั่วบ่อย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพระผู้สร้างตัวเขาขึ้น คือไม่มีพระเจ้า. ฉะนั้น คัมภีร์ไบเบิลจึงให้ข้อสังเกตที่ถูกต้องว่า “โอ เจ้าผู้ดื้อด้าน จะตีราคาช่างปั้นหม้อเท่ากับดินเหนียวหรือ และให้สิ่งที่ถูกทำขึ้นพูดกับผู้ทำนั้นว่า ‘เขาไม่ได้ทำเราขึ้นเลย’ หรือจะให้สิ่งถูกปั้นนั้นพูดกับผู้ที่ปั้นนั้นว่า ‘เขาเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย’ อย่างนั้นหรือ?”—ยะซายา 29:16.
27. ทำไมเราจึงคาดหมายได้ว่าพระเจ้าจะทรงตอบคำถามของเราเกี่ยวกับความทุกข์?
27 พระผู้สร้างได้ทรงแสดงให้เห็นพระสติปัญญาของพระองค์โดยทางความสลับซับซ้อนอันน่าทึ่งของสิ่งที่พระองค์ได้สร้าง. พระองค์ทรงแสดงว่าพระองค์เอาใจใส่ในพวกเราอย่างแท้จริงโดยการทำให้โลกเหมาะเจาะจะมีชีวิตอยู่, โดยการสร้างร่างกายและจิตใจของเราในแนวทางที่ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์, และโดยการสร้างสิ่งดี ๆ มากมายเพื่อให้เราได้เพลิดเพลินยินดี. แน่นอน พระองค์จะทรงแสดงพระสติปัญญาและความเอาใจใส่คล้ายคลึงกันโดยการให้คำตอบสำหรับคำถามเช่น เหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์ทรมาน? พระองค์จะทรงจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?
[รูปภาพหน้า 5]
โลก พร้อมด้วยชั้นบรรยากาศป้องกัน เป็นที่อยู่อาศัยอันยอดเยี่ยมซึ่งถูกออกแบบไว้เพื่อเราโดยพระเจ้าผู้ทรงใฝ่พระทัย
[รูปภาพหน้า 6]
แผ่นดินโลกถูกสร้างขึ้นด้วยความรักและการเอาใจใส่เพื่อเราจะเพลิดเพลินกับชีวิตอย่างเต็มที่
[รูปภาพหน้า 7]
‘สมองของคนหนึ่ง ๆ มีจุดเชื่อมต่อมากกว่าเครือข่ายการสื่อสารทั้งหมดบนแผ่นดินโลก.’—นักชีววิทยาด้านโมเลกุล
[รูปภาพหน้า 8]
“ปรากฏชัดว่าดวงตาถูกออกแบบขึ้น ไม่มีนักออกแบบกล้องโทรทรรศน์คนใดสามารถทำได้ดีกว่านี้.”—นักดาราศาสตร์