บท 20
“พระยะโฮวามีสติปัญญา” แต่ก็ถ่อม
1-3. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม?
ขอนึกภาพพ่อคนหนึ่งที่อยากสอนเรื่องสำคัญให้กับลูกตัวน้อยของเขา ถ้าเขาอยากให้ลูกของเขาได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้จริง ๆ เขาจะบอกลูกยังไง? เขาจะยืนจ้องหน้าลูกและใช้คำพูดที่ทำให้ลูกกลัวไหม? หรือเขาจะย่อตัวลงมาแล้วพูดกับลูกอย่างอ่อนโยน? พ่อที่ฉลาดและถ่อมจะคุยกับลูกแบบนั้นแน่ ๆ
2 พระยะโฮวาเป็นพ่อที่หยิ่งหรือถ่อม พระองค์ดุหรือว่าใจดี? พระยะโฮวารู้ทุกอย่างและพระองค์ฉลาดกว่าทุกคน คุณอาจสังเกตว่าคนที่ฉลาดและมีความรู้ไม่ได้ถ่อมเสมอไป เหมือนที่คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความรู้ทำให้คนอวดดี” (1 โครินธ์ 3:19; 8:1) แต่พระยะโฮวาผู้ที่ “มีสติปัญญาและมีพลังมาก” ก็ถ่อมด้วย (โยบ 9:4) นี่ไม่ได้ทำให้พระองค์ดูไม่มีอำนาจหรือไม่น่านับถือ แต่หมายความว่าพระองค์ไม่เคยหยิ่ง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?
3 พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ พระองค์เลยไม่มีคุณลักษณะไม่ดี เช่น ความหยิ่ง (มาระโก 7:20-22) ขอให้เรานึกถึงสิ่งที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์พูดกับพระยะโฮวา เขาบอกว่า “พระองค์จะระลึกถึงผมและก้มลงมาหาผมแน่ ๆ”a (เพลงคร่ำครวญ 3:20) นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริง ๆ ที่พระยะโฮวาพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดเต็มใจ “ก้มลงมา” หรือลดตัวลงมาหาเยเรมีย์เพื่อแสดงความสนใจมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ (สดุดี 113:7) พระยะโฮวาถ่อมมากจริง ๆ แต่พระองค์แสดงความถ่อมยังไง? ความถ่อมของพระองค์แสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์มีสติปัญญา? และเรื่องนี้สำคัญกับเรายังไง?
พระยะโฮวาแสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์ถ่อม
4, 5. (ก) ความถ่อมคืออะไร พระยะโฮวาแสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์ถ่อม และความถ่อมไม่ได้หมายถึงอะไร? (ข) พระยะโฮวาแสดงความถ่อมกับดาวิดยังไง และความถ่อมของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเรายังไง?
4 คนถ่อมจะไม่คิดถึงหรือภูมิใจในตัวเองมากเกินไป คนถ่อมจะอ่อนโยน อดทน และมีเหตุผล (กาลาเทีย 5:22, 23) เราไม่ควรคิดว่าเพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม อ่อนโยนและอดทน พระองค์จะไม่โกรธเมื่อมีเรื่องไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น หรืออ่อนแอจนไม่กล้าทำลายคนชั่ว แต่การที่พระยะโฮวาถ่อมและอ่อนโยนแสดงให้เห็นว่าพระองค์ควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ และใช้อำนาจอย่างถูกต้องเสมอ (อิสยาห์ 42:14) ความถ่อมของพระยะโฮวาแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีสติปัญญามาก เป็นอย่างนั้นได้ยังไง? ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งบอกว่าคนถ่อมต้องไม่เห็นแก่ตัว และคนแบบนั้นเท่านั้นที่มีสติปัญญาแท้ แล้วความถ่อมของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์กับเรายังไง?
พ่อที่ฉลาดแสดงความถ่อมและอ่อนโยนกับลูกของเขา
5 กษัตริย์ดาวิดเขียนเพลงที่พูดถึงพระยะโฮวาว่า “พระองค์ช่วยให้ผมพ้นภัยด้วยโล่ของพระองค์ มือขวาของพระองค์พยุงผมไว้ เพราะพระองค์ถ่อมตัวลง ผมจึงยิ่งใหญ่ขึ้น” (สดุดี 18:35) ดาวิดรู้สึกได้ว่าพระยะโฮวาโน้มตัวมาหาเขาและปกป้องดูแลเขาที่เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบ ดาวิดรู้ว่าพระยะโฮวาช่วยเขาจากพวกศัตรูและทำให้เขาขึ้นเป็นกษัตริย์ได้เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่ถ่อม คล้ายกัน เรามีความหวังที่จะรอดก็เพราะพระยะโฮวาถ่อม พระองค์รักเราและช่วยเราเหมือนกับพ่อที่ใจดี
6, 7. (ก) ทำไมคัมภีร์ไบเบิลไม่เคยพูดถึงว่าพระยะโฮวาเจียมตัว? (ข) ความอ่อนโยนกับสติปัญญาเกี่ยวข้องกันยังไง และใครเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุด?
6 น่าสังเกตว่าความถ่อมกับความเจียมตัวไม่เหมือนกัน ความเจียมตัวเป็นคุณลักษณะที่ดีอย่างหนึ่งที่คนซื่อสัตย์ควรมี เหมือนกับความถ่อม ความเจียมตัวเกี่ยวข้องกับสติปัญญา ตัวอย่างเช่น สุภาษิต 11:2 บอกว่า “คนเจียมตัวจะมีสติปัญญา” แต่คัมภีร์ไบเบิลไม่เคยบอกว่าพระยะโฮวาเจียมตัว ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพราะคัมภีร์ไบเบิลใช้คำนี้กับมนุษย์เท่านั้นและหมายถึงการยอมรับว่าตัวเองมีขีดจำกัด พระยะโฮวาพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดไม่มีขีดจำกัด แต่คนที่ทำตามมาตรฐานที่ถูกต้องชอบธรรมของพระองค์จะเข้าใจว่าเขาไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง (มาระโก 10:27; ทิตัส 1:2) และไม่มีใครจะมาสั่งว่าพระองค์ต้องทำอะไร เพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ดังนั้น ความเจียมตัวจึงเอามาใช้กับพระยะโฮวาไม่ได้
7 แต่พระยะโฮวาเป็นพระจ้าที่ถ่อมและอ่อนโยน พระองค์สอนผู้รับใช้ของพระองค์ว่าเพื่อจะมีสติปัญญาแท้พวกเขาต้องอ่อนโยน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า ‘ความอ่อนโยนเกิดจากสติปัญญา’b (ยากอบ 3:13) เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เรามาดูตัวอย่างของพระยะโฮวาด้วยกัน
พระยะโฮวามอบหมายงานให้คนอื่นและฟังพวกเขา
8-10. (ก) ทำไมถึงน่าประทับที่พระยะโฮวาเต็มใจมอบหมายงานและพร้อมที่จะรับฟัง? (ข) พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดแสดงความถ่อมกับทูตสวรรค์ของพระองค์ยังไง?
8 ความถ่อมของพระยะโฮวาทำให้เราประทับใจในพระองค์ ตัวอย่างเช่น พระองค์เต็มใจมอบหมายงานให้ผู้รับใช้ของพระองค์และรับฟังพวกเขา นี่เป็นเรื่องน่าทึ่งเพราะพระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากใคร (อิสยาห์ 40:13, 14; โรม 11:34, 35) แต่คัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เราเห็นหลายครั้งว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม
9 ขอให้คิดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญในชีวิตของอับราฮัม มีสามคนมาหาอับราฮัมและเขาเรียกคนหนึ่งว่า “พระยะโฮวา” ที่จริงพวกเขาเป็นทูตสวรรค์ที่พระยะโฮวาส่งมาเพื่อทำงานมอบหมายของพระองค์ เมื่อทูตสวรรค์พูดหรือทำอะไรบางอย่างก็เหมือนกับว่าพระยะโฮวากำลังทำอย่างนั้นด้วย โดยวิธีนี้พระยะโฮวาบอกกับอับราฮัมว่าพระองค์ได้ยิน ‘ผู้คนร้องบ่นเกี่ยวกับเมืองโสโดมและโกโมราห์’ พระยะโฮวาบอกอีกว่า “เราจะลงไปดูให้รู้ว่า พวกเขาทำชั่วอย่างที่เราได้ยินเสียงร้องบ่นว่านั้นหรือเปล่า” (ปฐมกาล 18:3, 20, 21) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพระยะโฮวาจะ “ลงไป” ดูด้วยพระองค์เอง แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระองค์ส่งทูตสวรรค์ไปเป็นตัวแทนของพระองค์เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น (ปฐมกาล 19:1) ถ้าพระยะโฮวามองเห็นทุกอย่างแล้วทำไมพระองค์ถึงต้องส่งทูตสวรรค์ลงมา? พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาช่วยเพื่อจะ “รู้” ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองโสโดมและโกโมราห์ แต่พระองค์แสดงให้เห็นว่าพระองค์ถ่อมโดยให้ทูตสวรรค์ลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นและไปเยี่ยมโลทกับครอบครัวของเขาในเมืองโสโดม
10 นอกจากนั้น พระยะโฮวายังพร้อมที่จะรับฟังด้วย ครั้งหนึ่งพระองค์ขอทูตสวรรค์ของพระองค์ให้เสนอวิธีต่าง ๆ เพื่อจะทำให้กษัตริย์อาหับที่ชั่วร้ายไปตายในสงคราม พระยะโฮวาไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทูตสวรรค์ แต่เมื่อทูตสวรรค์องค์หนึ่งมีข้อเสนอที่ดี พระองค์ก็ฟังและบอกให้เขาทำตามข้อเสนอของเขา (1 พงศ์กษัตริย์ 22:19-22) นั่นแสดงให้เห็นว่าพระองค์ถ่อมจริง ๆ
11, 12. อับราฮัมได้เข้าใจยังไงว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม?
11 เมื่อมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบบอกเรื่องที่เขากังวล พระยะโฮวาก็เต็มใจฟังด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อรู้ว่าพระยะโฮวาจะทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ อับราฮัมแปลกใจและพูดว่า “พระองค์ไม่มีทางทำอย่างนั้น” เขายังบอกอีกว่า “ผู้พิพากษาโลกทั้งสิ้นจะทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน” เขาถามว่าถ้ามีคนดี 50 คน 45 คน หรือ 40 คนที่นั่น พระยะโฮวาจะทำลายเมืองนั้นไหม ถึงแม้พระยะโฮวาจะรับรองกับอับราฮัมแล้วแต่เขาก็ยังถามเหมือนเดิม จนสุดท้ายเขาถามว่าถ้าเหลือคนดีแค่ 10 คนพระองค์จะยังทำลายเมืองนั้นไหม บางทีอับราฮัมอาจยังไม่เข้าใจเต็มที่ว่าพระยะโฮวาเมตตามากขนาดไหน แต่พระยะโฮวาก็อดทนและถ่อม พระองค์ยอมให้อับราฮัมที่เป็นเพื่อนและผู้รับใช้ของพระองค์บอกเรื่องที่เขากังวล—ปฐมกาล 18:23-33
12 หลายคนที่มีความรู้มากมักจะไม่อดทนฟังคนอื่นที่มีความรู้น้อยกว่าเขาc แต่พระยะโฮวาพระเจ้าของเราฟังผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยความถ่อม ตอนที่อับราฮัมถามพระองค์หลายครั้งเกี่ยวกับการทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ เขาก็ได้มาเข้าใจว่าพระยะโฮวา “ไม่โกรธง่าย” (อพยพ 34:6) เขาอาจเห็นว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยการกระทำของพระยะโฮวาพระเจ้าองค์สูงสุด เขาเลยบอกถึงสองครั้งว่า “พระยะโฮวาครับ อย่าเพิ่งโกรธนะครับ” (ปฐมกาล 18:30, 32) พระยะโฮวาไม่โกรธเพื่อนของพระองค์เพราะพระองค์มี “ความอ่อนโยนที่เกิดจากสติปัญญา”
พระยะโฮวามีเหตุผล
13. ในคัมภีร์ไบเบิลคำว่า “มีเหตุผล” หมายความว่ายังไง และทำไมคำนี้ถึงเหมาะกับพระยะโฮวา?
13 เราเห็นความถ่อมของพระยะโฮวาจากคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างหนึ่ง คือความมีเหตุผล น่าเศร้าที่มนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบมักจะไม่ค่อยมีเหตุผล เราได้เรียนแล้วว่าพระยะโฮวาไม่ได้แค่เต็มใจฟังสิ่งที่มนุษย์และทูตสวรรค์บอกเท่านั้น แต่พระองค์ยังเต็มใจยอมทำตามข้อเสนอของพวกเขาด้วยถ้าเรื่องนั้นไม่ขัดกับมาตรฐานของพระองค์ ในคัมภีร์ไบเบิลคำว่า “มีเหตุผล” มีความหมายตามตัวอักษรว่า “ยินยอม” คุณลักษณะนี้ทำให้เห็นว่าพระองค์มีสติปัญญามากจริง ๆ ยากอบ 3:17 บอกว่า “แต่สติปัญญาจากเบื้องบนนั้น . . . มีเหตุผล” พระยะโฮวาแสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์มีเหตุผล? อย่างแรก พระองค์พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน อย่าลืมว่าชื่อของพระองค์บอกให้เรารู้ว่าพระองค์จะเป็นอะไรก็ได้ที่จำเป็นเพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์สำเร็จ (อพยพ 3:14) นี่บอกให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนและมีเหตุผล
14, 15. นิมิตของเอเสเคียลเรื่องราชรถของพระยะโฮวาสอนอะไรเราเกี่ยวกับองค์การส่วนที่อยู่ในสวรรค์ของพระองค์ และองค์การนี้ไม่เหมือนองค์การของมนุษย์ยังไง?
14 ในคัมภีร์ไบเบิลมีข้อความหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยเราให้เข้าใจมากขึ้นว่าพระยะโฮวาพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน ผู้พยากรณ์เอเสเคียลได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับองค์การส่วนที่อยู่ในสวรรค์ของพระยะโฮวาที่มีทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ เขาเห็นราชรถที่ใหญ่มากซึ่งพระยะโฮวาเองควบคุมอยู่ วิธีที่รถนี้เคลื่อนที่น่าสนใจมาก รถนี้มีสี่ล้อและมีตาอยู่รอบ ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ทุกที่และเปลี่ยนทิศทางได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดหรือเลี้ยว และราชรถขนาดใหญ่นี้ไม่ได้เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ เหมือนพาหนะใหญ่ ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วเท่ากับความเร็วของแสง และทุกล้อก็เลี้ยวได้ทั้งสี่ทิศโดยไม่ต้องหันเลย (เอเสเคียล 1:1, 14-28) เห็นชัดว่าองค์การของพระยะโฮวาอยู่ใต้การควบคุมของพระองค์และพร้อมปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเสมอ
15 ตอนที่สถานการณ์เปลี่ยนไปมนุษย์อาจพยายามปรับเปลี่ยน แต่บ่อยครั้งตัวเขาเองและองค์การของเขาก็ปรับเปลี่ยนอะไร ๆ ได้ช้ามาก เพื่อเป็นตัวอย่าง เรือบรรทุกน้ำมันหรือรถไฟบรรทุกสินค้าอาจดูน่าประทับใจเพราะมีขนาดใหญ่และมีพลังมาก แต่ถ้าอยู่ ๆ มีอะไรมาขวางอยู่ข้างหน้าพาหนะเหล่านี้จะหลบได้ทันไหม? คงเป็นไปไม่ได้ที่รถไฟบรรทุกสินค้าหนักจะหยุดเพื่อไม่ชนสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ถึงรถไฟจะเริ่มเบรกแล้วแต่หลังจากนั้นก็ยังต้องใช้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าจะหยุดได้ คล้ายกัน เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วก็อาจแล่นต่อไปได้อีกถึง 8 กิโลเมตร และถ้าเดินเครื่องยนต์ถอยหลังแล้วเรือก็ยังอาจแล่นไปได้อีกถึง 3 กิโลเมตร เรื่องนี้คล้ายกันกับองค์การของมนุษย์ที่ไม่ยืดหยุ่นและไม่มีเหตุผล เพราะความหยิ่งมักจะทำให้พวกเขาไม่ยอมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความจำเป็นหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การไม่ยอมปรับเปลี่ยนนี้ทำให้บริษัทล้มละลายและถึงกับทำให้รัฐบาลถูกล้มด้วยซ้ำ (สุภาษิต 16:18) เราดีใจมากที่พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์ไม่ได้เป็นแบบนั้น
พระยะโฮวาแสดงให้เห็นยังไงว่าพระองค์มีเหตุผล
16. ก่อนที่พระยะโฮวาจะทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ พระองค์แสดงให้เห็นยังไงว่ามีเหตุผลกับโลท?
16 ขอให้คิดถึงการทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์อีกครั้ง ทูตสวรรค์ของพระยะโฮวาบอกโลทกับครอบครัวของเขาอย่างชัดเจนว่า “ให้หนีไปที่เขตเทือกเขา” แต่โลทไม่อยากไปที่นั่น เขาเลยขอร้องว่า “พระยะโฮวาครับ อย่าให้ผมไปที่นั่นเลย” เพราะเขากลัวว่าถ้าต้องหนีไปที่นั่นเขาคงจะตายแน่ ๆ โลทขอให้เขากับครอบครัวหนีไปที่เมืองโศอาร์ที่อยู่ใกล้ ๆ แต่โลทไม่ต้องกลัวเพราะพระยะโฮวาสามารถปกป้องเขาให้ปลอดภัยที่เทือกเขาได้ ถึงแม้พระยะโฮวาตั้งใจจะทำลายเมืองนั้น แต่พระยะโฮวาก็ยอมให้โลททำตามที่ขอ พระองค์บอกโลทว่า “ได้ เราจะให้ตามที่ขอ และเราจะไม่ทำลายเมืองนั้น” (ปฐมกาล 19:17-22) นี่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวามีเหตุผลจริง ๆ
17, 18. พระยะโฮวาแสดงยังไงว่ามีเหตุผลกับชาวนีนะเวห์?
17 พระยะโฮวาเมตตาและทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ ดังนั้น พระองค์ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนด้วยถ้ามีคนกลับใจอย่างแท้จริง ขอให้คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ผู้พยากรณ์โยนาห์ถูกส่งไปเมืองนีนะเวห์ที่มีคนชั่วและโหดเหี้ยมมาก เมื่อโยนาห์เดินไปตามถนนในเมืองนีนะเวห์ เขาประกาศข่าวสารจากพระเจ้าว่าในอีก 40 วันเมืองใหญ่นี้จะถูกทำลาย แต่เหตุการณ์เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อเพราะชาวนีนะเวห์กลับใจ—โยนาห์บท 3
18 ขอสังเกตว่าในเหตุการณ์นี้ปฏิกิริยาของพระยะโฮวากับของโยนาห์ต่างกันยังไง พระยะโฮวาพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ แทนที่จะเป็น “นักรบที่เก่งกาจ”d และทำลายชาวนีนะเวห์ พระองค์กลับให้อภัยพวกเขา (อพยพ 15:3) แต่โยนาห์ไม่พร้อมปรับเปลี่ยนและไม่แสดงความเมตตา แทนที่จะเลียนแบบพระยะโฮวาเขากลับไม่มีเหตุผล เขาประกาศว่าชาวนีนะเวห์จะถูกทำลายและเขาก็อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แต่พระยะโฮวาก็อดทนกับโยนาห์และสอนบทเรียนที่สำคัญกับเขาในเรื่องความมีเหตุผลและความเมตตา—โยนาห์บท 4
19. (ก) ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาคาดหมายจากเราอย่างมีเหตุผล? (ข) สุภาษิต 19:17 แสดงให้เห็นยังไงว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ “ดีและมีเหตุผล” และถ่อมมาก?
19 พระยะโฮวาคาดหมายจากเราอย่างมีเหตุผล กษัตริย์ดาวิดบอกว่า “พระองค์รู้ดีว่าพวกเราถูกสร้างมาอย่างไร และไม่ลืมว่าพวกเราเป็นแค่ดิน” (สดุดี 103:14) พระยะโฮวาเข้าใจขีดจำกัดและความไม่สมบูรณ์แบบของเรามากกว่าที่เราเข้าใจตัวเอง พระองค์ไม่เคยคาดหมายจากเรามากกว่าที่เราทำได้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าบางคนก็เป็นคน “ดีและมีเหตุผล” ส่วนบางคนก็เป็นคน “เอาใจยาก” (1 เปโตร 2:18) เรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ดี มีเหตุผล และไม่ได้เอาใจยาก ขอสังเกตสุภาษิต 19:17 ที่นั่นบอกว่า “คนที่เมตตาคนจนก็เหมือนให้พระยะโฮวายืม” นี่หมายความว่าพระองค์สนใจสิ่งดี ๆ ที่เราทำเพื่อคนอื่น พระองค์ดีและมีเหตุผลจริง ๆ ยิ่งกว่านั้น พระยะโฮวาพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดยังมองว่าพระองค์เป็นหนี้มนุษย์ที่ต่ำต้อยและพระองค์จะตอบแทนเราในสิ่งดีที่เราทำกับคนอื่น เห็นชัดเลยว่าพระองค์ถ่อมมากจริง ๆ
20. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาฟังและตอบคำอธิษฐานของเรา?
20 พระยะโฮวาปฏิบัติกับผู้รับใช้ของพระองค์ในทุกวันนี้ด้วยความอ่อนโยนและมีเหตุผลเหมือนที่พระองค์ทำในอดีต เมื่อเราอธิษฐานด้วยความเชื่อ พระองค์จะฟังเรา และถึงแม้พระองค์ไม่ได้ให้ทูตสวรรค์มาพูดกับเรา เราก็ไม่ควรคิดว่าพระองค์ไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา ขอจำไว้ว่าตอนที่อัครสาวกเปาโลขอให้เพื่อนร่วมความเชื่อ ‘อธิษฐานต่อไป’ เพื่อเขาจะได้ถูกปล่อยตัวออกจากคุก เขาบอกว่า “เพื่อให้ผมได้กลับไปหาพวกคุณเร็วขึ้น” (ฮีบรู 13:18, 19) ดังนั้น คำอธิษฐานของเราอาจทำให้พระยะโฮวาทำบางอย่างที่พระองค์ไม่ตั้งใจว่าจะทำตั้งแต่แรกก็ได้—ยากอบ 5:16
21. ความถ่อมของพระยะโฮวาไม่ได้หมายถึงอะไร และคุณรู้สึกยังไงที่พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม?
21 ถึงแม้พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ถ่อม อ่อนโยน เต็มใจรับฟัง อดทน และมีเหตุผล แต่พระองค์จะไม่ยอมอะลุ่มอล่วยเมื่อมีคนไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระองค์ ผู้นำในโบสถ์อาจคิดว่าเขาเป็นคนมีเหตุผลเมื่อสอนว่าการทำสิ่งที่พระเจ้าเกลียดไม่ใช่เรื่องผิด เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่อยากได้ยินแบบนั้น (2 ทิโมธี 4:3) บางครั้งเราก็ทำบางอย่างทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดและอ้างว่ามีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น แต่พระยะโฮวาไม่ได้เป็นแบบนั้น พระองค์บริสุทธิ์และไม่ทำอะไรที่ขัดกับกฎหมายของพระองค์แน่นอน (เลวีนิติ 11:44) เราเห็นว่าความถ่อมทำให้พระเจ้ามีเหตุผล และนี่ทำให้เรารักพระองค์มาก คุณรู้สึกยังไงที่รู้ว่าพระยะโฮวาผู้มีสติปัญญามากที่สุดในเอกภพเป็นพระเจ้าที่ถ่อมที่สุดด้วย? เรามีความสุขมากที่ได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าที่มีอำนาจมากแต่ก็อ่อนโยน อดทน และมีเหตุผล
a ผู้คัดลอกคัมภีร์ไบเบิลบางคนในอดีตได้เปลี่ยนข้อความในข้อนี้โดยบอกว่าเยเรมีย์เป็นผู้ที่ก้มตัวลง ไม่ใช่พระยะโฮวาที่ทำแบบนั้น พวกเขาอาจคิดว่าเป็นเรื่องผิดที่จะบอกว่าพระเจ้าลดตัวลงมาช่วยมนุษย์ นี่เลยทำให้ฉบับแปลหลายฉบับขาดจุดสำคัญที่น่าประทับใจนี้ไป
b ฉบับแปลอื่น ๆ บอกว่า “ความถ่อมซึ่งเกิดจากสติปัญญา” และ “ความสุภาพนั้นซึ่งเป็นเครื่องหมายของสติปัญญา”
c คัมภีร์ไบเบิลบอกอย่างน่าสนใจว่าคนที่ไม่อดทนก็เป็นคนหยิ่ง (ปัญญาจารย์ 7:8) ดังนั้นเมื่อพระยะโฮวาอดทน พระองค์ก็ทำให้เห็นว่าพระองค์ถ่อมมากจริง ๆ—2 เปโตร 3:9
d สดุดี 86:5 บอกว่าพระยะโฮวา “ดีจริง ๆ และพร้อมจะให้อภัย” เมื่อแปลสดุดีบทนี้เป็นภาษากรีก คำว่า “พร้อมจะให้อภัย” ถูกแปลว่า เอพิอิคิส หรือ “มีเหตุผล”