บท 40
การบดขยี้หัวของงู
นิมิต 14—วิวรณ์ 20:1-10
เรื่อง: การขังซาตานไว้ในขุมลึก, รัชสมัยพันปี, การทดสอบมนุษยชาติขั้นสุดท้าย, และความพินาศของซาตาน
เวลาที่สำเร็จเป็นจริง: ตั้งแต่ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่สิ้นสุดจนถึงความพินาศของซาตาน
1. ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์แรกในคัมภีร์ไบเบิลได้ดำเนินต่อมาอย่างไร?
คุณจำคำพยากรณ์แรกในคัมภีร์ไบเบิลได้ไหม? คำพยากรณ์นั้นกล่าวโดยพระยะโฮวาพระเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสกับงูนั้นว่า “เราจะให้เจ้ากับหญิงและพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับพงศ์พันธุ์ของนางเป็นศัตรูกัน. เขาจะบดขยี้หัวของเจ้าและเจ้าจะบดขยี้ส้นเท้าของเขา.” (เยเนซิศ 3:15, ล.ม.) บัดนี้ ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์นั้นมาถึงจุดสุดยอดแล้ว! เราได้สืบสาวราวเรื่องประวัติการต่อสู้ของซาตานกับองค์การภาคสวรรค์ที่เป็นดุจผู้หญิงของพระยะโฮวา. (วิวรณ์ 12:1, 9) พงศ์พันธุ์ทางแผ่นดินโลกนี้ของงู พร้อมด้วยศาสนา, การเมือง, และการค้าอันใหญ่โตของมัน ได้ก่อการข่มเหงอย่างทารุณแก่พงศ์พันธุ์ของหญิง นั่นคือ พระเยซูคริสต์และสาวกผู้ถูกเจิม 144,000 คนของพระองค์ ซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลก. (โยฮัน 8:37, 44; ฆะลาเตีย 3:16, 29) ซาตานทำให้พระเยซูสิ้นพระชนม์ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว. แต่สิ่งนี้เป็นดุจแผลที่ส้นเท้า เนื่องจากพระเจ้าทรงปลุกพระบุตรผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ให้เป็นขึ้นมาในวันที่สาม.—กิจการ 10:38-40.
2. งูนั้นถูกบดขยี้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับพงศ์พันธุ์ของงูทางแผ่นดินโลก?
2 แล้วงูกับพงศ์พันธุ์ของมันล่ะเป็นอย่างไร? ประมาณปีสากลศักราช 56 อัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายยาวฉบับหนึ่งไปถึงคริสเตียนในกรุงโรม. ในคำลงท้ายจดหมาย ท่านหนุนน้ำใจพวกเขาโดยกล่าวว่า “ส่วนพระองค์ ในไม่ช้าพระเจ้าผู้ประทานสันติสุขจะปราบซาตานให้ยับเยินใต้ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลาย.” (โรม 16:20, ล.ม.) นั่นเป็นยิ่งกว่าการทำให้ฟกช้ำแต่เพียงผิวนอก. ซาตานจะถูกบดขยี้! ในที่นี้ เปาโลใช้คำภาษากรีกซินทริโบ ซึ่งหมายความว่าบดจนแหลกเหลว, บดขยี้ด้วยเท้า, ทำลายให้สิ้นซากโดยการบดขยี้. ส่วนพงศ์พันธุ์ที่เป็นมนุษย์ของงูนั้นจะรับภัยพิบัติจริง ๆ ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะบรรลุจุดสุดยอด ณ ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ในการบดขยี้บาบิโลนใหญ่และระบบการเมืองของโลกนี้ พร้อมด้วยผู้สนับสนุนทางการเงินและทางการทหารของระบบทั้งสองลงอย่างสิ้นเชิง. (วิวรณ์ บท 18 และ 19) โดยวิธีนี้ พระยะโฮวาทรงทำให้ความเป็นศัตรูกันระหว่างสองพงศ์พันธุ์มาถึงจุดสุดยอด. พงศ์พันธุ์ของผู้หญิงของพระเจ้ามีชัยเหนือพงศ์พันธุ์ทางแผ่นดินโลกนี้ของงู และพงศ์พันธุ์นั้นจะไม่มีต่อไป!
ซาตานถูกขังในขุมลึก
3. โยฮันบอกเราว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับซาตาน?
3 ครั้นแล้ว มีอะไรรออยู่สำหรับซาตานและผีปิศาจของมัน? โยฮันบอกเราว่า “แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจของขุมลึกกับโซ่เส้นใหญ่. ท่านจับพญานาค งูตัวแรกเดิมนั้นผู้เป็นพญามารและซาตาน และมัดมันไว้เป็นเวลาหนึ่งพันปี. ท่านได้เหวี่ยงมันลงไปในขุมลึกนั้นแล้วก็ปิดและประทับตราขังมันไว้ เพื่อไม่ให้มันชักนำชาติต่าง ๆ ให้หลงผิดอีกต่อไปจนกว่าหนึ่งพันปีนั้นจะสิ้นสุดลง. หลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันชั่วขณะหนึ่ง.”—วิวรณ์ 20:1-3, ล.ม.
4. ใครคือทูตสวรรค์ที่มีกุญแจของขุมลึก และเรารู้ได้อย่างไร?
4 ทูตสวรรค์องค์นี้เป็นใครกัน? ท่านคงต้องมีอำนาจมากมายเพื่อจะสามารถกำจัดศัตรูตัวเอ้ของพระยะโฮวาได้. ท่านมี “กุญแจของขุมลึกกับโซ่ใหญ่.” สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เรานึกถึงนิมิตก่อนหน้านี้หรอกหรือ? ใช่แล้ว กษัตริย์เหนือพวกตั๊กแตนถูกเรียกว่า “ทูตแห่งขุมลึก”! (วิวรณ์ 9:11, ล.ม.) ดังนั้น ในที่นี้เราสังเกตเห็นผู้พิสูจน์ความถูกต้ององค์เอกของพระยะโฮวาอีกครั้ง คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสง่าราศีซึ่งกำลังปฏิบัติการ. อัครทูตสวรรค์องค์นี้ที่เหวี่ยงซาตานออกจากสวรรค์, ที่พิพากษาบาบิโลนใหญ่, และที่กำจัด “กษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกและกองทัพของพวกเขา” ณ อาร์มาเก็ดดอน คงไม่ปล่อยให้ทูตสวรรค์ที่ต่ำกว่าทำการอันยิ่งใหญ่ในการขังซาตานไว้ในขุมลึกเป็นแน่!—วิวรณ์ 12:7-9; 18:1, 2; 19:11-21, ล.ม.
5. ทูตแห่งขุมลึกจัดการกับซาตานพญามารอย่างไร และเพราะเหตุใด?
5 คราวที่พญานาคใหญ่สีแดงถูกเหวี่ยงลงมาจากสวรรค์ มันถูกเรียกว่า “งูตัวแรกเดิมซึ่งถูกเรียกว่าพญามารและซาตานที่ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด.” (วิวรณ์ 12:3, 9, ล.ม.) บัดนี้ เมื่อกำลังจะถูกจับและขังในขุมลึก มันถูกเรียกเต็ม ๆ อีกครั้งหนึ่งว่า “พญานาค งูตัวแรกเดิมนั้นผู้เป็นพญามารและซาตาน.” ตัวเขมือบ, ตัวหลอกลวง, ผู้กล่าวร้าย, และผู้ต่อต้านที่เลวทรามผู้นี้ถูกมัดด้วยโซ่และถูกเหวี่ยง “ลงไปในขุมลึก” ซึ่งถูกปิดและประทับตราไว้อย่างแน่นหนา “เพื่อไม่ให้มันชักนำชาติต่าง ๆ ให้หลงผิดอีกต่อไป.” การกักซาตานไว้ในขุมลึกนี้จะเป็นเวลาหนึ่งพันปี ซึ่งในระหว่างนั้นมันจะไม่มีอิทธิพลเหนือมนุษยชาติอีกเลยเหมือนนักโทษในคุกใต้ดิน. ทูตแห่งขุมลึกจะขจัดซาตานออกไปไม่ให้ติดต่อกับราชอาณาจักรแห่งความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง. ช่างเป็นความโล่งใจจริง ๆ สำหรับมนุษยชาติ!
6. (ก) มีหลักฐานอะไรแสดงว่า เหล่าผีปิศาจก็ลงไปในขุมลึกเช่นกัน? (ข) บัดนี้สิ่งใดเริ่มต้นได้ และเพราะเหตุใด?
6 เกิดอะไรขึ้นกับเหล่าผีปิศาจ? พวกมันก็เช่นกัน ถูก “สงวนไว้สำหรับการพิพากษา.” (2 เปโตร 2:4, ล.ม.) ซาตานถูกเรียกว่า “เบละซะบูลนายผีทั้งหลาย.” (ลูกา 11:15, 18; มัดธาย 10:25) เมื่อคำนึงถึงการที่พวกมันร่วมมือกับซาตานมาเป็นเวลานาน ก็ควรมีการพิพากษาอย่างเดียวกันสำหรับพวกมันมิใช่หรือ? ขุมลึกนี้เป็นสิ่งที่พวกผีปิศาจเหล่านั้นกลัวมานานแล้ว เมื่อพระเยซูทรงเผชิญกับพวกมันในโอกาสหนึ่ง มัน “พร่ำอ้อนวอนพระองค์มิให้สั่งให้มันลงไปยังขุมลึก.” (ลูกา 8:31, ล.ม.) แต่เมื่อซาตานถูกขังไว้ในขุมลึก ทูตสวรรค์ฝ่ายมันก็ย่อมจะถูกเหวี่ยงลงในขุมลึกพร้อมกับมันอย่างแน่นอน. (เทียบกับยะซายา 24:21, 22.) หลังจากขังซาตานและผีปิศาจฝ่ายมันไว้ในขุมลึกแล้ว รัชสมัยพันปีของพระเยซูคริสต์ก็เริ่มต้นได้.
7. (ก) ซาตานกับผีปิศาจฝ่ายมันจะมีสถานะเช่นไรขณะอยู่ในขุมลึก และเราทราบได้อย่างไร? (ข) ฮาเดสกับขุมลึกหมายถึงสิ่งเดียวกันไหม? (ดูเชิงอรรถ.)
7 ซาตานและผีปิศาจฝ่ายมันจะทำอะไร ๆ ขณะอยู่ในขุมลึกได้ไหม? ขอให้นึกถึงสัตว์ร้ายสีแดงเข้มที่มีเจ็ดหัวที่ “เคยเป็นอยู่เมื่อก่อน และไม่ได้เป็นอยู่ตอนนี้ แต่มันกำลังจะขึ้นมาจากขุมลึกนั้น.” (วิวรณ์ 17:8, ล.ม.) ขณะอยู่ในขุมลึก มัน “ไม่ได้เป็นอยู่.” มันไม่ได้ทำอะไร ไม่สามารถขยับเขยื้อน ซึ่งที่จริงแล้ว ก็คือตายนั่นเอง. ทำนองเดียวกัน เมื่อกล่าวถึงพระเยซู อัครสาวกเปาโลบอกว่า “‘ใครจะลงไปยังที่ลึก [“ขุมลึก,” ล.ม.]?’ คือจะเชิญพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย.” (โรม 10:7) ขณะที่อยู่ในขุมลึกนั้น พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์.a ดังนั้น จึงมีเหตุผลจะสรุปว่า ซาตานและผีปิศาจฝ่ายมันจะอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้เสมือนตายเป็นเวลาพันปีแห่งการขังพวกมันในขุมลึกนั้น. เป็นข่าวดีจริง ๆ สำหรับผู้รักความชอบธรรม!
เหล่าผู้พิพากษาเป็นเวลาหนึ่งพันปี
8, 9. ตอนนี้โยฮันบอกอะไรเราเกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่นั่งบนบัลลังก์ และคนเหล่านั้นคือใคร?
8 หลังจากพันปี ซาตานถูกปล่อยออกจากขุมลึกชั่วระยะสั้น ๆ. เพราะเหตุใด? ก่อนจะให้คำตอบ โยฮันนำความสนใจของเราย้อนไปยังตอนต้นของช่วงพันปี. เราอ่านว่า “แล้วข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และมีผู้นั่งบนบัลลังก์เหล่านั้น พวกเขาได้รับอำนาจให้พิพากษา.” (วิวรณ์ 20:4ก, ล.ม.) คนเหล่านี้ที่นั่งบนบัลลังก์และปกครองในสวรรค์กับพระเยซูผู้ทรงสง่าราศีเป็นใครกัน?
9 พวกเขาเป็น “เหล่าผู้บริสุทธิ์” ที่ดานิเอลพรรณนาว่าครอบครองอยู่ในราชอาณาจักรกับผู้หนึ่งซึ่งเป็น “ดังบุตรของมนุษย์.” (ดานิเอล 7:13, 14, 18) พวกเขาเป็นพวกเดียวกับผู้ปกครอง 24 คนที่นั่งบนบัลลังก์ในสวรรค์ ในที่ประทับของพระยะโฮวาทีเดียว. (วิวรณ์ 4:4) คนเหล่านี้หมายรวมถึงอัครสาวก 12 คนที่พระเยซูทรงสัญญาว่า “ในการสร้างใหม่ เมื่อบุตรมนุษย์ประทับลงที่ราชบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ พวกท่านที่ได้ติดตามเรามาจะนั่งบนบัลลังก์สิบสองบัลลังก์ พิพากษาอิสราเอลสิบสองตระกูล.” (มัดธาย 19:28, ล.ม.) พวกเขารวมถึงเปาโล และคริสเตียนชาวโกรินโธที่รักษาความซื่อสัตย์ด้วย. (1 โกรินโธ 4:8; 6:2, 3) พวกเขารวมถึงสมาชิกของประชาคมลาโอดิเคียที่มีชัยชนะด้วย.—วิวรณ์ 3:21.
10. (ก) บัดนี้โยฮันพรรณนาถึงกษัตริย์ 144,000 องค์อย่างไร? (ข) จากสิ่งที่โยฮันบอกเราก่อนหน้านี้ กษัตริย์ 144,000 องค์หมายรวมถึงผู้ใด?
10 บัลลังก์—144,000 บัลลังก์—ถูกเตรียมไว้สำหรับเหล่าผู้มีชัยที่ถูกเจิมซึ่ง “ถูกซื้อจากท่ามกลางมนุษย์เป็นผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก.” (วิวรณ์ 14:1, 4, ล.ม.) โยฮันกล่าวต่อไปว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนเหล่านั้นที่ถูกประหารด้วยขวานเพราะเป็นพยานฝ่ายพระเยซูและพูดเรื่องพระเจ้า พวกเขาคือคนที่ไม่ได้นมัสการสัตว์ร้ายและรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายบนหน้าผากหรือที่มือของตน.” (วิวรณ์ 20:4ข, ล.ม.) ฉะนั้น ในท่ามกลางกษัตริย์เหล่านั้นก็คือคริสเตียนผู้ถูกเจิมที่ถูกสังหารเพราะความเชื่อซึ่งก่อนหน้านี้ ในตอนที่แกะดวงตราที่ห้านั้น ได้ทูลถามพระยะโฮวาว่า พระองค์จะทรงยับยั้งการแก้แค้นคนเหล่านั้นที่ฆ่าพวกเขาไว้จนถึงเมื่อไร. ในตอนนั้น พวกเขาได้รับเสื้อคลุมยาวสีขาวคนละตัวและมีการบอกให้คอยต่อไปอีกชั่วขณะหนึ่ง. แต่บัดนี้ พวกเขาได้รับการแก้แค้นให้แล้วด้วยการล้างผลาญบาบิโลนใหญ่, ด้วยการทำลายนานาชาติโดยกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย, และด้วยการขังซาตานไว้ในขุมลึก.—วิวรณ์ 6:9-11; 17:16; 19:15, 16.
11. (ก) เราจะเข้าใจคำกล่าวที่ว่า “ถูกประหารด้วยขวาน” อย่างไร? (ข) ทำไมจึงอาจกล่าวว่า ชน 144,000 คนทั้งสิ้นตายด้วยการเสียสละชีวิต?
11 ผู้พิพากษาที่เป็นกษัตริย์ 144,000 คนเหล่านี้ “ถูกประหารด้วยขวาน” จริง ๆ ทุกคนหรือ? น่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่ถูกประหารด้วยขวานจริง ๆ. อย่างไรก็ตาม สำนวนนี้คงมุ่งหมายจะครอบคลุมคริสเตียนผู้ถูกเจิมเหล่านั้นทั้งหมดซึ่งทนการเคี่ยวเข็ญประหัตประหารเพราะความเชื่อไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย.b (มัดธาย 10:22, 28) แน่นอน ซาตานคงอยากจะประหารพวกเขาทั้งหมด ด้วยขวาน แต่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่พี่น้องผู้ถูกเจิมของพระเยซูทุกคนจะตายเนื่องด้วยความเชื่อ. หลายคนตายเนื่องจากโรคภัยหรือชราภาพ. อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นก็อยู่ในกลุ่มที่โยฮันเห็นในตอนนี้ด้วย. ความตายของพวกเขาทุกคนเป็นไปในแง่ของการเสียสละ. (โรม 6:3-5) นอกจากนี้ พวกเขาทั้งปวงไม่เป็นส่วนของโลก. ดังนั้น พวกเขาทุกคนจึงถูกโลกเกลียดชัง และด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นคนตายในสายตาของโลก. (โยฮัน 15:19; 1 โกรินโธ 4:13) พวกเขาทั้งปวงไม่นมัสการสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และเมื่อพวกเขาตาย จึงไม่มีใครในพวกเขามีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น. พวกเขาทุกคนตายในฐานะผู้มีชัยชนะ.—1 โยฮัน 5:4; วิวรณ์ 2:7; 3:12; 12:11.
12. โยฮันรายงานเกี่ยวกับกษัตริย์ 144,000 องค์อย่างไร และการกลับมีชีวิตอีกของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อไร?
12 บัดนี้ ผู้ชนะเหล่านี้มีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง! โยฮันรายงานว่า “พวกเขากลับมีชีวิตอีกและได้ปกครองเป็นกษัตริย์กับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี.” (วิวรณ์ 20:4ค, ล.ม.) ทั้งนี้หมายความว่า ผู้พิพากษาเหล่านี้จะไม่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายจนกระทั่งหลังพินาศกรรมของนานาชาติและการขังซาตานและผีปิศาจฝ่ายมันในขุมลึกอย่างนั้นหรือ? มิใช่เช่นนั้น. พวกเขาส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาขี่ม้าไปกับพระเยซูเพื่อต่อสู้กับนานาประเทศ ณ อาร์มาเก็ดดอน. (วิวรณ์ 2:26, 27; 19:14) แท้จริง เปาโลชี้ว่า การเป็นขึ้นจากตายของพวกเขาเริ่มไม่นานหลังจากพระเยซูเริ่มเสด็จประทับในปี 1914 ทั้งยังชี้ว่า บางคนจะได้รับการปลุกก่อนคนอื่น. (1 โกรินโธ 15:51-54; 1 เธซะโลนิเก 4:15-17) ดังนั้น การกลับมีชีวิตของพวกเขาจึงเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พวกเขาแต่ละคนได้รับชีวิตอมตะในสวรรค์เป็นรางวัล.—2 เธซะโลนิเก 1:7; 2 เปโตร 3:11-14.
13. (ก) เราควรมองดูช่วงเวลาหนึ่งพันปีซึ่งชน 144,000 คนปกครองอย่างไร และทำไม? (ข) พาพิอัสแห่งฮีราโพลิสมองดูสมัยหนึ่งพันปีนั้นอย่างไร? (ดูเชิงอรรถ.)
13 การครอบครองและการพิพากษาของพวกเขาจะเป็นระยะเวลาหนึ่งพันปี. นั่นเป็นหนึ่งพันปีจริง ๆ หรือว่าเราควรมองดูหนึ่งพันปีในแง่เป็นนัยว่าหมายถึงระยะเวลานานไม่มีกำหนด? “หลายพัน” อาจหมายถึงจำนวนมากมายไม่มีกำหนด ดังที่ 1 ซามูเอล 21:11 ก็ได้. แต่ในที่นี้คำว่า “พัน” เป็นจำนวนตามตัวอักษร เนื่องจากมีปรากฏสามครั้งในวิวรณ์ 20:5-7 ว่า “พันปีนั้น.” เปาโลเรียกเวลาแห่งการพิพากษานี้ว่า “วันหนึ่ง” เมื่อท่านกล่าวว่า “พระองค์ [พระเจ้า] ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม.” (กิจการ 17:31) เนื่องจากเปโตรบอกเราว่า วันหนึ่งของพระยะโฮวาเปรียบเหมือนพันปี จึงเป็นการเหมาะสมที่วันแห่งการพิพากษานี้เป็นหนึ่งพันปีจริง ๆ.c—2 เปโตร 3:8.
คนที่ตายแล้วนอกจากนี้
14. (ก) โยฮันแทรกคำกล่าวอะไรเกี่ยวกับ “คนที่ตายแล้วนอกจากนี้”? (ข) คำกล่าวของเปาโลให้ความกระจ่างแก่ถ้อยคำ “กลับมีชีวิตอีก” อย่างไร?
14 แล้วกษัตริย์เหล่านี้จะพิพากษาใครถ้าเป็นไปตามที่อัครสาวกโยฮันสอดถ้อยคำต่อไปนี้เข้ามาว่า “(คนที่ตายแล้วนอกจากนี้ไม่ได้กลับมีชีวิตอีกจนกว่าหนึ่งพันปีนั้นสิ้นสุดลง.)”? (วิวรณ์ 20:5ก, ล.ม.) อีกครั้งหนึ่งที่จะต้องเข้าใจคำกล่าว “กลับมีชีวิตอีก” ให้ตรงตามบริบท. คำกล่าวนี้อาจมีความหมายแตกต่างกันไปในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน. ตัวอย่างเช่น เปาโลกล่าวถึงเพื่อนคริสเตียนผู้ถูกเจิมของท่านว่า “พระองค์ได้ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านทั้งหลายได้เคยตายแล้วในการผิดการบาป.” (เอเฟโซ 2:1) ใช่แล้ว คริสเตียนผู้ถูกเจิมโดยพระวิญญาณถูก “กระทำให้ . . . มีชีวิตอยู่” แม้แต่ในศตวรรษแรกแล้ว โดยได้รับการประกาศว่าชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อในเครื่องบูชาของพระเยซู.—โรม 3:23, 24.
15. (ก) พยานของพระยะโฮวาก่อนยุคคริสเตียนมีฐานะอย่างไรกับพระเจ้า? (ข) แกะอื่น “กลับมีชีวิตอีก” อย่างไร และพวกเขาจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดกในความหมายที่ครบถ้วนเมื่อไร?
15 ในทำนองเดียวกัน พยานพระยะโฮวาก่อนยุคคริสเตียนได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในฐานะสหายของพระเจ้า และมีการกล่าวถึงอับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบว่า “มีชีวิตอยู่” แม้พวกเขาจะตายไปแล้วจริง ๆ. (มัดธาย 22:31, 32; ยาโกโบ 2:21, 23) อย่างไรก็ดี พวกเขาและคนอื่นทั้งปวงที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย อีกทั้งชนฝูงใหญ่แห่งแกะอื่นที่ซื่อสัตย์ซึ่งรอดชีวิตผ่านอาร์มาเก็ดดอน รวมทั้งลูก ๆ ที่พวกเขาอาจให้กำเนิดในโลกใหม่ จะต้องได้รับการยกขึ้นสู่ความเป็นมนุษย์สมบูรณ์. สิ่งนี้จะบรรลุความสำเร็จโดยพระคริสต์และเหล่ากษัตริย์และปุโรหิตที่ร่วมปกครองในช่วงวันพิพากษาพันปี โดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู. ตอนท้ายของวันแห่งการพิพากษานั้น “คนที่ตายแล้วนอกจากนี้” จะ “กลับมีชีวิตอีก” ในแง่ที่ว่า พวกเขาจะเป็นมนุษย์สมบูรณ์. ดังที่เราจะเห็น ครั้นแล้วพวกเขาจะต้องผ่านการทดลองขั้นสุดท้าย แต่พวกเขาจะเผชิญการทดลองนั้นในฐานะมนุษย์สมบูรณ์. เมื่อพวกเขาผ่านการทดลองนั้น พระเจ้าจะทรงประกาศว่า พวกเขาคู่ควรกับชีวิตนิรันดร์ ชอบธรรมในความหมายที่ครบถ้วน. พวกเขาจะได้ประสบความสำเร็จเป็นจริงครบถ้วนของคำสัญญาที่ว่า “คนสัตย์ธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:29) ช่างเป็นอนาคตอันน่าเบิกบานจริง ๆ ที่มีไว้สำหรับมนุษยชาติที่เชื่อฟัง!
การกลับเป็นขึ้นจากตายอันดับแรก
16. โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงการกลับเป็นขึ้นจากตายซึ่งคนที่ปกครองเป็นกษัตริย์กับพระคริสต์จะได้รับ และเพราะเหตุใด?
16 ตอนนี้ โยฮันย้อนไปที่คนเหล่านั้นซึ่ง “กลับมีชีวิตอีกและได้ปกครองเป็นกษัตริย์กับพระคริสต์” และเขียนว่า “นี่คือการกลับเป็นขึ้นจากตายอันดับแรก.” (วิวรณ์ 20:5ข, ล.ม.) เป็นอันดับแรกในแง่ใด? เป็น “การกลับเป็นขึ้นจากตายอันดับแรก” ในแง่ของเวลา เนื่องจากผู้ที่ได้ประสบกับการกลับเป็นขึ้นจากตายนั้นเป็น “ผลแรกเพื่อถวายแด่พระเจ้าและพระเมษโปดก.” (วิวรณ์ 14:4, ล.ม.) นอกจากนี้ ยังเป็นอันดับแรกในด้านความสำคัญด้วย เนื่องจากคนที่ได้รับการปลุกนี้ได้มาเป็นผู้ปกครองร่วมกับพระเยซูในราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ของพระองค์และพิพากษามนุษยชาติที่เหลือ. ประการสุดท้าย เป็นที่หนึ่งในด้านคุณภาพ. นอกเหนือจากพระเยซูคริสต์เองแล้ว คนที่เป็นขึ้นจากตายอันดับแรกเป็นสิ่งทรงสร้างพวกเดียวที่ได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลว่าได้รับอมตชีพ.—1 โกรินโธ 15:53; 1 ติโมเธียว 6:16.
17. (ก) โยฮันพรรณนาถึงความหวังอันน่ายินดีสำหรับเหล่าคริสเตียนผู้ถูกเจิมอย่างไร? (ข) “ความตายชนิดที่สอง” คืออะไร และทำไมความตายนี้จึง “ไม่มีอำนาจ” เหนือผู้มีชัย 144,000 คน?
17 ช่างเป็นความหวังที่น่ายินดีสำหรับผู้ถูกเจิมเหล่านี้! ดังที่โยฮันแจ้งว่า “ผู้ที่ได้ร่วมอยู่ในการกลับเป็นขึ้นจากตายอันดับแรกก็มีความสุขและเป็นผู้บริสุทธิ์ ความตายชนิดที่สองไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านี้.” (วิวรณ์ 20:6ก, ล.ม.) ดังที่พระเยซูทรงสัญญากับชนคริสเตียนในสเมอร์นา ผู้มีชัยเหล่านี้ที่มีส่วนใน “การกลับเป็นขึ้นจากตายอันดับแรก” จะไม่ได้รับอันตรายจาก “ความตายชนิดที่สอง” ซึ่งหมายถึงการทำลายล้าง ให้พินาศโดยไม่มีความหวังจะได้กลับเป็นขึ้นจากตาย. (วิวรณ์ 2:11; 20:14) ความตายชนิดที่สอง “ไม่มีอำนาจ” เหนือผู้มีชัยเหล่านี้ เนื่องจากพวกเขาจะสวมใส่ซึ่งความไม่เปื่อยเน่าและอมตชีพ.—1 โกรินโธ 15:53.
18. ตอนนี้โยฮันกล่าวถึงเหล่าผู้ปกครองใหม่แห่งแผ่นดินโลกอย่างไร และพวกเขาจะทำสิ่งใดให้บรรลุผล?
18 ช่างแตกต่างจากกษัตริย์ทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกในระหว่างที่ซาตานมีอำนาจครอบครองอยู่เสียจริง ๆ! กษัตริย์เหล่านั้นปกครองได้อย่างมากก็ 50 หรือ 60 ปี และส่วนใหญ่แล้วก็เพียงไม่กี่ปี. กษัตริย์หลายองค์ได้กดขี่มนุษยชาติ. ไม่ว่าในกรณีใด นานาชาติจะได้รับประโยชน์อย่างถาวรภายใต้ผู้ปกครองที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาโดยมีนโยบายที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไร? ในทางตรงข้าม โยฮันพูดถึงเหล่าผู้ปกครองใหม่ของแผ่นดินโลกว่า “แต่พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะปกครองเป็นกษัตริย์กับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี.” (วิวรณ์ 20:6ข, ล.ม.) พวกเขากับพระเยซูจะประกอบกันเป็นรัฐบาลเดียวตลอดหนึ่งพันปี. โดยใช้คุณค่าแห่งเครื่องบูชามนุษย์สมบูรณ์ของพระเยซู การรับใช้ของพวกเขาในฐานะปุโรหิตจะยกมนุษย์ที่เชื่อฟังขึ้นสู่ความสมบูรณ์ทางฝ่ายวิญญาณ, ทางศีลธรรม, และทางร่างกาย. ส่วนการรับใช้ในฐานะกษัตริย์จะยังผลด้วยการสร้างสังคมมนุษย์ทั่วทั้งโลกซึ่งจะสะท้อนความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา. ในฐานะผู้พิพากษาเป็นเวลาหนึ่งพันปี พวกเขาพร้อมกับพระเยซูจะนำมนุษย์ที่ตอบรับสู่เป้าหมายแห่งชีวิตนิรันดร์ด้วยความรัก.—โยฮัน 3:16.
การทดสอบขั้นสุดท้าย
19. เมื่อสิ้นสุดรัชสมัยพันปี สภาพแผ่นดินโลกและสภาพของมนุษยชาติจะเป็นเช่นไร และตอนนี้พระเยซูจะทรงทำอะไร?
19 เมื่อใกล้จะสิ้นสุดรัชสมัยพันปี ทั่วทั้งแผ่นดินโลกจะคล้ายกับสวนเอเดนดั้งเดิม. โลกจะเป็นอุทยานจริง ๆ. มนุษยชาติที่สมบูรณ์จะไม่จำเป็นต้องมีมหาปุโรหิตอีกต่อไปเพื่อเป็นผู้กลางขอร้องแทนเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เนื่องจากร่องรอยแห่งบาปจากอาดามทั้งหมดจะถูกขจัดออกไป และความตาย ศัตรูตัวสุดท้าย จะไม่มีอีกเลย. ราชอาณาจักรของพระคริสต์จะบรรลุพระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างสังคมมนุษย์เดียวโดยมีการปกครองเดียว. ณ จุดนี้ พระเยซู “ทรงมอบราชอาณาจักรแด่พระเจ้าและพระบิดาของพระองค์.”—1 โกรินโธ 15:22-26, ล.ม.; โรม 15:12.
20. โยฮันบอกเราว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อถึงเวลาทดสอบขั้นสุดท้าย?
20 ตอนนี้มาถึงการทดสอบขั้นสุดท้าย. มนุษยชาติที่สมบูรณ์จะยืนมั่นในความซื่อสัตย์มั่นคงต่างจากมนุษย์คู่แรกในสวนเอเดนหรือไม่? โยฮันบอกให้เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น: “ทันทีที่หนึ่งพันปีนั้นสิ้นสุดลง ซาตานจะถูกปล่อยออกมาจากคุกที่ขังมันไว้. มันจะออกไปชักนำชาติต่าง ๆ ทั้งสี่มุมโลกซึ่งก็คือโกกและมาโกกให้หลงผิด เพื่อจะรวบรวมพวกเขาไปทำสงคราม. จำนวนคนเหล่านี้ดุจเม็ดทรายชายทะเล. พวกเขาไปทั่วแผ่นดินโลกและล้อมค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์และเมืองอันเป็นที่รักนั้นไว้.”—วิวรณ์ 20:7-9ก, ล.ม.
21. เพื่อความพยายามครั้งสุดท้าย ซาตานจะดำเนินการอย่างไร และทำไมเราไม่ควรแปลกใจที่มีบางคนจะติดตามซาตานแม้แต่ภายหลังรัชสมัยพันปี?
21 ความพยายามครั้งสุดท้ายของซาตานจะปรากฏผลอย่างไร? มันจะล่อลวง “ชาติต่าง ๆ ทั้งสี่มุมโลกซึ่งก็คือโกกและมาโกกให้หลงผิด” และนำพวกเขาสู่ “สงคราม.” ใครล่ะจะเข้าข้างฝ่ายซาตานหลังจากพันปีแห่งการปกครองของพระเจ้าที่ให้ความสุขและการเสริมสร้าง? อย่าลืมว่า ซาตานสามารถชักนำอาดามและฮาวาซึ่งสมบูรณ์ให้หลงได้ในขณะที่เขาทั้งสองชื่นชมกับชีวิตในอุทยานเอเดน. และมันสามารถชักนำพวกทูตสวรรค์ซึ่งเห็นผลอันเลวร้ายของการกบฏครั้งแรกมาแล้วนั้นให้เข้าสู่แนวทางที่ผิดได้. (2 เปโตร 2:4; ยูดา 6) ดังนั้น เราไม่ควรแปลกใจที่มนุษย์สมบูรณ์จำนวนหนึ่งจะถูกล่อให้ติดตามซาตานแม้ภายหลังพันปีที่น่ายินดีแห่งการปกครองโดยราชอาณาจักรของพระเจ้า.
22. (ก) คำกล่าว “ชาติต่าง ๆ ทั้งสี่มุมโลก” บ่งชี้ถึงสิ่งใด? (ข) ทำไมพวกกบฏถูกเรียกว่า “โกกและมาโกก”?
22 คัมภีร์ไบเบิลเรียกพวกกบฏเหล่านี้ว่า “ชาติต่าง ๆ ทั้งสี่มุมโลก.” นี่ไม่ได้หมายความว่า มนุษยชาติจะถูกแบ่งเป็นประเทศต่าง ๆ ที่แยกกันอยู่ต่างหากอีกครั้งหนึ่ง. ข้อนี้เพียงแต่ชี้ให้เห็นว่า พวกเหล่านี้จะแยกตนเองจากเหล่าผู้ชอบธรรมและภักดีของพระยะโฮวา แล้วแสดงน้ำใจอันเลวร้ายเหมือนกับที่ชนนานาชาติสำแดงให้เห็นในทุกวันนี้. พวกเขาจะ “คิดแผนการชั่ว” ตามที่โกกแห่งมาโกกในคำพยากรณ์ของยะเอศเคลได้ทำ โดยมีเป้าจะทำลายการปกครองของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก. (ยะเอศเคล 38:3, 10-12, ฉบับแปลใหม่) ดังนั้น พวกเขาจึงถูกเรียกว่า “โกกและมาโกก.”
23. ข้อเท็จจริงที่ว่า จำนวนของพวกกบฏเป็น “ดุจเม็ดทรายชายทะเล” แสดงถึงอะไร?
23 จำนวนของคนที่ร่วมกับซาตานในการกบฏของมันจะ “ดุจเม็ดทรายชายทะเล.” จะมากมายสักเท่าไร? ไม่มีจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า. (เทียบกับยะโฮซูอะ 11:4; วินิจฉัย 7:12.) จำนวนสุดท้ายของผู้กบฏทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนมีปฏิกิริยาต่ออุบายล่อลวงของซาตานอย่างไร. แต่ไม่เป็นที่สงสัยว่า คงต้องมีจำนวนมากทีเดียว เนื่องจากพวกเหล่านี้รู้สึกว่ามีกำลังเข้มแข็งพอที่จะเอาชนะ “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์และเมืองอันเป็นที่รักนั้น” ได้.
24. (ก) “เมืองอันเป็นที่รักนั้น” คืออะไร และเมืองนี้จะถูกล้อมได้อย่างไร? (ข) “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์” หมายถึงอะไร?
24 “เมืองอันเป็นที่รักนั้น” คงต้องเป็นเมืองที่พระเยซูคริสต์ผู้ทรงสง่าราศีได้ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ที่วิวรณ์ 3:12 (ล.ม.) และเป็นเมืองที่พระองค์ทรงเรียกว่า “เมืองของพระเจ้าของเรา คือเยรูซาเลมใหม่ซึ่งลงมาจากพระเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์.” เนื่องจากนี่เป็นองค์การทางภาคสวรรค์ กองกำลังเหล่านั้นทางแผ่นดินโลกจะ “ล้อม” องค์การนี้ได้อย่างไร? ก็โดยที่พวกเขาล้อม “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์.” ค่ายอยู่นอกเมือง ดังนั้น “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์” คงต้องหมายถึงคนเหล่านั้นทางแผ่นดินโลกซึ่งอยู่นอกที่ตั้งในสวรรค์ของเยรูซาเลมใหม่ซึ่งสนับสนุนการจัดเตรียมด้านการปกครองของพระยะโฮวาด้วยความภักดี. เมื่อพวกกบฏภายใต้ซาตานโจมตีเหล่าผู้ซื่อสัตย์นั้น พระเยซูเจ้าทรงถือว่าเป็นการโจมตีพระองค์. (มัดธาย 25:40, 45) “ชาติต่าง ๆ” จะพยายามกำจัดทุกสิ่งที่เยรูซาเลมใหม่ทางภาคสวรรค์บรรลุผลสำเร็จในการทำให้แผ่นดินโลกเป็นอุทยาน. ฉะนั้น ในการโจมตี “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์” ก็เท่ากับพวกเขากำลังโจมตี “เมืองอันเป็นที่รักนั้น” ด้วย.
บึงที่มีไฟและกำมะถัน
25. โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงผลที่เกิดขึ้นจากการที่พวกกบฏโจมตี “ค่ายของเหล่าผู้บริสุทธิ์” และสิ่งนี้จะหมายถึงอะไรสำหรับซาตาน?
25 ความพยายามครั้งสุดท้ายนี้ของซาตานจะบรรลุผลสำเร็จไหม? ไม่สำเร็จอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการโจมตีที่โกกแห่งมาโกกจะทำต่ออิสราเอลฝ่ายวิญญาณในสมัยของเรานี้ก็จะไม่สำเร็จดุจกัน! (ยะเอศเคล 38:18-23) โยฮันพรรณนาอย่างชัดเจนถึงผลที่เกิดขึ้นว่า “แต่มีไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาเสีย. พญามารผู้ชักนำพวกเขาให้หลงผิดก็ถูกเหวี่ยงลงในบึงที่มีไฟและกำมะถันซึ่งสัตว์ร้ายกับผู้พยากรณ์เท็จอยู่ที่นั่นแล้ว พวกมันจะถูกทรมานทั้งวันทั้งคืนตลอดไปเป็นนิตย์.” (วิวรณ์ 20:9ข-10ก, ล.ม.) แทนที่จะเพียงถูกขังในขุมลึก คราวนี้ซาตาน งูตัวแรกเดิม จะถูกทำลายให้สูญสิ้น จะถูกบดขยี้ ทำลายล้างให้สิ้นซากราวกับถูกไฟเผา.
26. ทำไม “บึงที่มีไฟและกำมะถัน” จึงไม่อาจเป็นสถานที่แห่งการทรมานจริง ๆ?
26 เราสังเกตเห็นมาแล้วว่า “บึงที่มีไฟและกำมะถัน” จะเป็นสถานที่แห่งการทรมานจริง ๆ ไม่ได้. (วิวรณ์ 19:20) หากซาตานจะต้องถูกทรมานอย่างแสนสาหัสอยู่ที่นั่นชั่วกัปชั่วกัลป์ พระยะโฮวาก็คงจะต้องไว้ชีวิตมัน. แต่ชีวิตเป็นของประทาน ไม่ใช่การลงโทษ. ความตายคือการลงโทษสำหรับการทำบาป และตามคัมภีร์ไบเบิล สิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวด. (โรม 6:23; ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10) ยิ่งกว่านั้น เราอ่านต่อไปอีกว่า ความตายพร้อมกับหลุมศพจะถูกโยนทิ้งลงไปในบึงที่มีไฟและกำมะถันเดียวกันนี้. แน่นอน ความตายและหลุมศพไม่อาจรู้สึกเจ็บปวดได้!—วิวรณ์ 20:14.
27. สิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับโซโดมและโกโมร์ราห์ช่วยเราให้เข้าใจคำว่าบึงที่มีไฟและกำมะถันอย่างไร?
27 ทั้งหมดนี้จึงสนับสนุนแง่คิดที่ว่า บึงที่มีไฟและกำมะถันนั้นเป็นสัญลักษณ์. นอกจากนี้ การเอ่ยถึงไฟและกำมะถันทำให้นึกถึงจุดจบของโซโดมและโกโมร์ราห์โบราณที่ถูกพระเจ้าทำลายเนื่องจากความชั่วช้ายิ่งของเมืองทั้งสอง. เมื่อถึงเวลา “พระยะโฮวาจึงทรงบันดาลให้เพลิงกำมะถันมาแต่พระองค์จากฟ้าตกที่เมืองซะโดมและเมืองอะโมรา.” (เยเนซิศ 19:24) สิ่งที่เกิดแก่เมืองทั้งสองนั้นถูกเรียกว่า “อาชญาในไฟนิรันดร์.” (ยูดา 7, ฉบับแปลใหม่) กระนั้น เมืองทั้งสองก็ไม่ได้ถูกทรมานตลอดกาล. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทั้งสองเมืองกลับถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปตลอดกาลพร้อมกับชาวเมืองที่เสื่อมทราม. ไม่มีเมืองทั้งสองแล้วในทุกวันนี้ และไม่มีใครอาจบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเมืองทั้งสองเคยตั้งอยู่ตรงไหน.
28. บึงที่มีไฟและกำมะถันคืออะไร และบึงนี้ไม่เหมือนความตาย, หลุมศพ, และขุมลึกอย่างไร?
28 สอดคล้องกับเรื่องนี้ คัมภีร์ไบเบิลเองก็อธิบายความหมายของบึงที่มีไฟและกำมะถันว่า “บึงไฟนี้หมายถึงความตายชนิดที่สอง.” (วิวรณ์ 20:14, ล.ม.) เห็นได้ชัดว่า บึงที่มีไฟและกำมะถันก็เหมือนกับเกเฮนนาที่พระเยซูตรัสถึง เป็นที่ซึ่งคนชั่วถูกทำลาย ไม่ใช่ถูกทรมานตลอดไป. (มัดธาย 10:28) เป็นการทำลายโดยสิ้นเชิง ไม่มีความหวังจะกลับเป็นขึ้นจากตาย. ดังนั้น ขณะที่มีกุญแจแห่งความตาย, หลุมศพ, และขุมลึก ไม่มีการเอ่ยถึงกุญแจเพื่อเปิดบึงที่มีไฟและกำมะถัน. (วิวรณ์ 1:18; 20:1) มันจะไม่มีวันปล่อยเชลยที่มันจับไว้เลย.—เทียบกับมาระโก 9:43-47.
ถูกทรมานทั้งวันทั้งคืนตลอดไปเป็นนิตย์
29, 30. โยฮันกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับพญามารรวมทั้งสัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จ และควรเข้าใจเรื่องนี้อย่างไร?
29 ตอนนี้ โยฮันบอกเราโดยกล่าวถึงพญามารรวมทั้งสัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จว่า “พวกมันจะถูกทรมานทั้งวันทั้งคืนตลอดไปเป็นนิตย์.” (วิวรณ์ 20:10ข, ล.ม.) ข้อนี้จะหมายความอย่างไร? ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น สัตว์ร้ายและผู้พยากรณ์เท็จ อีกทั้งความตายและหลุมศพ จะทนทุกข์ทรมานตามตัวอักษรได้. ฉะนั้น เราจึงไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ซาตานจะถูกทรมานตลอดกาล. มันจะถูกทำลายล้าง.
30 คำภาษากรีกบาซานิโซ ที่ใช้สำหรับคำว่า “ทรมาน” ในที่นี้มีความหมายประการแรกว่า “ทดสอบ (โลหะต่าง ๆ) ด้วยหินที่ใช้ทดสอบ.” ส่วนความหมายที่สองคือ “สอบสวนด้วยการทรมาน.” (พจนานุกรมใหม่ภาษากรีก-อังกฤษเกี่ยวกับพระคริสตธรรมใหม่ของเทเยอร์) ในบริบทของข้อนี้ การใช้คำภาษากรีกคำนี้แสดงว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับซาตานจะเหมือนมาตรฐานที่ใช้ทดสอบในประเด็นเกี่ยวกับความถูกต้องและชอบธรรมแห่งการปกครองของพระยะโฮวาตลอดไป. ประเด็นเกี่ยวกับพระบรมเดชานุภาพนั้นจะได้รับการจัดการให้เรียบร้อยแล้วครั้งเดียวสำหรับตลอดกาล. จะไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบคำท้าทายต่อพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาโดยการยืดเวลาให้อีกเลยเพื่อพิสูจน์ว่าคำท้าทายนั้นผิด.—เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 92:1, 15.
31. คำกรีกสองคำที่สัมพันธ์กับคำที่หมายความว่า “การทรมาน” ช่วยเราให้เข้าใจการลงโทษที่ซาตานพญามารได้รับอย่างไร?
31 นอกจากนี้ มีการใช้คำบาซานิสเตส “ผู้ทรมาน” ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน ในคัมภีร์ไบเบิลเพื่อหมายถึง “ผู้คุม.” (มัดธาย 18:34, คิงดอมอินเตอร์ลิเนียร์) สอดคล้องกับเรื่องนี้ ซาตานจะถูกกักขังไว้ในบึงไฟตลอดกาล มันจะไม่มีวันถูกปล่อยออกมา. ประการสุดท้าย ในฉบับกรีกเซปตัวจินต์ ซึ่งโยฮันรู้จักเป็นอย่างดี คำบาซาโนส ซึ่งมีความสัมพันธ์กันก็ถูกใช้เพื่อกล่าวถึงความอัปยศที่นำไปสู่ความตาย. (ยะเอศเคล 32:24, 30) สิ่งนี้ช่วยให้เราเห็นว่าการลงโทษที่ซาตานได้รับนั้นเป็นความอัปยศ อันได้แก่ความตายตลอดกาลในบึงที่มีไฟและกำมะถัน. การงานของมันก็ตายไปพร้อมกับมัน.—1 โยฮัน 3:8.
32. พวกผีปิศาจได้รับการลงโทษเช่นไร และเรารู้ได้อย่างไร?
32 อีกครั้งหนึ่งที่ไม่มีการกล่าวถึงเหล่าผีปิศาจในข้อนี้. พวกมันจะถูกปลดปล่อยพร้อมกับซาตานเมื่อสิ้นพันปี ครั้นแล้วถูกลงโทษด้วยความตายตลอดกาลพร้อมกับซาตานไหม? หลักฐานให้คำตอบว่าใช่. ในอุปมาเรื่องแกะและแพะ พระเยซูตรัสว่า แพะจะ “เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารและพรรคพวกของมันนั้น.” (มัดธาย 25:41) คำกล่าวที่ว่า “ไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์” คงต้องหมายถึงบึงที่มีไฟและกำมะถันซึ่งซาตานจะถูกเหวี่ยงลงไป. ทูตสวรรค์ฝ่ายพญามารถูกเหวี่ยงลงมาจากสวรรค์พร้อมกับมัน. เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พวกมันจะลงไปในขุมลึกพร้อมกับซาตานในตอนเริ่มต้นรัชสมัยพันปี. ฉะนั้น จึงสอดคล้องกันที่พวกมันก็จะถูกทำลายพร้อมกับซาตานในบึงที่มีไฟและกำมะถันด้วย.—มัดธาย 8:29.
33. รายละเอียดส่วนสุดท้ายอะไรของเยเนซิศ 3:15 จะสำเร็จเป็นจริงในตอนนั้น และบัดนี้พระวิญญาณของพระยะโฮวาดึงความสนใจของโยฮันไปสู่สิ่งใด?
33 ด้วยวิธีนี้ รายละเอียดส่วนสุดท้ายของคำพยากรณ์ที่บันทึกในเยเนซิศ 3:15 ก็สำเร็จเป็นจริง. เมื่อซาตานถูกเหวี่ยงลงในบึงไฟ มันจะตายเช่นเดียวกับงูที่หัวถูกบดขยี้อยู่ใต้ส้นเท้าเหล็ก. มันกับผีปิศาจของมันจะสาบสูญตลอดกาล. ไม่มีการกล่าวถึงพวกมันอีกในพระธรรมวิวรณ์. ตอนนี้ เมื่อพวกมันถูกจัดการตามที่ได้พยากรณ์ไว้แล้ว พระวิญญาณของพระยะโฮวาดึงความสนใจไปยังเรื่องราวที่น่าสนใจยิ่งสำหรับคนเหล่านั้นที่มีความหวังทางแผ่นดินโลก นั่นคือ ผลที่เกิดแก่มนุษยชาติจากการปกครองทางภาคสวรรค์ของ “กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย” และ “คนเหล่านั้นที่ถูกเรียกและเลือกไว้และซื่อสัตย์ซึ่งอยู่กับพระองค์” นั้นจะเป็นอย่างไร? (วิวรณ์ 17:14, ล.ม.) เพื่อจะตอบคำถามนี้ โยฮันนำเรากลับไปยังตอนเริ่มต้นรัชสมัยพันปีอีกครั้งหนึ่ง.
[เชิงอรรถ]
a ข้อคัมภีร์ข้ออื่น ๆ กล่าวว่า พระเยซูอยู่ในฮาเดสเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์. (กิจการ 2:31) แต่เราก็ไม่ควรลงความเห็นว่า ฮาเดสและขุมลึกนั้นเป็นอันเดียวกันเสมอ. ขณะที่สัตว์ร้ายกับซาตานลงสู่ขุมลึก มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีการกล่าวถึงว่าไปสู่ฮาเดส ที่ซึ่งพวกเขาหลับอยู่ในความตายจนกว่าจะถูกปลุกขึ้นมาสู่ชีวิตอีก.—โยบ 14:13; วิวรณ์ 20:13.
b ขวาน (ภาษากรีก เพเลคุส) ดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือที่ใช้กันตามประเพณีในการประหารที่กรุงโรม แม้ว่าในสมัยของโยฮันโดยทั่วไปแล้วจะใช้ดาบกันมากกว่า. (กิจการ 12:2) ฉะนั้น คำภาษากรีกที่ใช้ในที่นี้ เพเพเลคิสเมนอน (“ถูกประหารด้วยขวาน”) จึงหมายความว่า “ประหาร.”
c น่าสนใจ พาพิอัสแห่งฮีราโพลิส ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าได้รับความรู้เรื่องคัมภีร์ไบเบิลจากศิษย์ของโยฮันผู้ซึ่งจารึกพระธรรมวิวรณ์นั้น ยูเซบิอุส นักประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่สี่ได้รายงานถึงเขาว่า มีความเชื่อในรัชสมัยพันปีของพระคริสต์ตามตัวอักษร (แม้ว่ายูเซบิอุสไม่เห็นด้วยกับเขาเลยก็ตาม).—ประวัติคริสตจักร, ยูเซบิอุส, เล่ม 3, หน้า 39.
[ภาพหน้า 293]
ทะเลตาย. อาจเป็นที่ตั้งของเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์
[ภาพหน้า 294]
“เราจะให้เจ้ากับหญิงและพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับพงศ์พันธุ์ของนางเป็นศัตรูกัน. เขาจะบดขยี้หัวของเจ้าและเจ้าจะบดขยี้ส้นเท้าของเขา”