การให้อภัยของพระยะโฮวามีความหมายเช่นไรสำหรับคุณ?
“พระยะโฮวา [ทรงเป็น] พระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา, ผู้ทรงอดพระทัยได้นาน . . . ผู้ทรงโปรดยกความชั่วการล่วงละเมิดและบาปของเขา.”—เอ็ก. 34:6, 7
1, 2. (ก) พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าแบบใดสำหรับชาติอิสราเอล? (ข) เราจะเรียนรู้อะไรในบทความนี้?
ในสมัยนะเฮมยา ชาวเลวีกลุ่มหนึ่งที่อธิษฐานร่วมกันยอมรับว่าบรรพบุรุษของพวกเขา “ไม่เชื่อฟัง” พระบัญญัติของพระยะโฮวา. แต่พระยะโฮวาทรงให้อภัยพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า. พระองค์ทรงเป็น “พระเจ้าพร้อมที่จะทรงให้อภัยมีพระทัยเมตตาและกรุณาทรงพระพิโรธช้าและทรงอุดมด้วยความรักมั่นคง.” พระยะโฮวาทรงแสดงพระกรุณาอันใหญ่หลวงต่อไปต่อชาวยิวเหล่านี้ที่กลับจากการเนรเทศในสมัยของนะเฮมยา.—นเฮม. 9:16, 17, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971
2 เราแต่ละคนอาจถามตัวเองว่า ‘การให้อภัยของพระยะโฮวามีความหมายเช่นไรสำหรับฉัน?’ เพื่อช่วยตอบคำถามสำคัญนี้ ขอให้เราพิจารณาวิธีที่พระยะโฮวาทรงปฏิบัติต่อกษัตริย์สององค์ที่ได้รับประโยชน์จากการให้อภัยของพระองค์ คือดาวิดและมะนาเซ.
ความผิดร้ายแรงของดาวิด
3-5. ดาวิดทำผิดร้ายแรงอะไร?
3 แม้ว่าดาวิดเกรงกลัวพระเจ้า แต่ท่านทำผิดร้ายแรงบางอย่าง. ความผิดสองอย่างที่ท่านทำเกี่ยวข้องกับคู่สมรสคู่หนึ่ง คืออูรียาห์กับบัธเซบะ. ความผิดดังกล่าวทำให้เกิดผลเสียหายที่เจ็บปวดแก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง. อย่างไรก็ตาม วิธีที่พระยะโฮวาทรงแก้ไขดาวิดบอกให้เรารู้หลายอย่างเกี่ยวกับการให้อภัยของพระองค์. ขอให้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น.
4 ดาวิดส่งกองทัพไปล้อมราบาเมืองหลวงของชาวอำโมน. เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเลมห่างออกไปประมาณ 80 กิโลเมตร และอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน. ขณะดำเนินอยู่บนหลังคาพระราชวังในกรุงเยรูซาเลม ดาวิดเห็นบัธเซบะซึ่งมีสามีแล้วกำลังอาบน้ำอยู่. สามีนางไม่อยู่. ดาวิดจ้องมองบัธเซบะจนเกิดความปรารถนาในตัวนางอย่างยิ่ง จึงส่งคนให้ไปนำตัวนางมาที่ราชวังและทำผิดประเวณีกับนาง.—2 ซามู. 11:1-4
5 เมื่อดาวิดรู้ว่าบัธเซบะตั้งครรภ์ ท่านจึงเรียกตัวอูรียาห์ผู้เป็นสามีให้กลับมากรุงเยรูซาเลมโดยหวังว่าเขาจะมีเพศสัมพันธ์กับนาง. แต่อูรียาห์ไม่ยอมแม้แต่จะเข้าไปในบ้าน แม้ว่าดาวิดพยายามจะให้เขาทำอย่างนั้น. เมื่อเป็นเช่นนั้น กษัตริย์จึงส่งจดหมายลับไปถึงผู้บัญชาการกองทัพสั่งให้ส่งอูรียาห์ “เป็นกองหน้า, ให้เข้าไปยังที่ที่ข้าศึกแข็งแรง” และให้เพื่อนทหารของเขาล่าถอยออกมา. เมื่อตกเป็นเป้าที่ถูกโจมตีได้ง่ายเช่นนี้ อูรียาห์จึงตายในสนามรบอย่างที่ดาวิดวางแผนไว้. (2 ซามู. 11:12-17) ดังนั้น ดาวิดไม่เพียงแต่มีความผิดฐานผิดประเวณี แต่ยังมีความผิดฐานฆ่าผู้บริสุทธิ์อีกด้วย.
ดาวิดเปลี่ยนทัศนคติ
6. พระเจ้าทรงทำอะไรหลังจากที่ดาวิดทำผิด และเรื่องนี้บอกให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
6 แน่นอน พระยะโฮวาทรงเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น. ไม่มีสิ่งใดจะพ้นการสังเกตของพระองค์ไปได้. (สุภา. 15:3) แม้ว่าในที่สุดกษัตริย์รับบัธเซบะมาเป็นภรรยา แต่ “สิ่งซึ่งดาวิดทรงทำนั้นชั่วร้ายในสายพระเนตร [พระยะโฮวา].” (2 ซามู. 11:27, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน) พระเจ้าทรงทำอย่างไรเมื่อดาวิดทำผิดร้ายแรงเช่นนั้น? พระองค์ทรงส่งผู้พยากรณ์นาธานไปหาดาวิด. เนื่องจากพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่พร้อมจะให้อภัย พระองค์ทรงประสงค์จะแสดงความเมตตาต่อดาวิด. แต่พระองค์จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าดาวิดกลับใจอย่างแท้จริงหรือไม่. เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจอย่างยิ่งที่พระยะโฮวาทรงเต็มพระทัยทำอย่างนี้. พระองค์ไม่ได้บังคับดาวิดให้สารภาพความผิด. พระองค์เพียงแต่ส่งนาธานให้ไปเล่าเรื่องหนึ่งให้กษัตริย์ฟังเพื่อแสดงให้เห็นว่าความผิดที่ดาวิดทำนั้นเลวร้ายขนาดไหน. (อ่าน 2 ซามูเอล 12:1-4) นั่นเป็นวิธีที่ดีมากที่ทำให้พระยะโฮวาทรงรู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของดาวิดเป็นเช่นไร!
7. ดาวิดแสดงปฏิกิริยาอย่างไรต่อเรื่องที่นาธานเล่า?
7 เรื่องที่นาธานเล่ากระตุ้นความรู้สึกของกษัตริย์ในเรื่องความยุติธรรม. ดาวิดพิโรธชายผู้มั่งมีในเรื่องนั้นและพูดกับนาธานว่า “พระยะโฮวาทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด, ผู้ทำการเช่นนี้ควรจะตายแน่ฉันนั้น.” ยิ่งกว่านั้น ดาวิดกล่าวว่าคนที่ขโมยแกะไปต้องชดใช้ให้แก่ชายยากจน. แต่นาธานประกาศออกมาว่า “ท่านเองเป็นคนนั้นแหละ”! คำพูดนี้ทำให้ดาวิดตะลึงงัน. แล้วนาธานก็บอกดาวิดว่าเนื่องจากสิ่งที่ดาวิดได้ทำ ท่านจะต้องประสบเหตุการณ์ที่น่าเศร้าและเหตุร้ายจะเกิดแก่เชื้อวงศ์ของท่าน. นอกจากนั้น ท่านจะถูกทำให้อับอายต่อหน้าธารกำนัลเพราะความผิดของท่าน. ดาวิดสำนึกถึงความร้ายแรงของสิ่งที่ท่านได้ทำและยอมรับด้วยความสำนึกเสียใจว่า “เราทำผิดเฉพาะพระยะโฮวาแล้ว.”—2 ซามู. 12:5-14
คำอธิษฐานของดาวิดและการให้อภัยของพระเจ้า
8, 9. ถ้อยคำในเพลงสรรเสริญบท 51 เผยให้เห็นความคิดในส่วนลึกที่สุดของดาวิดอย่างไร และเราเรียนอะไรได้เกี่ยวกับพระยะโฮวาจากเพลงบทนี้?
8 ถ้อยคำในบทเพลงหนึ่งที่กษัตริย์ดาวิดแต่งในภายหลังเผยให้เห็นถึงความสำนึกผิดจากใจจริง. เพลงสรรเสริญบท 51 มีคำวิงวอนของดาวิดต่อพระยะโฮวาที่น่าซาบซึ้งใจและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าท่านไม่เพียงยอมรับความผิดของตัวเอง. ท่านกลับใจจากการทำผิดด้วย. สิ่งที่ดาวิดเป็นห่วงมากที่สุดคือสายสัมพันธ์กับพระเจ้า. ท่านสารภาพผิดว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำผิดต่อพระองค์, ต่อพระองค์แต่ผู้เดียว.” ท่านทูลวิงวอนพระยะโฮวาว่า “ข้าแต่พระเจ้า, ขอพระองค์ทรงเนรมิตใจสะอาดให้แก่ข้าพเจ้า และขอทรงชุบย้อมน้ำใจภายในของข้าพเจ้าให้เป็นของใหม่. . . . ขอพระองค์ทรงคืนความยินดีในความรอดของพระองค์กลับมาให้ข้าพเจ้า ขอโปรดให้ข้าพเจ้ายังคงมีความสมัครใจ.” (เพลง. 51:1-4, 7-12) เมื่อคุณอธิษฐานถึงพระยะโฮวาเกี่ยวกับข้อบกพร่องของคุณ คุณทูลพระองค์อย่างจริงใจและซื่อตรงเหมือนกับดาวิดไหม?
9 พระยะโฮวาไม่ได้ขจัดผลอันเจ็บปวดที่เกิดจากการทำผิดของดาวิด. ผลกระทบที่เกิดจากการทำผิดจะอยู่กับท่านไปตลอดชีวิต. แต่เนื่องจากดาวิดมี “ใจแตกและฟกช้ำ” หรือมีเจตคติที่กลับใจ พระยะโฮวาจึงทรงให้อภัยท่าน. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 32:5; เพลง. 51:17) พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่งทรงเข้าใจเจตคติและแรงกระตุ้นที่แท้จริงที่ทำให้คนเราทำผิด. แทนที่จะให้ผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์ตัดสินลงโทษดาวิดและบัธเซบะให้ถึงแก่ความตายตามพระบัญญัติของโมเซ พระยะโฮวาทรงแสดงความเมตตาโดยเข้าแทรกแซงและจัดการเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง. (เลวี. 20:10) พระเจ้าทรงโปรดให้โซโลมอนราชบุตรของทั้งสองเป็นกษัตริย์ชาติอิสราเอลองค์ถัดไปด้วยซ้ำ.—2 ซามู. 7:11, 12
10. (ก) อาจมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้พระยะโฮวาให้อภัยดาวิด? (ข) คนเราต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับการอภัยจากพระยะโฮวา?
10 เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่อาจทำให้พระยะโฮวาให้อภัยดาวิดคือท่านได้แสดงความเมตตาต่อซาอูล. (1 ซามู. 24:4-7) ดังที่พระเยซูทรงอธิบาย พระยะโฮวาทรงปฏิบัติต่อเราอย่างที่เราปฏิบัติต่อผู้อื่น. พระเยซูตรัสว่า “จงเลิกตัดสินผู้อื่นเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ถูกตัดสิน เพราะเจ้าทั้งหลายตัดสินผู้อื่นอย่างไร เจ้าจะถูกตัดสินอย่างนั้น และเจ้าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร เขาจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างนั้น.” (มัด. 7:1, 2) เราได้รับกำลังใจจริง ๆ ที่รู้ว่าพระยะโฮวาจะทรงให้อภัยความผิดของเรา แม้แต่ความผิดที่ร้ายแรงอย่างการเล่นชู้และการฆ่าคน! พระองค์จะทำอย่างนั้นถ้าเราเต็มใจให้อภัย ถ้าเราสารภาพความผิด ต่อพระองค์ และถ้าเราเปลี่ยนเจตคติ ที่มีต่อการกระทำที่เลวร้ายของเรา. เมื่อคนทำผิดกลับใจอย่างแท้จริง พระยะโฮวาประทาน “เวลาชื่นชมยินดี” แก่พวกเขาหรือช่วยพวกเขาให้มีสติรู้สึกผิดชอบที่สะอาด.—อ่านกิจการ 3:19
มะนาเซทำผิดร้ายแรงแต่กลับใจ
11. กษัตริย์มะนาเซทำอะไรบ้างที่ชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า?
11 ขอให้พิจารณาอีกเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ซึ่งแสดงว่าพระยะโฮวาทรงเต็มพระทัยจะให้อภัยแม้แต่ความผิดที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง. ประมาณ 360 ปีหลังจากดาวิดเริ่มปกครอง มะนาเซขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรยูดาห์. การปกครองของเขาซึ่งยาวนาน 55 ปีขึ้นชื่อในเรื่องความชั่วช้า. กิจปฏิบัติต่าง ๆ อันน่ารังเกียจของเขาทำให้พระยะโฮวาพิพากษาลงโทษเขา. นอกจากสิ่งอื่นที่เขาทำแล้ว มะนาเซยังได้ตั้งแท่นบูชาเพื่อนมัสการพระบาอัล (บาละ) นมัสการ “ดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้า” ให้เหล่าราชบุตรลุยไฟ และส่งเสริมกิจปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับผีปิศาจ. เขาได้ “กระทำการชั่วมากต่อพระเนตรพระยะโฮวา.”—2 โคร. 33:1-6
12. มะนาเซกลับมาหาพระยะโฮวาอย่างไร?
12 ในที่สุด มะนาเซก็ถูกจับไปเป็นเชลยและถูกขังไว้ในคุกที่บาบิโลน. เมื่ออยู่ที่นั่นเขาอาจนึกถึงคำพูดของโมเซที่กล่าวกับชาติอิสราเอลว่า “เมื่อเจ้ามีความลำบาก, และบรรดาเหตุเหล่านี้มาถึงเจ้าทั้งหลายแล้ว, ในวันที่สุดนั้นถ้าเจ้าจะกลับหันหาพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, และเชื่อฟังคำตรัสของพระองค์.” (บัญ. 4:30) มะนาเซได้กลับมาหาพระยะโฮวาจริง ๆ. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? เขา “อ่อนน้อมถ่อมลงต่อพระเจ้า” และ “ได้กราบทูลขอ” ต่อพระเจ้า (ดังในรูปหน้า 21). (2 โคร. 33:12, 13) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกว่ามะนาเซกล่าวอะไรในคำอธิษฐาน แต่เราอาจนึกภาพได้ว่าคำพูดของเขาอาจคล้ายกับคำอธิษฐานของกษัตริย์ดาวิดดังบันทึกในเพลงสรรเสริญบท 51. ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรจริง ๆ มะนาเซเปลี่ยนทัศนคติของเขาอย่างสิ้นเชิง.
13. เหตุใดพระยะโฮวาทรงให้อภัยมะนาเซ?
13 พระยะโฮวาทรงทำอะไรเมื่อมะนาเซอธิษฐานถึงพระองค์อย่างนั้น? “พระองค์ได้ทรงโปรดสดับฟังคำอ้อนวอน.” เช่นเดียวกับดาวิด มะนาเซยอมรับว่าเขาได้ทำบาปร้ายแรงและได้กลับใจอย่างแท้จริง. นั่นเป็นเหตุผลที่พระเจ้าทรงให้อภัยมะนาเซและช่วยให้เขาได้กลับมาเป็นกษัตริย์ในกรุงเยรูซาเลมอีกครั้งหนึ่ง. “มะนาเซจึงทราบว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้.” (2 โคร. 33:13) ช่างให้กำลังใจจริง ๆ ที่ได้เห็นหลักฐานเพิ่มเติมจากเรื่องนี้ว่าพระเจ้าของเราผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาทรงให้อภัยคนที่กลับใจอย่างแท้จริง!
พระยะโฮวาทรงให้อภัยเสมอไหม?
14. พระยะโฮวาทรงใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าจะให้อภัยคนที่ทำผิดหรือไม่?
14 มีผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่กี่คนในทุกวันนี้ที่ต้องขอการให้อภัยความผิดที่ร้ายแรงเหมือนกับดาวิดและมะนาเซ. ถึงกระนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าพระยะโฮวาทรงให้อภัยกษัตริย์ทั้งสององค์นี้ช่วยเราให้รู้ว่าพระเจ้าของเราทรงเต็มพระทัยที่จะให้อภัยแม้แต่ความผิดที่ร้ายแรงถ้าผู้ทำผิดกลับใจอย่างแท้จริง.
15. เรารู้ได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาไม่ได้ให้อภัยทุกคนเสมอ?
15 เราไม่ควรลงความเห็นว่าพระยะโฮวาทรงให้อภัยทุกคนเสมอ. ในเรื่องนี้ ขอให้เราเปรียบเทียบทัศนคติของดาวิดและมะนาเซกับทัศนคติของประชาชนที่ดื้อดึงในอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์. พระเจ้าทรงส่งนาธานไปหาดาวิดและให้โอกาสท่านเปลี่ยนทัศนคติ. ดาวิดตอบรับการช่วยเหลือนี้ด้วยความขอบคุณ. เมื่อมะนาเซตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ลำบาก เขาสำนึกว่าต้องกลับใจ. แต่บ่อยครั้งราษฎรของอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์ไม่กลับใจแม้ว่าพระเจ้าทรงส่งผู้พยากรณ์ไปบอกพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพระองค์ทรงคิดอย่างไรต่อการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเขา. ด้วยเหตุนั้น พระยะโฮวาจึงไม่ทรงให้อภัยพวกเขา. (อ่านนะเฮมยา 9:30) แม้แต่หลังจากที่ผู้ถูกเนรเทศกลับจากบาบิโลนมายังมาตุภูมิ พระยะโฮวายังส่งผู้ส่งข่าวที่ซื่อสัตย์ไปหาพวกเขา เช่น ปุโรหิตเอษราและผู้พยากรณ์มาลาคี. เมื่อประชาชนปฏิบัติสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระยะโฮวา พวกเขาก็มีความยินดีอย่างยิ่ง.—นเฮม. 12:43-47
16. (ก) เกิดอะไรขึ้นกับชาติอิสราเอลเนื่องจากพวกเขาไม่กลับใจ? (ข) พระยะโฮวาทรงให้โอกาสอะไรแก่คนที่เป็นลูกหลานของชาติอิสราเอล?
16 หลังจากที่พระเยซูถูกส่งมายังแผ่นดินโลกและถวายเครื่องบูชาไถ่ที่สมบูรณ์แล้ว พระยะโฮวาไม่ทรงยอมรับเครื่องบูชาที่เป็นสัตว์ที่เคยกำหนดให้ชาติอิสราเอลถวายอีกต่อไป. (1 โย. 4:9, 10) ในฐานะมนุษย์ พระเยซูทรงแสดงให้เห็นทัศนะของพระยะโฮวาเมื่อพระองค์ตรัสถ้อยคำที่กระตุ้นใจ ที่ว่า “เยรูซาเลม โอเยรูซาเลมผู้ที่ฆ่าเหล่าผู้พยากรณ์และเอาหินขว้างผู้ที่ถูกส่งมาหาเจ้า! บ่อยเพียงไรที่เราอยากรวบรวมลูก ๆ ของเจ้าเข้ามาอย่างที่แม่ไก่รวบรวมลูก ๆ เข้ามาไว้ใต้ปีกของมัน! แต่พวกเจ้าไม่ต้องการ.” ดังนั้น พระเยซูทรงประกาศว่า “พระวิหารหลังนี้ก็ถูกทิ้งร้างและละไว้ให้พวกเจ้า.” (มัด. 23:37, 38) ชาตินี้ที่ทำผิดและไม่กลับใจถูกแทนที่ด้วยชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ. (มัด. 21:43; กลา. 6:16) เป็นไปได้ไหมที่แต่ละคนที่เป็นลูกหลานของชาติอิสราเอลจะได้รับการให้อภัยความผิดของตน? เป็นไปได้. พระยะโฮวาทรงให้อภัยและแสดงความเมตตาแก่พวกเขาถ้าพวกเขาแสดงความเชื่อในพระเจ้าและในเครื่องบูชาของพระเยซูคริสต์. คนที่ตายไปโดยไม่ทันได้กลับใจจากบาปของตนและถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายมามีชีวิตบนแผ่นดินโลกที่ได้รับการชำระให้สะอาดจะมีโอกาสได้รับการให้อภัยและความเมตตาจากพระยะโฮวาด้วย.—โย. 5:28, 29; กิจ. 24:15
รับประโยชน์จากการให้อภัยของพระยะโฮวา
17, 18. เราจะได้รับการให้อภัยจากพระยะโฮวาได้โดยวิธีใด?
17 เนื่องจากพระยะโฮวาทรงเต็มพระทัยจะให้อภัยเรา เราควรทำอะไร? แน่นอน เราควรกลับใจเหมือนกับดาวิดและมะนาเซ. เราควรยอมรับว่าเราเป็นคนบาป กลับใจจากการกระทำผิด ทูลวิงวอนขอการให้อภัยจากพระยะโฮวา และขอให้พระองค์ทรงสร้างใจบริสุทธิ์สะอาดให้เรา. (เพลง. 51:10) ถ้าเราทำผิดร้ายแรง เราควรขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง. (ยโก. 5:14, 15) ไม่ว่าสภาพการณ์ของเราจะเป็นเช่นไร เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจที่เราจะระลึกเสมอว่าพระยะโฮวาทรงเป็นอย่างที่พระองค์พรรณนาแก่โมเซว่า พระองค์เป็น “พระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา, ผู้ทรงอดพระทัยได้นาน, และบริบูรณ์ด้วยความดีและความจริง ผู้ทรงเมตตาต่อมนุษย์ถึงหลายพันชั่วอายุคน, ผู้ทรงโปรดยกความชั่วการล่วงละเมิดและบาปของเขา.” พระยะโฮวาไม่เคยเปลี่ยน.—เอ็ก. 34:6, 7
18 พระยะโฮวาทรงสัญญากับชาวอิสราเอลที่กลับใจว่าพระองค์จะทรงให้อภัยพวกเขาอย่างแท้จริง. พระองค์ตรัสว่าแม้บาปของพวกเขาจะแดงเป็นเหมือนสีแดงเข้ม แต่พระองค์จะทำให้ขาวสะอาดเหมือน “หิมะ.” (อ่านยะซายา 1:18) ถ้าอย่างนั้น การให้อภัยของพระยะโฮวามีความหมายเช่นไรสำหรับเรา? เราจะได้รับการให้อภัยความผิดบาปของเราได้อย่างแท้จริงหากเรากลับใจและรู้สึกขอบคุณที่พระยะโฮวาทรงให้อภัยเรา.
19. เราจะพิจารณาอะไรในบทความถัดไป?
19 ในฐานะที่เราได้รับการให้อภัยจากพระยะโฮวา เราจะเลียนแบบพระองค์ในการปฏิบัติต่อกันและกันได้อย่างไร? เราจะให้อภัยคนที่ทำผิดร้ายแรงแต่กลับใจอย่างแท้จริงแล้วได้อย่างไร? บทความถัดไปจะช่วยเราให้ตรวจสอบหัวใจของเราเอง เพื่อเราจะสามารถเป็นเหมือนพระยะโฮวาพระบิดาของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่ง “ประกอบไปด้วยพระคุณพร้อมที่จะทรงยกความผิด.”—เพลง. 86:5