พระยะโฮวาไม่ทรงรังเกียจบุคคลที่ชอกช้ำใจ
“เครื่องบูชาที่สมควรแก่พระเจ้าคือจิตต์วิญญาณที่ชอกช้ำแล้ว: ข้าแต่พระเจ้า ใจแตกและฟกช้ำแล้วนั้นพระองค์ไม่ดูถูกดูหมิ่นเลย.”—บทเพลงสรรเสริญ 51:17.
1. พระยะโฮวาทรงมีทัศนะเช่นไรต่อผู้ที่นมัสการพระองค์ซึ่งกระทำบาปร้ายแรงแต่กลับใจ?
พระยะโฮวาทรงสามารถ ‘คลุมพระกายด้วยเมฆ เพื่อว่าการอธิษฐานจะไม่บรรลุไปถึงพระองค์ได้.’ (บทเพลงร้องทุกข์ 3:44) กระนั้น พระองค์ทรงประสงค์ให้ไพร่พลของพระองค์มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ได้. แม้ผู้นมัสการพระองค์คนใดอาจได้กระทำความผิดร้ายแรงแต่แล้วกลับใจ พระบิดาของเราทางภาคสวรรค์ทรงระลึกถึงการประกอบความดีของผู้นั้น. ดังนั้น อัครสาวกเปาโลสามารถบอกแก่เพื่อนคริสเตียนได้ว่า “พระเจ้าไม่ใช่อธรรมที่จะทรงลืมการงานของท่านและความรักที่ท่านได้สำแดงต่อพระนามของพระองค์.”—เฮ็บราย 6:10.
2, 3. คริสเตียนผู้ปกครองควรพิจารณาถึงสิ่งใดเมื่อดำเนินการกับเพื่อนร่วมความเชื่อที่กระทำความผิด?
2 คริสเตียนผู้ปกครองก็เช่นกัน ควรคำนึงถึงงานรับใช้ซึ่งเพื่อนร่วมความเชื่อได้ทำถวายพระเจ้าด้วยความซื่อสัตย์นานหลายปี. ทั้งนี้รวมถึงงานรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของคนที่กลับใจซึ่งได้หลงผิดหรือกระทั่งผู้ที่กระทำบาปร้ายแรง. คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงย่อมคอยดูแลสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณของทุกคนที่อยู่รวมกันเป็นฝูงแกะของพระเจ้า.—ฆะลาเตีย 6:1, 2.
3 ผู้กระทำความผิดที่กลับใจต้องการความเมตตาของพระยะโฮวา. แต่ยังต้องมีมากกว่านั้น. ข้อนี้เห็นได้ชัดจากถ้อยคำซึ่งดาวิดกล่าวที่บทเพลงสรรเสริญ 51:10-19.
หัวใจบริสุทธิ์เป็นสิ่งจำเป็น
4. เพราะเหตุใดดาวิดจึงได้อธิษฐานขอใจสะอาดและน้ำใจอันเป็นของใหม่?
4 ถ้าคริสเตียนที่อุทิศตัวแล้วตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ฝ่ายวิญญาณเนื่องจากบาป อะไรอีกอาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขานอกเหนือจากความเมตตาและการอภัยโทษจากพระยะโฮวา? ดาวิดได้วิงวอนดังนี้: “ข้าแต่พระเจ้า, ขอพระองค์ทรงเนรมิตใจสะอาดให้แก่ข้าพเจ้า ขอทรงชุบย้อมน้ำใจภายในของข้าพเจ้าให้เป็นของใหม่.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:10) ดูเหมือนว่าดาวิดได้ทูลขออย่างนี้เพราะท่านตระหนักว่าแนวโน้มที่จะทำบาปร้ายแรงยังอยู่ในหัวใจของท่าน. พวกเราอาจไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบาปชนิดที่ได้ดักดาวิดในกรณีที่เกี่ยวพันกับบัธเซบะและอูรียา กระนั้น เราจำเป็นต้องรับการช่วยเหลือของพระยะโฮวาเพื่อหลีกเลี่ยงการพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อใจให้เข้าสู่การประพฤติอันเป็นบาปร้ายแรง. ยิ่งกว่านั้น โดยส่วนตัวแล้วเราอาจต้องรับเอาการช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะขจัดนิสัยไม่ดีเช่นนั้นออกจากหัวใจของเรา เป็นต้นว่านิสัยโลภและการเกลียดชัง—ความผิดทำนองเดียวกับการลักขโมยและการฆ่าคน.—โกโลซาย 3:5, 6; 1 โยฮัน 3:15.
5. (ก) การมีใจสะอาดหมายถึงอะไร? (ข) ดาวิดปรารถนาอะไรเมื่อท่านได้ทูลขอเพื่อจะมีน้ำใจใหม่?
5 พระยะโฮวาทรงเรียกร้องผู้รับใช้ของพระองค์ให้มี “ใจสะอาด” กล่าวคือความบริสุทธิ์สะอาดทางแรงกระตุ้นหรือเจตนา. ครั้นตระหนักว่าตนมิได้สำแดงความบริสุทธิ์ดังกล่าว ดาวิดจึงได้อธิษฐานขอพระเจ้าโปรดชำระหัวใจของตนให้สะอาดและบันดาลให้หัวใจเข้าร่องเข้ารอยกับมาตรฐานของพระเจ้า. นอกจากนี้ ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญต้องการมีน้ำใจหรือแนวโน้มแห่งจิตใจใหม่ที่ซื่อตรง. ท่านจำต้องมีน้ำใจซึ่งจะสนับสนุนท่านให้ต้านทานการล่อใจ และยึดมั่นคงในข้อกฎหมายและหลักการต่าง ๆ ของพระยะโฮวา.
พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งสำคัญ
6. เหตุใดดาวิดทูลขอพระยะโฮวาที่จะไม่ถอนพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปเสียจากท่าน?
6 เมื่อตกอยู่ในสภาพหมดหวังเพราะเหตุความพลาดพลั้งของเราหรือที่เรากระทำความผิด เราอาจคิดว่าพระเจ้าจะทอดทิ้งเราและทรงถอนพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพลังปฏิบัติการของพระองค์ไปเสียจากเรา. ดาวิดรู้สึกเช่นนั้น เพราะท่านได้อ้อนวอนพระยะโฮวาดังนี้: “ขอพระองค์อย่าทรงผลักไสข้าพเจ้าไปเสียให้พ้นพระพักตรพระองค์; และขออย่าทรงนำพระจิตต์บริสุทธิ์ [พระวิญญาณบริสุทธิ์, ล.ม.] ของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:11) ด้วยการสำนึกผิดและถ่อมใจ ดาวิดรู้สึกว่าบาปที่กระทำไปนั้นทำให้ท่านไม่เหมาะสมที่จะทำงานรับใช้พระยะโฮวา. ที่จะถูกผลักไสให้พ้นพระพักตร์พระเจ้าเช่นนั้นย่อมหมายถึงการขาดเสียซึ่งความโปรดปราน, ความอบอุ่นใจ, และพระพรที่มาจากพระองค์. ถ้าดาวิดจะได้กลับฟื้นตัวฝ่ายวิญญาณอีก ท่านจำต้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระยะโฮวา. ครั้นท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับท่านแล้ว กษัตริย์องค์นี้ย่อมสามารถทูลอธิษฐานขอการชี้นำจากพระเจ้าเพื่อกระทำอย่างเป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวา สามารถหลีกเว้นบาปและสามารถปกครองอย่างสุขุมรอบคอบ. เมื่อสำนึกถึงการกระทำบาปของตนต่อผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ นับว่าเหมาะสมยิ่งที่ดาวิดได้ทูลอ้อนวอนขอพระยะโฮวาอย่าได้ถอนพระวิญญาณนั้นไปจากท่าน.
7. เหตุใดเราควรอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์และระมัดระวังจะไม่ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย?
7 ส่วนพวกเราล่ะ? เราควรอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์และพึงระมัดระวังไม่ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัยโดยไม่ปฏิบัติตามการชี้นำของพระวิญญาณ. (ลูกา 11:13; เอเฟโซ 4:30) มิฉะนั้น เราอาจเสียพระวิญญาณนั้นไป แล้วจะไม่สามารถสำแดงผลแห่งพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานอันได้แก่ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นทนนาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนสุภาพ, และการรู้จักบังคับตน. พระเจ้ายะโฮวาคงจะถอนพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไปจากเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรายังขืนกระทำบาปต่อพระองค์อยู่เสมออย่างไม่สำนึกผิดและกลับใจ.
ความปีติยินดีในความรอด
8. หากเราทำบาปแต่ต้องการมีความยินดีในความรอด เราจำต้องมีอะไร?
8 คนบาปที่ได้กลับใจผู้ซึ่งประสบการฟื้นคืนสู่สภาพฝ่ายวิญญาณย่อมมีความชื่นชมในการจัดเตรียมของพระยะโฮวาเกี่ยวกับความรอดได้อีก. ด้วยความต้องการสิ่งนี้ ดาวิดจึงได้อ้อนวอนพระเจ้าดังนี้: “ขอพระองค์ทรงคืนความยินดีในความรอดของพระองค์กลับมาให้ข้าพเจ้า; ขอโปรดให้ข้าพเจ้ายังคงมีความสมัครใจ.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:12) ช่างวิเศษเสียจริง ๆ ที่จะชื่นชมในความหวังในความรอดอันแน่นอนที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียม! (บทเพลงสรรเสริญ 3:8) ภายหลังการกระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว ดาวิดแสวงหาที่จะได้ความยินดีในความรอดของพระองค์กลับคืนมาอีก. ในเวลาต่อมา พระยะโฮวาทรงจัดความรอดโดยทางเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์. หากพวกเราในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่อุทิศตัวแด่พระเจ้าได้กระทำบาปอย่างร้ายแรงแต่ต้องการให้พระองค์คืนความยินดีในความรอดกลับมาให้เราอีก จำเป็นที่เราต้องมีทัศนะอันแสดงถึงการกลับใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำบาปต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์.—มัดธาย 12:31, 32; เฮ็บราย 6:4-6.
9. ดาวิดได้ทูลขอสิ่งใดเมื่อท่านขอพระเจ้าโปรดให้ “มีความสมัครใจ”?
9 ดาวิดทูลขอพระยะโฮวาสนับสนุนตนให้ “มีความสมัครใจ.” ปรากฏชัดว่า ข้อนี้ไม่ได้พาดพิงถึงความเต็มพระทัยของพระเจ้าที่จะช่วยหรือพาดพิงถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่พาดพิงถึงแรงผลักดันความโน้มเอียงแห่งจิตใจของดาวิดต่างหาก. ดาวิดต้องการพระเจ้าสนับสนุนตนโดยบันดาลให้ท่านมีความสมัครใจยินดีทำสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ถลำเข้าไปสู่บาปอีก. พระเจ้ายะโฮวาทรงสนับสนุนเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์เสมอมามิได้ขาด และทรงยกชูน้ำใจคนเหล่านั้นที่หดหู่เนื่องด้วยความทุกข์ลำเค็ญต่าง ๆ. (บทเพลงสรรเสริญ 145:14) ช่างเป็นการปลอบประโลมใจจริง ๆ ที่ได้ทราบเช่นนี้ โดยเฉพาะถ้าเราได้ทำผิดแต่สำนึกผิดและปรารถนาจะรับใช้พระยะโฮวาด้วยความซื่อสัตย์ต่อไป!
จะสอนอะไรแก่คนล่วงละเมิด?
10, 11. (ก) ดาวิดสามารถสอนอะไรแก่ชาวยิศราเอลที่ล่วงละเมิด? (ข) ดาวิดสามารถสอนคนบาปได้ก็ต่อเมื่อท่านเองได้ทำอะไรเสียก่อน?
10 ถ้าพระเจ้าจะอนุญาต ดาวิดต้องการทำอะไรบางอย่างโดยไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งจะแสดงถึงการหยั่งรู้ค่าต่อความเมตตาของพระยะโฮวาและเป็นการช่วยผู้อื่น. ด้วยคำพูดที่แสดงความรู้สึกเสมือนเป็นคำทูลอธิษฐานต่อพระยะโฮวา กษัตริย์ที่กลับใจองค์นี้ได้แถลงต่อไปว่า “ข้าพเจ้าจะสอนเหล่าคนล่วงละเมิดให้รู้ทางประพฤติของพระองค์; และคนที่ได้กระทำผิดจะได้หันกลับมาหาพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:13) ดาวิดผู้ผิดบาปจะสอนคนประพฤติล่วงพระบัญญัติของพระเจ้าได้อย่างไร? ท่านจะบอกเรื่องอะไรแก่เขา? และการทำเช่นนั้นจะก่อผลดีอะไร?
11 เมื่อชี้แจงแนวทางของพระยะโฮวาแก่พวกยิศราเอลที่ล่วงละเมิดโดยหวังว่าจะช่วยเขาออกมาจากทางชั่ว ดาวิดคงได้ชี้แจงให้รู้ว่าบาปเป็นสิ่งชั่วร้ายเพียงใด, การกลับใจหมายถึงอะไร, และจะรับความเมตตาของพระเจ้าโดยวิธีใด. เนื่องจากท่านเคยเจ็บปวดมาแล้วจากการไม่ได้รับความโปรดปรานของพระยะโฮวาและจากสติรู้สึกผิดชอบที่แจ้งถึงความผิด โดยไม่ต้องสงสัย ดาวิดคงเป็นผู้สอนที่ร่วมรู้สึกกับคนกระทำบาปที่กลับใจและชอกช้ำใจ. แน่นอน ท่านสามารถใช้ตัวอย่างของตัวเองสอนคนอื่น ๆ ได้ภายหลังตัวท่านเองยอมรับมาตรฐานที่พระยะโฮวาทรงกำหนดไว้และได้รับการอภัยโทษจากพระองค์แล้ว เพราะคนเหล่านั้นที่ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพระเจ้าไม่มีสิทธิจะ ‘ยกข้อกฎหมายของพระเจ้าขึ้นมาอ้าง.’—บทเพลงสรรเสริญ 50:16, 17.
12. ดาวิดได้รับประโยชน์อย่างไรจากความรู้ที่ว่าพระเจ้าได้ทรงช่วยท่านพ้นผิดฐานทำให้เลือดตก?
12 เมื่อกล่าวซ้ำเจตนาของท่านอีกแบบหนึ่ง ดาวิดกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าพ้นจากบาปโทษฐานที่ได้กระทำให้เลือดเขาตกนั้น; แล้วลิ้นของข้าพเจ้าจะเปล่งเสียงร้องเพลงสรรเสริญถึงความชอบธรรมของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:14) ความผิดฐานทำให้เลือดตกย่อมมีโทษถึงตาย. (เยเนซิศ 9:5, 6) ดังนั้น ความรู้ที่ว่าพระเจ้าแห่งความรอดของท่านได้โปรดช่วยท่านพ้นผิดฐานทำให้เลือดตกซึ่งเกี่ยวข้องกับอูรียาเช่นนั้นคงทำให้ดาวิดมีหัวใจและจิตใจสงบ. ครั้นแล้วลิ้นของท่านสามารถเปล่งเสียงเพลงได้อย่างร่าเริงเกี่ยวกับความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ความชอบธรรมของตัวเอง. (ท่านผู้ประกาศ 7:20; โรม 3:10) ดาวิดไม่สามารถลบการประพฤติผิดศีลธรรมที่ท่านได้ทำไปนั้นออกจากความทรงจำ หรือทำให้อูรียาคืนชีพขึ้นมาอีก เช่นเดียวกับมนุษย์ในทุกวันนี้ก็ไม่สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับคนที่เขาได้ล่อลวงให้เสียตัว หรือไม่สามารถปลุกคนที่เขาได้ฆ่าให้ฟื้นขึ้นมาอีก. เราน่าจะคิดถึงเรื่องนี้มิใช่หรือเมื่อเราถูกล่อใจให้ทำชั่ว? และเราน่าจะหยั่งรู้ค่าพระเมตตาของพระยะโฮวามากเพียงไรที่พระองค์ทรงสำแดงแก่เราด้วยวิธีการอันชอบธรรม! ที่จริง การหยั่งรู้ค่าน่าจะกระตุ้นเราให้นำผู้อื่นมาถึงพระองค์ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความชอบธรรมและการให้อภัยโทษ.
13. เฉพาะภายใต้สภาพการณ์เช่นไรที่คนบาปสมควรจะเปิดริมฝีปากของตนสรรเสริญพระยะโฮวา?
13 ไม่มีคนบาปแม้แต่คนเดียวเหมาะสมที่จะอ้าปากร้องสรรเสริญพระยะโฮวา เว้นเสียแต่ด้วยความเมตตาพระเจ้าเสมือนทรงเปิดริมฝีปากของเขาให้พูดความจริงของพระองค์. ฉะนั้น ดาวิดได้ร้องเพลงดังนี้: “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า, ขอทรงโปรดเปิดริมฝีปากของข้าพเจ้า; แล้วปากของข้าพเจ้าจะได้ประกาศความสรรเสริญของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:15) เมื่อสติรู้สึกผิดชอบของท่านผ่อนคลายเนื่องจากพระเจ้าโปรดให้อภัยโทษ ดาวิดคงได้รับแรงกระตุ้นที่จะสอนคนล่วงละเมิดให้รู้จักวิถีทางต่าง ๆ ของพระยะโฮวา และท่านเองสามารถกล่าวยกย่องพระเจ้าอย่างไม่อั้น. บรรดาผู้ที่ได้รับการอภัยบาปของตนอย่างที่ดาวิดเคยรับมาแล้วจึงน่าจะหยั่งรู้ค่าความกรุณาอันไม่พึงได้รับของพระยะโฮวาที่มีต่อเขา และเขาก็น่าจะฉวยทุกโอกาสประกาศความสัตย์จริงของพระเจ้า และ ‘ป่าวประกาศคำสรรเสริญของพระองค์ออกไป.’—บทเพลงสรรเสริญ 43:3.
เครื่องบูชาแด่พระเจ้าอันเป็นที่ยอมรับได้
14. (ก) พระบัญญัติแห่งคำสัญญาไมตรีกำหนดให้มีการถวายเครื่องบูชาอะไรบ้าง? (ข) เหตุใดจึงถือว่าผิดที่จะคิดว่าเราอาจทำความดีบางประการเพื่อชดเชยการกระทำผิดต่อเนื่อง?
14 การหยั่งเห็นอย่างลึกซึ้งที่ดาวิดได้มานั้น ทำให้ท่านกล่าวดังนี้: “เพราะเครื่องบูชาพระองค์ ไม่ทรงพอพระทัย; เพราะถ้าพอพระทัยแล้วข้าพเจ้าจะนำมาถวาย: เครื่องบูชายัญพระองค์ไม่โปรดปราน.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:16) พระบัญญัติแห่งคำสัญญาไมตรีนั้นเรียกร้องให้ถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า. แต่บาปของดาวิดเกี่ยวด้วยการผิดประเวณีและการฆ่าคนนั้นมีโทษถึงตาย เครื่องบูชาดังกล่าวไม่สามารถไถ่ถอนโทษได้. หากทำได้ท่านก็คงได้ถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวาอย่างไม่นึกเสียดาย ไม่ว่าค่าใช้จ่ายว่าจะมากปานใด. หากปราศจากการกลับใจจากหัวใจ เครื่องบูชาก็ไม่มีค่า. เพราะเหตุนั้น การที่เราคิดจะชดเชยการทำความผิดอย่างไม่ลดละโดยกระทำสิ่งดี ๆ บางประการจึงถือว่าไม่ถูกต้อง.
15. อะไรคือทัศนคติของคนที่อุทิศตัวแล้วและมีใจชอกช้ำ?
15 ดาวิดเสริมอีกว่า “เครื่องบูชาที่สมควรแก่พระเจ้าคือจิตต์วิญญาณที่ชอกช้ำแล้ว: ข้าแต่พระเจ้า, ใจแตกและฟกช้ำแล้วนั้นพระองค์ไม่ดูถูกดูหมิ่นเลย.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:17) ในกรณีคนบาปที่กลับใจ เครื่องบูชาอันเป็นที่ยอมรับได้สำหรับพระเจ้าคือ “จิตต์วิญญาณที่ชอกช้ำแล้ว.” คนเช่นนั้นไม่มีท่าทีจะโต้แย้ง. หัวใจของคนที่อุทิศตัวแล้วที่มีความชอกช้ำใจเสียใจมากที่ตนได้กระทำบาป เขาเป็นคนถ่อมตน เพราะรู้สำนึกว่าพระเจ้าไม่พอพระทัย และเขาเต็มใจกระทำทุกสิ่งเพื่อได้มาซึ่งความโปรดปรานของพระเจ้าอีก. เราไม่อาจจะถวายสิ่งของใด ๆ ที่มีค่าแก่พระเจ้า จนกว่าเราสำนึกผิดกลับใจจากบาปของเรา และมอบหัวใจของเราแก่พระองค์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาโดยเฉพาะ.—นาฮูม 1:2.
16. พระเจ้าทรงพิจารณาคนที่มีใจชอกช้ำเพราะบาปของตนนั้นอย่างไร?
16 พระเจ้าไม่ทรงปฏิเสธเครื่องบูชาดังเช่นใจที่ชอกช้ำและแตกสลาย. เหตุฉะนั้น ไม่ว่าความยากลำบากใด ๆ ซึ่งเราเผชิญอยู่ในฐานะผู้รับใช้ของพระองค์ อย่ายอมจำนนต่อความหมดหวัง. ถ้าพวกเราได้พลาดพลั้งในวิถีชีวิตด้วยวิธีการบางอย่างซึ่งทำให้เราร้องทูลขอความเมตตาจากพระเจ้าด้วยความระทมใจ ก็มิใช่ว่าหมดหวังเสียทีเดียว. ถึงแม้เราได้กระทำบาปร้ายแรงแต่ได้กลับใจ พระยะโฮวาจะไม่ทรงดูหมิ่นใจที่ชอกช้ำของเราเลย. พระองค์จะโปรดให้อภัยพวกเราโดยอาศัยเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์เป็นพื้นฐานและจะทรงรับพวกเราคืนสู่ความโปรดปรานของพระองค์อีก. (ยะซายา 57:15; เฮ็บราย 4:16; 1 โยฮัน 2:1) อย่างไรก็ดี คำอธิษฐานของเราควรให้เป็นอย่างดาวิด คือขอได้รับความโปรดปรานคืนมาอีก และไม่ใช่เพื่อหลบเลี่ยงการว่ากล่าวแก้ไข. พระเจ้าได้อภัยดาวิด แต่ก็ทรงตีสอนท่านด้วย.—2 ซามูเอล 12:11-14.
เป็นห่วงการนมัสการบริสุทธิ์
17. นอกจากการวิงวอนขอการอภัยจากพระเจ้าแล้ว ผู้กระทำบาปพึงทำอะไร?
17 หากเราได้กระทำบาปร้ายแรงบางอย่าง โดยไม่สงสัย เรื่องเช่นนี้คงกวนใจเราอย่างหนัก และหัวใจที่สำนึกผิดจะกระตุ้นเราให้วิงวอนขอพระเจ้าอภัยโทษให้เรา. กระนั้นก็ดี เราพึงอธิษฐานขอเผื่อคนอื่นด้วย. แม้ดาวิดตั้งใจไว้ว่าจะถวายการนมัสการแด่พระเจ้าอย่างเป็นที่ยอมรับได้อีกครั้งหนึ่ง เพลงสรรเสริญที่ท่านได้ประพันธ์ขึ้นมาก็ใช่ว่าคัดคนอื่น ๆ ออกจากความรู้สึกของท่านอย่างเห็นแก่ตัว. เรื่องนี้รวมอยู่ในคำทูลวิงวอนพระยะโฮวาที่ว่า “ขอพระองค์ทรงบำรุงเมืองซีโอนตามพระกรุณาของพระองค์; และขอทรงก่อกำแพงกรุงยะรูซาเลม.”—บทเพลงสรรเสริญ 51:18.
18. ทำไมดาวิดซึ่งได้กลับใจแล้วจึงอธิษฐานเพื่อเมืองซีโอน?
18 ใช่แล้ว ดาวิดตั้งใจรอคอยการกลับคืนสู่สถานะอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า. อย่างไรก็ดี เป็นคำอธิษฐานของท่านผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญที่ถ่อมตนด้วยที่ว่า ‘พระเจ้าจะทรงบำรุงเมืองซีโอนตามพระกรุณาของพระองค์’ คือยะรูซาเลมนครหลวงของยิศราเอล ที่ซึ่งดาวิดมุ่งหวังจะสร้างพระวิหารของพระเจ้า. บาปร้ายแรงของดาวิดทำให้ทั้งชาติตกอยู่ในอันตราย เพราะพลเมืองทั้งสิ้นอาจได้รับความทุกข์เพราะการผิดที่กษัตริย์ทำไว้. (เทียบกับ 2 ซามูเอลบท 24.) ตามจริงแล้ว บาปของท่านเป็นเหตุให้รากฐาน “กำแพงกรุงยะรูซาเลม” อ่อนลง จนถึงกับจะต้องสร้างใหม่.
19. หากเราได้กระทำบาปแต่ได้รับการให้อภัย คงเหมาะหากจะอธิษฐานเพื่อสิ่งใด?
19 หากเราเคยทำบาปร้ายแรงแต่ได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า คงจะเหมาะที่จะอธิษฐานขอพระองค์แก้ไขความเสียหายอันเนื่องมาจากการประพฤติของเราที่แล้ว ๆ มา. เราอาจทำให้พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์เสื่อมเสีย, อาจบ่อนทำลายประชาคม, และอาจทำให้ครอบครัวของเราเศร้าเสียใจ. พระบิดาของเราทางภาคสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยความรักสามารถลบล้างความอัปยศใด ๆ ให้หมดไปจากพระนามของพระองค์, ทรงสามารถเสริมสร้างประชาคมขึ้นได้โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ และทรงสามารถปลอบประโลมหัวใจบุคคลที่เรารักซึ่งรักและรับใช้พระองค์. แน่นอน ไม่ว่าบาปจะเกี่ยวข้องอยู่ด้วยหรือไม่ การทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์และสวัสดิภาพของไพร่พลของพระองค์ควรเป็นเรื่องที่เราพึงห่วงใย.—มัดธาย 6:9.
20. ภายใต้สภาพการณ์เช่นไรพระยะโฮวาทรงพอพระทัยในเครื่องบูชาถวายของชาวยิศราเอล?
20 หากพระยะโฮวาทรงสร้างกำแพงเมืองซีโอนขึ้นใหม่ จะเกิดอะไรขึ้นมาอีก? ดาวิดร้องเพลงดังนี้: “เมื่อนั้นพระองค์ [พระยะโฮวา, ล.ม.] จึงทรงพอพระทัยด้วยเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรม, คือเครื่องบูชายัญและเครื่องบูชาเผา: ขณะนั้นเขาจะพาฝูงโคผู้มาถวายบนแท่นของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:19) ดาวิดปรารถนาอย่างจริงใจที่จะให้ตัวท่านเองและพลเมืองในชาติได้รับความโปรดปรานจากพระยะโฮวา เพื่อจะสามารถนมัสการพระองค์อย่างเป็นที่ยอมรับได้. ครั้นแล้วพระเจ้าจะทรงพอพระทัยในเครื่องบูชายัญและเครื่องบูชาเผาที่พวกเขานำถวาย. จะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากเป็นการถวายเครื่องบูชาแห่งความชอบธรรมโดยผู้คนที่อุทิศตัวแล้ว, เป็นคนจริงใจ, และกลับใจ ซึ่งได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า. จากความสำนึกในพระเมตตาคุณของพระยะโฮวา พวกเขาคงจะถวายโคผู้บนแท่นบูชาของพระองค์—เครื่องบูชาอย่างดีที่สุดและมีราคาแพงที่สุด. ทุกวันนี้ พวกเราถวายเกียรติยศแด่พระยะโฮวาโดยการนำสิ่งดีที่สุดที่เรามีอยู่มาถวายพระองค์. และเครื่องถวายของเรารวมเอา “ผลแห่งริมฝีปากของเรามาเป็นสักการบูชาต่างโค,” เครื่องบูชาแห่งคำสรรเสริญแด่พระยะโฮวา พระเจ้าของเราผู้ทรงมีความเมตตา.—โฮเซอา 14:2; เฮ็บราย 13:15.
พระยะโฮวาทรงสดับเสียงร้องของเรา
21, 22. เพลงสรรเสริญบท 51 บรรจุบทเรียนอะไรอันเป็นประโยชน์แก่พวกเรา?
21 การอธิษฐานของดาวิดด้วยความเต็มอกเต็มใจซึ่งบันทึกอยู่ในเพลงสรรเสริญบท 51 ชี้ให้เห็นว่าเราควรแสดงอาการต่อต้านบาปของเราด้วยน้ำใจที่ส่อถึงการกลับใจจริง ๆ. อนึ่ง เพลงสรรเสริญบทนี้บรรจุบทเรียนอันมีค่าเป็นคุณประโยชน์แก่เรา. ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากระทำบาปแต่กลับใจ เราย่อมวางใจได้ในความเมตตาของพระเจ้า. อย่างไรก็ดี ให้เราเป็นห่วงประการสำคัญในเรื่องการนำความเสื่อมเสียใด ๆ มาสู่พระนามของพระยะโฮวา. (ข้อ 1-4) เช่นเดียวกันกับดาวิด เราสามารถวิงวอนขอความเมตตาจากพระบิดาของเราทางภาคสวรรค์เนื่องจากความบาปที่ตกทอดมาถึงพวกเรา. (ข้อ 5) เราควรเป็นคนซื่อตรง และจำต้องแสวงหาสติปัญญาจากพระเจ้า. (ข้อ 6) หากเราได้กระทำบาป เราควรจะอ้อนวอนพระยะโฮวาขอพระองค์ชำระหัวใจให้บริสุทธิ์สะอาดและมีจิตใจมั่นคง.—ข้อ 7-10.
22 จากเพลงสรรเสริญบท 51 เรายังได้เข้าใจอีกด้วยว่าเราไม่ควรปล่อยตัวจนกระทั่งกลายเป็นคนไม่สะดุ้งสะเทือนต่อบาป. หากเราขืนเป็นเช่นนั้น พระยะโฮวาจะทรงถอนพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพลังปฏิบัติงานของพระองค์ไปเสียจากเรา. กระนั้น เมื่อเรามีพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับเรา เราสามารถสอนคนอื่นให้รู้วิถีทางของพระองค์ได้อย่างสำเร็จผล. (ข้อ 11-13) ถ้าเรากระทำความผิดแต่กลับใจ พระยะโฮวาจะทรงอนุญาตให้เราสรรเสริญพระองค์ต่อไป เพราะพระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่ชอกช้ำและแตกสลาย. (ข้อ 14-17) เพลงสรรเสริญบทนี้แสดงให้เห็นอีกด้วยว่าคำอธิษฐานของเราไม่ควรมุ่งอยู่ที่ตัวเองเท่านั้น. สมควรที่เราจะอธิษฐานขอพระพรและสวัสดิภาพฝ่ายวิญญาณเพื่อคนเหล่านั้นที่เข้าส่วนร่วมในการนมัสการพระยะโฮวาอย่างบริสุทธิ์.—ข้อ 18, 19.
23. ทำไมเพลงสรรเสริญบท 51 น่าจะกระตุ้นเราให้กล้าหาญและคิดในแง่ดี?
23 บทเพลงของดาวิดที่ซาบซึ้งใจเช่นนี้น่าจะกระตุ้นพวกเราเป็นคนกล้าหาญและคิดในแง่ดี. เป็นบทเพลงที่ช่วยเราให้ตระหนักว่าเราไม่ใช่จะต้องสูญสิ้นทุกอย่างถึงแม้ว่าเราพลาดพลั้งกระทำบาป. ทำไมล่ะ? เพราะถ้าเรากลับใจ ความเมตตาของพระยะโฮวาจะช่วยเราพ้นจากสภาพหมดหวัง. ถ้าเราสำนึกผิดและมอบทุกสิ่งไว้กับพระบิดาของเราทางภาคสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงสดับเสียงร้องของเราที่ทูลขอความเมตตา. และเป็นความอุ่นใจเสียนี่กระไรที่รู้ว่าพระยะโฮวาไม่ทรงรังเกียจใจที่ชอกช้ำ!
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ทำไมคริสเตียนต้องมีหัวใจสะอาดและมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า?
▫ บุคคลที่กลับใจสามารถสอนอะไรแก่ผู้ละเมิดกฎหมายของพระยะโฮวา?
▫ พระยะโฮวาทรงมีทัศนะเช่นไรต่อผู้ที่หัวใจชอกช้ำแตกสลาย?
▫ บทเรียนอะไรซึ่งพบได้ในเพลงสรรเสริญบท 51?
[รูปภาพหน้า 15]
คุณอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์และระมัดระวังไม่ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัยไหม?
[รูปภาพหน้า 17]
จงแสดงการหยั่งรู้ค่าพระกรุณาคุณอันไม่พึงได้รับของพระยะโฮวาโดยการประกาศความจริงของพระองค์