“จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา”
“ตอนหลัง ๆ นี้ดิฉันรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าและขาดความยินดีขณะทำงานเผยแพร่” แนนซีพูด.a เธอรับใช้ฐานะไพโอเนียร์คือผู้ประกาศข่าวดีเต็มเวลามาสิบกว่าปีแล้ว. กระนั้น เธอเสริมว่า “ดิฉันไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง. ดูเหมือนว่า ดิฉันเสนอข่าวราชอาณาจักรเสมือนเป็นเรื่องธรรมดาและไม่ได้ออกมาจากหัวใจ. ดิฉันควรทำอย่างไร?”
นอกจากนี้ ขอพิจารณากรณีของคีท ผู้ปกครองประชาคมพยานพระยะโฮวา. เขารู้สึกประหลาดใจเพียงไรที่ภรรยาพูดว่า “คุณคงต้องมีหลายเรื่องอยู่ในใจ. การอธิษฐานที่เพิ่งผ่านไปหยก ๆ คุณกล่าวขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลารับประทานอาหาร!” คีทยอมรับว่า “ผมรู้สึกว่าการอธิษฐานของผมเป็นไปอย่างทื่อ ๆ ไม่มีชีวิตชีวา.”
ไม่สงสัย คุณเองคงไม่อยากให้คำกล่าวสดุดีพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นแบบจืดชืดขาดชีวิตชีวา. ตรงกันข้าม คุณต้องการกล่าวคำอธิษฐานด้วยความรู้สึกซาบซึ้งจากหัวใจ อันเนื่องมาจากความสำนึกในบุญคุณ. อย่างไรก็ดี ความรู้สึกใช่ว่าจะนำมาสวมใส่หรือเปลื้องออกได้อย่างเสื้อผ้า. มันต้องเกิดขึ้นจากภายในตัวบุคคล. คนเราจะรู้สำนึกบุญคุณจากหัวใจได้อย่างไร? พระธรรมเพลงสรรเสริญบท 103 ช่วยเราหยั่งเห็นเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้.
ดาวิดกษัตริย์ชาติยิศราเอลโบราณได้แต่งเพลงสรรเสริญบท 103. ท่านเริ่มต้นดังนี้: “จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา; และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมข้าพเจ้า [“ทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า,” ฉบับแปลใหม่], จงสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:1) หนังสืออ้างอิงเล่มหนึ่งชี้แจงว่า “คำสรรเสริญ เมื่อนำมาใช้กับพระเจ้าหมายถึงคำกล่าวยกย่อง ชี้เป็นนัยถึงความรักใคร่อันแรงกล้าและการสำนึกในบุญคุณของพระองค์ตลอดเวลา.” ด้วยความปรารถนาใคร่ยกย่องพระยะโฮวาด้วยหัวใจเปี่ยมล้นความรักและความหยั่งรู้ค่า ดาวิดกระตุ้นเตือนจิตวิญญาณของท่านเอง—เตือนตัวเอง—ให้ “สรรเสริญพระยะโฮวา.” แต่อะไรล่ะที่ก่อความรู้สึกอบอุ่นใจแบบนี้ขึ้นในหัวใจของดาวิดให้แสดงต่อพระเจ้าองค์ที่ท่านนมัสการ?
ดาวิดกล่าวต่อดังนี้: “อย่าลืมพระราชกิจ . . . ทั้งสิ้นของ [พระยะโฮวา].” (บทเพลงสรรเสริญ [สดุดี] 103:2 ฉบับแปลใหม่) ดูเหมือนว่า การรู้สำนึกบุญคุณของพระยะโฮวาเกี่ยวพันกับการคิดรำพึงด้วยความหยั่งรู้ค่า ‘พระราชกิจ . . . ของพระองค์.’ โดยแท้แล้วดาวิดระลึกถึงพระราชกิจอะไรของพระยะโฮวา? การพิจารณาสารพัดสิ่งซึ่งพระเจ้าได้สร้างขึ้นมา อาทิ ดวงดาวเกลื่อนฟ้าในคืนฟ้าใส แน่นอน นั่นสามารถทำให้หัวใจเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกขอบคุณพระผู้สร้าง. ฟ้าสวรรค์ซึ่งดารดาษไปด้วยดวงดาวส่งผลกระทบถึงดาวิดอย่างลึกซึ้ง. (บทเพลงสรรเสริญ 8:3, 4; 19:1) ทว่า ในเพลงสรรเสริญบท 103 นั้น ดาวิดระลึกถึงพระราชกิจอีกประเภทหนึ่งของพระยะโฮวา.
พระยะโฮวา “ทรงโปรดยกความผิดทั้งหมดของเจ้า”
ในเพลงสรรเสริญบทนี้ ดาวิดบรรยายถึงการกระทำด้วยความรักกรุณาของพระเจ้า. เมื่ออ้างถึงการกระทำด้วยความรักกรุณาของพระเจ้าที่อยู่ในอันดับแรกและสำคัญที่สุด ท่านร้องเพลงดังนี้: ‘พระยะโฮวาทรงโปรดยกความผิดทั้งหมดของเจ้า.’ (บทเพลงสรรเสริญ 103:3) แน่นอน ดาวิดตระหนักถึงสภาพตนเองฐานะเป็นคนบาป. หลังจากที่ผู้พยากรณ์นาธานเผชิญหน้าท่านและแจ้งให้ทราบว่าท่านทำผิดประเวณีกับบัธเซบะ ดาวิดยอมรับว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำผิดต่อพระองค์ [พระยะโฮวา], ต่อพระองค์แต่ผู้เดียว, และได้กระทำชั่วต่อพระเนตรพระองค์.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:4) ท่านได้ทูลวิงวอนด้วยความชอกช้ำใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า, ขอพระองค์ทรงพระเมตตาแก่ข้าพเจ้าให้สมกับพระกรุณาคุณของพระองค์: ขอทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าตามพระทัยบริบูรณ์ด้วยพระเมตตาปรานีอันอ่อนละมุนของพระองค์. ขอพระองค์ทรงล้างข้าพเจ้าให้หมดจดจากความอสัตย์อธรรมของข้าพเจ้า, และทรงชำระข้าพเจ้าให้ปราศจากความผิด.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:1, 2) ดาวิดคงต้องสำนึกในบุญคุณเพียงใดเมื่อได้รับอภัยโทษ! เนื่องจากเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ ท่านได้ทำบาปอื่น ๆ ในชีวิตของท่าน แต่ไม่มีสักครั้งที่ท่านไม่กลับใจ, ยอมรับการว่ากล่าว, และได้แก้ไขแนวทางของตน. ด้วยการใคร่ครวญวิธีที่พระเจ้าปฏิบัติต่อท่านด้วยความเมตตาอย่างน่าพิศวงเช่นนั้นกระตุ้นดาวิดให้สรรเสริญพระยะโฮวา.
พวกเราก็เป็นคนผิดบาปเช่นกันมิใช่หรือ? (โรม 5:12) แม้แต่อัครสาวกเปาโลยังคร่ำครวญว่า “ฝ่ายจิตต์ใจของข้าพเจ้าก็มีความเห็นชอบในพระบัญญัติแห่งพระเจ้า. แต่ข้าพเจ้าเห็นมีกฎธรรมดาอีกอย่างหนึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า, ซึ่งสู้รบกันกับกฎธรรมดาซึ่งอยู่ในใจข้าพเจ้า, และชักนำข้าพเจ้าให้อยู่ใต้บังคับกฎธรรมดาความผิดซึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า. โอข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง! ใครหนอจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากกายแห่งความตายนี้?” (โรม 7:22-24) เราสำนึกในบุญคุณมากเพียงใดที่พระยะโฮวาไม่ทรงกระทำต่อเราอย่างสาสมกับการล่วงละเมิด! พระองค์ทรงยินดีลบล้างการผิดเหล่านั้นเมื่อเรากลับใจและแสวงการให้อภัย.
ดาวิดเตือนตัวเองดังนี้: “[พระยะโฮวา] ทรงรักษาบรรดาโรคของเจ้าให้หาย.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:3) เนื่องจากการรักษาโรคทำให้สภาพป่วยไข้หายเป็นปกติ การรักษาจึงไม่หมายเพียงแต่การให้อภัยความผิดพลาด. แต่ครอบคลุมถึงการขจัด [บรรดาโรค]—ผลเสียหายอันสืบเนื่องจากการพลั้งพลาดทำผิดในแนวทางของเรา. ในโลกใหม่ที่พระองค์ดำเนินการสร้าง แน่นอน พระยะโฮวาจะลบล้างผลสืบเนื่องจากบาปที่มีต่อร่างกาย เป็นต้นว่าความเจ็บป่วยและความตาย. (ยะซายา 25:8; วิวรณ์ 21:1-4) อย่างไรก็ดี แม้ในปัจจุบัน พระเจ้าทรงรักษาเราทางฝ่ายวิญญาณอยู่แล้ว. สำหรับบางคน นั่นอาจรวมไปถึงสติรู้สึกผิดชอบไม่ดีและความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่ขาดสะบั้นลง. “อย่าลืม” พระราชกิจต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่พระยะโฮวาได้กระทำเพื่อพวกเราแต่ละคนเป็นรายบุคคล.
พระองค์ “ทรงไถ่ชีวิตของเจ้า”
ดาวิดร้องเพลงดังนี้: “[พระยะโฮวา] ผู้ทรงไถ่ชีวิตของเจ้าให้พ้นจากหลุมฝังศพ.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:4) “หลุมฝังศพ” หมายถึงหลุมศพทั่วไปของมนุษย์—เชโอลหรือฮาเดส. แม้ก่อนขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองชาติยิศราเอล ดาวิดได้ประสบภัยที่เป็นอันตรายถึงชีวิต. ยกตัวอย่าง ซาอูลกษัตริย์ของชาติยิศราเอลสั่งสมความเกลียดชังคิดปองร้ายดาวิด และมีหลายโอกาสที่ได้พยายามสังหารท่าน. (1 ซามูเอล 18:9-29; 19:10; 23:6-29) ชาวฟะลิศตีมก็ต้องการเอาชีวิตดาวิดเช่นกัน. (1 ซามูเอล 21:10-15) แต่ทุกครั้ง พระยะโฮวาได้ช่วยท่านพ้นจาก “หลุมฝังศพ.” ดาวิดย่อมต้องสำนึกบุญคุณมากมายเพียงใดเมื่อระลึกถึงปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ของพระยะโฮวา!
ส่วนคุณล่ะเป็นอย่างไร? พระยะโฮวาได้ทรงค้ำจุนคุณเรื่อยมาตลอดช่วงที่คุณรู้สึกหดหู่หรือในยามสูญเสียไหม? หรือ คุณรู้เรื่องราวในกรณีที่พระองค์ทรงช่วยชีวิตเหล่าพยานฯ ผู้ซื่อสัตย์รอดจากเชโอลในสมัยของเราไหม? บางทีคุณอาจรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวในวารสารนี้ที่พูดถึงวิธีการช่วยให้รอดของพระองค์. คุณน่าจะใช้เวลาตรึกตรองด้วยความหยั่งรู้ค่าต่อการกระทำต่าง ๆ เหล่านี้ของพระเจ้าเที่ยงแท้. และแน่นอน พวกเราทุกคนมีเหตุผลจะสำนึกในบุญคุณของพระยะโฮวาที่เรามีความหวังจะถูกปลุกขึ้นจากตาย.—โยฮัน 5:28, 29; กิจการ 24:15.
พระยะโฮวาทรงให้เราทั้งชีวิตและสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตน่าเพลิดเพลินและควรค่าแก่การดำรงอยู่. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญแถลงว่าพระเจ้า “ทรงครอบพระเมตตาและพระกรุณาคุณอันอ่อนละมุนให้เป็นมงกุฎเจ้า.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:4) ในยามที่เราต้องการความช่วยเหลือ พระยะโฮวาไม่ละทิ้งเรา แต่โปรดให้การช่วยเหลือเราโดยทางองค์การของพระองค์ที่เห็นประจักษ์และโดยทางผู้ปกครองหรือผู้บำรุงเลี้ยงที่รับการแต่งตั้งในประชาคม. การช่วยเหลือดังกล่าวทำให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้โดยไม่หมดความนับถือตัวเองและศักดิ์ศรีของเรา. คริสเตียนผู้บำรุงเลี้ยงเอาใจใส่ดูแลฝูงแกะเป็นอย่างมาก. พวกเขาให้กำลังใจคนป่วยและคนซึมเศร้าและทำเต็มความสามารถเพื่อช่วยคนเหล่านั้นที่พลาดพลั้งให้คืนสภาพปกติ. (ยะซายา 32:1, 2; 1 เปโตร 5:2, 3; ยูดา 22, 23) พระวิญญาณของพระยะโฮวากระตุ้นผู้บำรุงเลี้ยงเหล่านี้ให้มีความเมตตาสงสารและความรักต่อฝูงแกะ. “พระเมตตาและพระกรุณาคุณ” ของพระองค์ จริง ๆ แล้วเสมือนการสวมมงกุฎและเป็นศักดิ์ศรีแก่เรา! อย่าลืมพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์เป็นอันขาด ให้เราสรรเสริญพระยะโฮวาและยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์.
ด้วยการเตือนสติตนเองอย่างต่อเนื่อง ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญร้องเพลงดังนี้: “[พระยะโฮวา] ทรงประทานของดีให้เกิดอิ่มใจสมปรารถนาเจ้า, จนวัยหนุ่มของเจ้ากลับคืนมาใหม่ดุจนกอินทรี.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:5) ชีวิตซึ่งพระยะโฮวาประทานแก่เราเป็นชีวิตที่น่าพอใจและปีติยินดี. เฉพาะแต่ความรู้ด้านความจริงก็เป็นสมบัติล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ได้อยู่แล้ว และยังเป็นที่มาของความปีติยินดีมหาศาล! และขอให้คำนึงถึงงานเผยแพร่และงานสั่งสอนคนให้เป็นสาวกที่พระยะโฮวาทรงมอบให้เราทำนั้นก่อความอิ่มใจและซาบซึ้งมากเพียงใด. ช่างเป็นความยินดีอะไรเช่นนั้นเมื่อพบบางคนสนใจเรียนเกี่ยวกับพระเจ้าเที่ยงแท้และที่จะช่วยคนแบบนั้นให้รู้จักพระยะโฮวาและสรรเสริญพระองค์! ไม่ว่าใคร ๆ ก็ตามในท้องถิ่นของเราจะฟังหรือไม่ แต่กระนั้นก็เป็นสิทธิพิเศษใหญ่หลวงที่เรามีส่วนร่วมในงานที่เกี่ยวข้องกับการทำให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ และเป็นการพิสูจน์ว่าพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ถูกต้อง.
ขณะที่ขะมักเขม้นทำงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า ใครบ้างไม่รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนล้า? แต่พระยะโฮวาทรงประทานกำลังเรี่ยวแรงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์มิได้ขาด ให้เขา ‘เป็นเหมือนนกอินทรี’ ซึ่งปีกมีพลังเข้มแข็งและสามารถทะยานขึ้นสู่ฟ้าที่สูงลิ่ว. พวกเรารู้สำนึกบุญคุณมากเพียงใดที่พระบิดาองค์เปี่ยมด้วยความรักของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงประทาน “พลังเข้มแข็ง” แก่เรา เพื่อเราจะทำงานรับใช้วันแล้ววันเล่าด้วยความซื่อสัตย์!—ยะซายา 40:29-31.
ตัวอย่างเช่น คลาราทำงานอาชีพเต็มเวลาและทุกเดือนเธอยังใช้เวลา 50 ชั่วโมงออกเผยแพร่ตามบ้านด้วย. เธอพูดว่า “บางครั้งดิฉันเหน็ดเหนื่อย และพยายามฝืนตัวเองออกประกาศเผยแพร่เพียงเพราะได้นัดกับบางคนไว้ที่จะทำงานด้วยกัน. แต่พอออกไปในเขตงาน ดิฉันรู้สึกกระฉับกระเฉงมีกำลังขึ้นมาทุกครั้ง.” คุณก็เช่นกันอาจเคยได้รับกำลังเรี่ยวแรงในงานรับใช้ของคริสเตียน อันเป็นผลจากการสนับสนุนของพระเจ้า. ขอคุณจงได้รับแรงกระตุ้นที่จะพูดอย่างที่ดาวิดกล่าวในข้อแรกของเพลงสรรเสริญบทนี้ “จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา; และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมข้าพเจ้า [“ทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า,” ฉบับแปลใหม่], จงสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์.”
พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอด
ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญยังร้องเพลงอีกด้วยว่า “พระยะโฮวาทรงกระทำการสัตย์ธรรม, และทรงพิพากษาแก้แค้นแทนคนที่ถูกข่มเหง. พระองค์ได้ทรงแสดงมรคาของพระองค์แก่โมเซ, ทั้งพระราชกิจแก่เผ่าพันธุ์ยิศราเอล.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:6, 7) เป็นไปได้ที่ดาวิดนึกถึงสมัยโมเซเมื่อชาวยิศราเอลได้รับ ‘การข่มเหง’ ภายใต้ผู้กดขี่ชาวอียิปต์. โดยการคิดรำพึงถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงแจ้งให้โมเซทราบแนวทางการช่วยให้รอดของพระองค์เช่นนั้นคงกระตุ้นความสำนึกบุญคุณขึ้นในหัวใจของดาวิด.
พวกเราสามารถรับแรงกระตุ้นให้สำนึกบุญคุณทำนองเดียวกันโดยการใคร่ครวญวิธีที่พระเจ้าปฏิบัติต่อชาติยิศราเอล. แต่เราไม่ควรละเลยการพิจารณาประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้รับใช้พระยะโฮวาสมัยปัจจุบัน อย่างเช่นคนเหล่านั้นที่มีการกล่าวถึงในบท 29 และ 30 ของหนังสือพยานพระยะโฮวา—ผู้ประกาศราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ). เรื่องราวที่มีหลักฐานบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้และในสรรพหนังสืออื่น ๆ ของสมาคมว็อชเทาเวอร์ ช่วยเราเห็นวิธีที่พระยะโฮวาทรงช่วยไพร่พลของพระองค์สมัยปัจจุบันให้อดทนได้เมื่อถูกคุมขัง, เมื่อฝูงชนกลุ้มรุมทำร้าย, การสั่งห้าม, ค่ายกักกัน, และค่ายใช้แรงงานอย่างทาส. เคยเกิดความยากลำบากในประเทศที่ยับเยินเพราะการทำสงคราม เช่นประเทศบุรุนดี, ไลบีเรีย, รวันดา, และอดีตยูโกสลาเวีย. เมื่อใดที่เกิดการข่มเหง พระหัตถ์ของพระยะโฮวาทรงค้ำจุนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์เสมอ. การคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ของพระยะโฮวาพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งของเรา อาจเกิดผลแก่พวกเราเช่นเดียวกับการใคร่ครวญเรื่องราวการช่วยให้รอดจากอียิปต์เกิดผลแก่ดาวิด.
อนึ่ง ขอพิจารณาถึงวิธีการอันอ่อนละมุนของพระยะโฮวาที่ทรงช่วยเราหลุดพ้นภาระหนักอันเนื่องจากบาป. พระองค์จัดเตรียม “พระโลหิตของพระคริสต์” ให้ “ชำระสติรู้สึกผิดชอบของเราให้พ้นจากการกระทำที่ตายแล้ว.” (เฮ็บราย 9:14, ล.ม.) ครั้นเรากลับใจจากการบาปของเราและแสวงการให้อภัยโดยอาศัยการหลั่งพระโลหิตของพระคริสต์ พระเจ้าทรงยกเอาการล่วงละเมิดต่าง ๆ ของเราออกไปให้ห่างไกลจากเรา—เหมือน “ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตก” และนำเรามาสู่ความโปรดปรานของพระองค์อีก. และขอให้นึกถึงการจัดเตรียมของพระยะโฮวาโดยทางการประชุมคริสเตียน, การสมาคมคบหาที่เสริมสร้างซึ่งกันและกัน, การมีผู้บำรุงเลี้ยงในประชาคม, และสรรพหนังสือที่ใช้คัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักซึ่งพวกเราได้รับทาง “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม.” (มัดธาย 24:45, ล.ม.) ปฏิบัติการเหล่านี้ทุกอย่างของพระยะโฮวาช่วยเสริมสัมพันธภาพระหว่างเรากับพระองค์มิใช่หรือ? ดาวิดแถลงดังนี้: “พระยะโฮวาทรงพระเมตตากรุณา, พระองค์ทรงพระพิโรธช้า ๆ, และทรงพระเมตตาบริบูรณ์. . . . พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำแก่พวกข้าพเจ้าตามการผิด, และมิได้ทรงปรับโทษตามความอสัตย์อธรรมของพวกข้าพเจ้านั้น.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:8-14) การคิดรำพึงถึงความใฝ่พระทัยรักใคร่ของพระยะโฮวาย่อมกระตุ้นเราอย่างแน่นอนที่จะถวายเกียรติพระองค์และสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์.
“ให้พระราชกิจทั้งปวงของพระยะโฮวาเป็นที่ยกยอสรรเสริญพระองค์”
เมื่อเปรียบเทียบความเป็นอมตะของพระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์” “วันคืนทั้งหลาย” ของ “มนุษย์” จึงเป็นชั่วเวลาสั้น ๆ อย่างแท้จริง—“เหมือนต้นหญ้า.” ทว่า ดาวิดไตร่ตรองอย่างรู้คุณค่าว่า “พระกรุณาคุณแห่งพระยะโฮวาแก่คนที่ยำเกรงพระองค์นั้นก็มั่นคงอยู่ตั้งแต่อดีตกาลตลอดอนาคตกาล, และความชอบธรรมของพระองค์คงถาวรแก่ลูกหลานสืบ ๆ ไป คือแก่คนทั้งปวงที่รักษาคำสัญญาไมตรีของพระองค์, และแก่คนที่จดจำข้อพระบัญญัติของพระองค์ไว้และประพฤติตาม.” (เยเนซิศ 21:33; บทเพลงสรรเสริญ 103:15-18) พระยะโฮวาไม่ทรงลืมคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์. เมื่อถึงเวลากำหนด พระองค์จะโปรดให้เขามีชีวิตนิรันดร์.—โยฮัน 3:16; 17:3.
ดาวิดแสดงออกซึ่งการหยั่งรู้ค่าต่อตำแหน่งกษัตริย์ของพระยะโฮวาโดยกล่าวดังนี้: “พระยะโฮวาเองได้ทรงตั้งราชบัลลังก์ของพระองค์ไว้มั่นคงในสวรรค์; และพระองค์เองในฐานะเป็นกษัตริย์ทรงครอบครองอยู่เหนือสรรพสิ่ง.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:19, ล.ม.) แม้ว่าสมัยหนึ่ง ฐานะกษัตริย์ของพระยะโฮวาได้เป็นที่ประจักษ์โดยทางอาณาจักรยิศราเอล แต่จริง ๆ แล้วราชบัลลังก์ของพระองค์ตั้งอยู่ในสวรรค์. เนื่องด้วยพระองค์เป็นผู้สร้าง พระยะโฮวาทรงเป็นผู้ปกครององค์บรมมหิศรแห่งเอกภพและทรงดำเนินงานตามพระทัยประสงค์ของพระองค์เองทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก.
ดาวิดถึงกับกระตุ้นเตือนบรรดาผู้ที่ถูกสร้างให้มีชีวิตในสรวงสวรรค์ด้วยซ้ำ. ท่านร้องเพลงดังนี้: “ทูตสวรรค์ทั้งหลาย, จงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด, คือทูตผู้มีกำลังมาก, ผู้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์, ผู้ที่คอยฟังพระสุรเสียงของพระองค์. ดูกรพลโยธาทั้งหลายของพระยะโฮวา, ที่รับใช้, และปฏิบัติตามพระทัย. จงสรรเสริญพระองค์เถิด, ให้พระราชกิจทั้งปวงของพระยะโฮวาเป็นที่ยกยอสรรเสริญพระองค์ จนทั่วอาณาเขตของพระองค์ทุกแห่งทุกตำบล: จิตต์ของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวาเถิด.” (บทเพลงสรรเสริญ 103:20-22) เมื่อเราพิจารณาใคร่ครวญการกระทำด้วยความรักกรุณาเช่นนั้นที่พระยะโฮวาทรงมีต่อพวกเราก็น่าจะกระตุ้นเราให้สรรเสริญพระองค์ด้วยมิใช่หรือ? แน่นอน! และเราย่อมมั่นใจได้ว่าการเปล่งเสียงร้องสรรเสริญพระเจ้าจากพวกเราแต่ละคนไม่แผ่วหายไปท่ามกลางเสียงร้องประสานของผู้สรรเสริญกลุ่มใหญ่รวมทั้งเหล่าทูตสวรรค์ที่ชอบธรรมด้วย. ให้พวกเราร้องสรรเสริญพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์อย่างสิ้นสุดหัวใจ ด้วยการพูดถึงคุณความดีของพระองค์เสมอ. จริง ๆ แล้วให้เราจำใส่ใจถ้อยคำของดาวิดที่ว่า “จิตต์วิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงสรรเสริญพระยะโฮวา.”
[เชิงอรรถ]
a บางชื่อเป็นนามสมมุติ.
[รูปภาพหน้า 23]
ดาวิดคิดรำพึงถึงการกระทำด้วยความรักกรุณาของพระยะโฮวา. คุณล่ะคิดรำพึงไหม?