คนชั่วยังจะอยู่อีกนานเท่าไร?
“เหตุไฉนพระองค์ [พระยะโฮวา] จึงทรง . . . นิ่งเงียบเสียเมื่อคนบาปนั้นกัดกินคนดีผู้ชอบธรรมยิ่งกว่าตัว?”—ฮะบาฆูค 1:13.
1. เมื่อไรแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจึงจะมีความรู้เต็มบริบูรณ์ด้วยพระรัศมีของพระยะโฮวา?
พระเจ้าจะทรงทำลายคนชั่วไหม? หากเป็นอย่างนั้น เราต้องรออีกนานเท่าไร? ผู้คนทั่วโลกตั้งคำถามดังกล่าว. เราจะพบคำตอบได้ที่ไหน? เราจะพบได้ในพระคำเชิงพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าเกี่ยวกับเวลากำหนดของพระองค์. พระคำเชิงพยากรณ์เหล่านี้รับรองกับเราว่าอีกไม่ช้าพระยะโฮวาจะสำเร็จโทษคนชั่วทั้งสิ้น. ต่อเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจึงจะ “มีความรู้เต็มบริบูรณ์ด้วยพระรัศมีของพระยะโฮวา, ดุจน้ำทั้งหลายท่วมเต็มมหาสมุทร.” นั่นคือคำสัญญาเชิงพยากรณ์ซึ่งพบในพระคำศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่ฮะบาฆูค 2:14.
2. พระธรรมฮะบาฆูคมีคำพิพากษาสำเร็จโทษจากพระเจ้าสามเรื่องอะไรบ้าง?
2 พระธรรมฮะบาฆูคซึ่งเขียนประมาณปี 628 ก่อนสากลศักราช ประกอบด้วยชุดคำพิพากษาสำเร็จโทษสามเรื่องจากพระยะโฮวาพระเจ้า. จากคำพิพากษาดังกล่าวมีสองเรื่องที่สำเร็จไปแล้ว. คำพิพากษาแรกได้แก่คำพิพากษาของพระยะโฮวาต่อชาติยูดาโบราณที่ดื้อดึง. คำพิพากษาที่สองล่ะ? เป็นคำพิพากษาสำเร็จโทษของพระเจ้าต่อบาบูโลนที่กดขี่. ดังนั้น เราจึงมีเหตุผลอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเชื่อมั่นว่าการพิพากษาที่สามของพระเจ้าจะสำเร็จเป็นจริงแน่นอน. ที่จริง เราคาดหมายความสำเร็จเป็นจริงของการพิพากษานี้ได้ว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้. เพื่อเห็นแก่ผู้ชอบธรรมในสมัยสุดท้ายนี้ พระเจ้าจะทรงนำการทำลายล้างมาสู่มนุษย์ทั้งสิ้นที่ชั่วช้า. คนสุดท้ายในพวกเขาจะสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของตนใน “สงครามแห่งวันใหญ่ของพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ” ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว.—วิวรณ์ 16:14, 16, ล.ม.
3. จะเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอนกับคนชั่วในสมัยของเรา?
3 สงครามวันใหญ่ของพระเจ้ากำลังคืบใกล้เข้ามาทุกขณะ. และการสำเร็จโทษของพระเจ้าต่อคนชั่วในสมัยของเราเป็นเรื่องแน่นอนเหมือนกับที่การพิพากษาของพระยะโฮวาต่อยูดาและบาบูโลนได้สำเร็จไปแล้ว. อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ทำไมเราไม่ลองนึกภาพดูล่ะว่าเราอยู่ในแผ่นดินยูดาในสมัยฮะบาฆูค? มีอะไรเกิดขึ้นในแผ่นดินนั้น?
แผ่นดินอันสับสนอลหม่าน
4. ฮะบาฆูคได้ยินข่าวสะเทือนขวัญอะไร?
4 ขอให้วาดมโนภาพว่าฮะบาฆูคผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวากำลังนั่งอยู่บนดาดฟ้าที่บ้านท่าน ชื่นใจกับลมเย็นอ่อน ๆ ยามเย็น. ข้างกายท่านมีเครื่องดนตรีวางอยู่. (ฮะบาฆูค 1:1; 3:19, คำลงท้าย) แต่ฮะบาฆูคได้ยินข่าวสะเทือนขวัญ. ยะโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาได้สังหารอุรียาและโยนซากศพของผู้พยากรณ์นั้นไว้ในหลุมฝังศพของสามัญชน. (ยิระมะยา 26:23) จริงอยู่ อุรียามิได้รักษาความไว้วางใจในพระยะโฮวา แต่กลับกลัวและหนีไปยังอียิปต์. ถึงกระนั้น ฮะบาฆูคทราบว่าความรุนแรงที่ยะโฮยาคิมทำไม่ได้เกิดจากความปรารถนาจะเชิดชูพระเกียรติพระยะโฮวา. เรื่องนี้เห็นได้จากการที่กษัตริย์ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยต่อพระบัญญัติของพระเจ้าและความเกลียดชังที่มีต่อผู้พยากรณ์ยิระมะยารวมทั้งคนอื่น ๆ ที่รับใช้พระยะโฮวา.
5. สภาพฝ่ายวิญญาณในอาณาจักรยูดาเป็นเช่นไร และฮะบาฆูคมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างไร?
5 ฮะบาฆูคมองเห็นควันเครื่องหอมลอยขึ้นมาจากหลังคาบ้านใกล้เคียง. ประชาชนมิได้เผาเครื่องหอมนี้เพื่อนมัสการพระยะโฮวา. พวกเขากำลังปฏิบัติกิจของศาสนาเท็จซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์ยะโฮยาคิมผู้ชั่วร้ายแห่งยูดา. ช่างอัปยศอะไรเช่นนั้น! ฮะบาฆูคน้ำตาคลอเบ้า และท่านวิงวอนดังนี้: “โอ้พระยะโฮวา นานเท่าไรที่ข้าพเจ้าต้องร้องขอความช่วยเหลือและพระองค์ไม่ทรงฟัง? นานเท่าไรที่ข้าพเจ้าจะร้องขอพระองค์เพื่อช่วยให้พ้นความรุนแรงและพระองค์ไม่ทรงช่วยให้รอด? เหตุใดพระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเห็นสิ่งซึ่งก่อความเสียหาย และพระองค์ทรงเฝ้าดูความลำบากล้วน ๆ? และทำไมจึงมีการปล้นสะดมและความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า และทำไมจึงเกิดการวิวาท และทำไมจึงต่อสู้กัน? ฉะนั้นกฎหมายเป็นหมันและความยุติธรรมไม่ปรากฏออกมา. เพราะว่าคนชั่วช้าห้อมล้อมคนชอบธรรมไว้ ด้วยเหตุนั้นความยุติธรรมจึงออกมาไม่เที่ยงธรรม.”—ฮะบาฆูค 1:2-4, ล.ม.
6. เกิดอะไรขึ้นกับกฎหมายและความยุติธรรมในอาณาจักรยูดา?
6 ถูกแล้ว การปล้นและความรุนแรงมีอยู่ดาษดื่น. ฮะบาฆูคมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความยุ่งยาก, การทะเลาะวิวาท, และการต่อสู้กัน. ‘กฎหมายได้กลายเป็นหมันไป’ คือกลายเป็นไร้ผล. แล้วความยุติธรรมล่ะ? อนิจจา ความยุติธรรมนั้นเล่าก็ “ไม่ปรากฏออกมา” ว่าได้ชัยชนะ! ความยุติธรรมไม่เคยมีชัย. ตรงกันข้าม “คนชั่วช้าห้อมล้อมคนชอบธรรม” หลบเลี่ยงกระบวนการทางกฎหมายซึ่งมีไว้เพื่อปกป้องคนที่ไร้ความผิด. จริงทีเดียว “ความยุติธรรมจึงออกมาไม่เที่ยงธรรม.” ความยุติธรรมถูกบิดเบือน. ช่างเป็นสภาพที่น่าสลดใจจริง ๆ!
7. ฮะบาฆูคตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร?
7 ฮะบาฆูคหยุดชั่วขณะและใคร่ครวญสถานการณ์. ท่านจะเลิกราเสียไหม? ไม่อย่างแน่นอน! หลังจากทบทวนดูการกดขี่ทั้งสิ้นที่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้าประสบ ชายที่ภักดีผู้นี้ตั้งปณิธานอีกครั้งหนึ่งที่จะยืนหยัดมั่นคงในฐานะผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวา. ฮะบาฆูคจะประกาศข่าวสารของพระเจ้าต่อไป—แม้ว่าการทำอย่างนั้นอาจหมายถึงความตายก็ตาม.
พระยะโฮวาทรงประกอบ “กิจ” อันเหลือเชื่อ
8, 9. พระยะโฮวาทรงประกอบ “กิจ” อันเหลือเชื่ออะไรอยู่?
8 ในนิมิต ฮะบาฆูคเห็นพวกผู้ปฏิบัติศาสนาเท็จที่ลบหลู่พระเจ้า. ขอให้ฟังพระดำรัสซึ่งพระยะโฮวาตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมองทั่วประชาชาติต่าง ๆ และดูให้ดี.” ฮะบาฆูคคงจะสงสัยว่า เหตุใดพระเจ้าตรัสแก่คนชั่วเหล่านั้นเช่นนี้. จากนั้นท่านได้ยินพระยะโฮวาตรัสแก่พวกเขาว่า “จงประหลาดและแปลกใจ เพราะเรากำลังประกอบกิจในสมัยของเจ้า ถึงจะบอก เจ้าก็จะไม่เชื่อ.” (ฮะบาฆูค 1:5, ฉบับแปลใหม่) ที่จริง พระยะโฮวานั่นเองที่ทรงประกอบกิจนี้ที่พวกเขาไม่อาจเชื่อได้. แต่กิจนั้นคืออะไร?
9 ฮะบาฆูคฟังอย่างตั้งใจในพระดำรัสต่อจากนั้นของพระเจ้า ดังบันทึกไว้ที่ฮะบาฆูค 1:6-11. นี่คือข่าวสารของพระยะโฮวา—และไม่มีพระเท็จองค์ไหนหรือรูปเคารพที่ปราศจากชีวิตใด ๆ จะขัดขวางความสำเร็จของข่าวสารนี้ได้: “นี่แน่ะ, เราจะยกชาวเมืองเคเซ็ธซึ่งเป็นคนใจทมิฬแลเชี่ยวชาญ, ที่สัญจรเที่ยวไปทั่วแผ่นดินเมือง, จะจับเอาที่อาศัยทั้งปวงอันมิได้เป็นส่วนของตน. เขาทั้งหลายเป็นคนพิลึกพึงกลัว, ความพิพากษาแลยศอย่างของเขาจะออกมาจากตัวของเขาเอง. ม้าทั้งหลายของเขาว่องไวยิ่งเสือดาวแลดุร้ายกว่าฝูงหมาในที่เที่ยวเวลาเย็น, และพลม้าทั้งหลายของเขาคือพลม้าที่มาแต่ไกลจะแพร่หลายไป, แลจะบินไปดุจนกอินทรีที่เฉี่ยวโฉบกิน. เขาทั้งหลายมาล้วนเพื่อการร้าย, หน้าตาเขาดุจลมบนอากาศเบื้องตะวันออก, แลจะเก็บคนทั้งหลายเป็นเชลยราวกับกวาดเอาเม็ดทราย. เขาทั้งหลายจะเยาะเย้ยต่อมหากษัตริย์ทั้งปวง, แลเจ้านายทั้งหลายจะเป็นที่ดูหมิ่นแก่เขา, และเขาจะหัวเราะแก่ป้อมอันเข้มแข็งทั้งปวง, ด้วยว่าเขาจะพูนดินขึ้นแลเอาชัยชนะ. ขณะนั้นเขาจะมีใจฟื้นกำเริบขึ้น [“กวาดผ่านไปเหมือนลมพัด,” ฉบับแปลใหม่], แลจะยกเดินเลยไปแลจะเกิดโทษผิดแก่ตัว, กำลังอันนี้เขาได้เพราะพระเจ้าของเขา.”
10. พระยะโฮวาทรงกระตุ้นใครให้รุกราน?
10 ช่างเป็นคำเตือนเชิงพยากรณ์ที่น่าตกตะลึงอะไรเช่นนี้จากพระผู้สูงสุด! พระยะโฮวาทรงกระตุ้นชาวแคลเดีย ชนชาติที่โหดเหี้ยมแห่งบาบูโลน ให้รุกราน. ในการยกทัพไป “ทั่วแผ่นดินเมือง” ชาตินี้จะพิชิตถิ่นอาศัยต่าง ๆ มากมาย. ช่างน่ากลัวจริง ๆ! กองทัพของชาวแคลเดียนี้ “พิลึกพึงกลัว” ร้ายกาจและน่าหวาดหวั่น. พวกเขาตั้งกฎหมายที่ปราศจากข้อยืดหยุ่นขึ้นเอง. ‘ความพิพากษาของเขาจะออกมาจากตัวของเขาเอง.’
11. คุณจะพรรณนาอย่างไรถึงการมาของกองทัพบาบูโลนเพื่อพิชิตอาณาจักรยูดา?
11 ม้าของบาบูโลนนั้นเร็วยิ่งกว่าเสือดาวซึ่งวิ่งได้เร็วมาก. กองทหารม้าของมันโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสุนัขป่าที่หิวโหยซึ่งล่าเหยื่อตอนกลางคืน. ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะออกไป ‘ม้าศึกของมันตะกุยดิน’ อย่างอดใจไว้ไม่ไหว. จากบาบูโลนอันแสนไกล พวกเขามุ่งหน้ามายังยูดา. โดยเร่งรุดมาเร็วราวกับนกอินทรีบินโฉบเหยื่ออันโอชะ อีกไม่ช้าพวกแคลเดียก็จะขย้ำเหยื่อของตน. แต่นี่จะเป็นเพียงการโจมตีย่อย ๆ โดยทหารเพียงไม่กี่คนเท่านั้นไหม? ไม่เลย! “เขาทั้งหลายมาล้วนเพื่อการร้าย” โดยมากันเป็นกองทัพมหึมาที่กรูเข้าทำลายจนพินาศย่อยยับ. ด้วยใบหน้าที่ฉายแววกระตือรือร้นชัดเจน พวกเขาขี่ม้าบ่ายหน้าไปทางตะวันตกมุ่งมายังยูดาและกรุงยะรูซาเลม เคลื่อนไหวว่องไวดุจลมตะวันออก. กองกำลังของบาบูโลนกวาดต้อนเชลยจำนวนมากจนพวกเขา ‘เก็บเชลยราวกับกวาดเอาเม็ดทราย.’
12. เจตคติของชาวบาบูโลนเป็นเช่นไร และศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวนี้กลายเป็นคน “เกิดโทษผิดแก่ตัว” เนื่องด้วยเหตุใด?
12 กองทัพของแคลเดียเย้ยหยันเหล่ากษัตริย์และหัวเราะเยาะเจ้านายทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่ไม่มีอำนาจที่จะยับยั้งการรุกรบอย่างไม่ละลด. กองทัพนี้ “หัวเราะแก่ป้อมอันเข้มแข็งทั้งปวง” ซึ่งพังลงเมื่อพวกบาบูโลน “พูนดินขึ้น” ให้เป็นเนินดินเพื่อโจมตีป้อมเหล่านั้น. เมื่อถึงเวลากำหนดของพระยะโฮวา ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวนี้จะ “กวาดผ่านไปเหมือนลมพัด.” ในการโจมตียูดาและยะรูซาเลม พวกเขาจะกลายเป็นคน “เกิดโทษผิดแก่ตัว” เนื่องด้วยการทำร้ายไพร่พลของพระเจ้า. หลังจากชัยชนะอย่างถล่มทลาย แม่ทัพของแคลเดียจะโอ้อวดว่า ‘กำลังนี้มาจากพระเจ้าของเรา.’ ช่างไม่รู้อะไรอย่างนั้น!
พื้นฐานอันสมเหตุผลสำหรับความหวัง
13. เหตุใดฮะบาฆูคเต็มเปี่ยมด้วยความหวังและความเชื่อมั่น?
13 ด้วยความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระยะโฮวา ความหวังเพิ่มพูนขึ้นในหัวใจของฮะบาฆูค. ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ท่านกล่าวยกย่องเทิดทูนพระยะโฮวา. ดังบันทึกไว้ที่ฮะบาฆูค 1:12 ท่านผู้พยากรณ์กล่าวว่า “โอ้พระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้า, ผู้บริสุทธิ์ของข้าพเจ้า, พระองค์มิทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ต้นอดีตกาลมาหรือ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย [“พระองค์,” ล.ม.] จะหาได้ตายไม่.” แน่ทีเดียว พระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้า “ตั้งแต่อดีตกาลจนตลอดอนาคตกาล” ซึ่งก็คือตลอดไปนั่นเอง.—บทเพลงสรรเสริญ 90:1, 2.
14. พวกผู้ออกหากแห่งยูดาได้ดำเนินตามแนวทางเช่นไร?
14 เมื่อใคร่ครวญถึงนิมิตที่พระเจ้าทรงประทานให้และชื่นชมยินดีในความหยั่งเห็นเข้าใจที่ได้รับจากนิมิตนั้น ท่านผู้พยากรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า “โอ้พระยะโฮวาพระองค์ได้กำหนดตั้งเขาทั้งหลายไว้เพื่อการพิพากษา, โอ้พระเจ้าทรงฤทธิ์ที่สุด, พระองค์ได้ยกเขาทั้งหลายตั้งขึ้นเพื่อจะปรับโทษ.” พระเจ้าได้ทรงพิพากษาปรับโทษยูดาที่ออกหาก และเขาทั้งหลายจะถูกพระยะโฮวาว่ากล่าวและลงโทษอย่างแรง. พวกเขาควรมองพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นศิลาของพวกเขา เป็นที่มั่น, ที่คุ้มภัย, และแหล่งแห่งความรอดที่แท้จริงเพียงแหล่งเดียว. (เพลง. 62:7; 94:22; 95:1) กระนั้น พวกผู้นำที่ออกหากของยูดาหาได้เข้าใกล้พระเจ้าไม่ และพวกเขาไม่ยอมเลิกกดขี่ข่มเหงผู้นมัสการของพระองค์ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อใคร.
15. ในแง่ใดที่พระยะโฮวา “บริสุทธิ์เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว”?
15 สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาเป็นทุกข์ร้อนใจมาก. ดังนั้น ท่านกล่าวว่า “พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว จะทรงมองดูการผิดก็ไม่ได้.” (ฮะบาฆูค 1:13, ฉบับแปลใหม่) ถูกแล้ว พระยะโฮวาทรง “บริสุทธิ์เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว” กล่าวคือ ที่จะยอมทนต่อการทำผิด.
16. คุณจะสรุปข้อความซึ่งบันทึกไว้ที่ฮะบาฆูค 1:13-17 อย่างไร?
16 ด้วยเหตุนั้น ฮะบาฆูคมีคำถามที่น่าคิดอยู่ในใจ. ท่านถามว่า “เหตุไฉนพระองค์จึงทรงทอดพระเนตรดูคนผู้กระทำคดโกง, แลนิ่งเงียบเสียเมื่อคนบาปนั้นกัดกินคนดีผู้ชอบธรรมยิ่งกว่าตัว, แลกระทำคนทั้งหลายเป็นดุจฝูงปลาในมหาสมุทร, แลดุจฝูงสัตว์เลื้อยคลานอันมิได้มีผู้ที่จะครองรักษาหรือ. ชาวเมืองเคเซ็ธนั้นเขาจับคนทั้งหลายด้วยเบ็ด, แลด้วยแหแลล้อมไว้ด้วยอวนของเขา, เพราะดังนี้เขาจึงมีความยินดีแลชื่นใจ. เหตุฉะนี้เขาได้อยู่รอบข้าง, เหตุดังนี้ความพิพากษาเท็จปลอมนั้นก็ลอดปรากฏออกไป. ท่านทั้งหลายจงพินิจดู ในชนประเทศอันถือรูปเคารพถวายเครื่องบูชาแก่แห, แลเผาเครื่องหอมแก่อวนของเขานั้น, ด้วยว่าเพราะของเหล่านี้ส่วนสัดของเขาทั้งหลายก็อ้วนพี, แลอาหารก็เต็มบริบูรณ์. เหตุฉะนี้เขาจะเอาปลาออกจากอวนของเขา, แลจะฆ่าฟันชนประเทศทั้งปวงจะไม่หยุดหย่อนลงเลยหรือ.”—ฮะบาฆูค 1:13-17.
17. (ก) ในการโจมตียูดาและยะรูซาเลม พวกบาบูโลนทำหน้าที่ตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างไร? (ข) พระยะโฮวาจะทรงเปิดเผยอะไรแก่ฮะบาฆูค?
17 ในการโจมตียูดาและกรุงยะรูซาเลมราชธานีของอาณาจักรนี้ พวกบาบูโลนจะทำตามใจปรารถนาของตนเอง. พวกเขาจะไม่ทราบว่าเขากำลังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการสำเร็จโทษอย่างชอบธรรมต่อไพร่พลที่ไม่ซื่อสัตย์ของพระองค์. เป็นธรรมดาอยู่เองที่ฮะบาฆูคพบว่ายากจะเข้าใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงใช้พวกบาบูโลนที่ชั่วร้ายเพื่อจัดการสำเร็จโทษแทนพระองค์. พวกแคลเดียที่ไร้ความปรานีไม่ได้เป็นผู้นมัสการพระยะโฮวา. พวกเขามองเห็นมนุษย์เหมือนเป็นเพียง ‘ปลาและสัตว์เลื้อยคลาน’ ที่จะจับและปราบให้อยู่ใต้อำนาจ. แต่ฮะบาฆูคจะไม่งงงวยในเรื่องดังกล่าวอยู่นานนัก. ในไม่ช้า พระยะโฮวาจะทรงเปิดเผยแก่ผู้พยากรณ์ของพระองค์ว่าชาวบาบูโลนจะไม่ลอยนวลไปได้เรื่อย ๆ จากการปล้นชิงอย่างโลภโมโทสันและการทำให้โลหิตตกอย่างป่าเถื่อน.—ฮะบาฆูค 2:8.
อยู่พร้อมสำหรับพระดำรัสต่อจากนั้นของพระยะโฮวา
18. เราอาจเรียนอะไรได้จากเจตคติของฮะบาฆูค ดังเห็นได้จากฮะบาฆูค 2:1?
18 อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้ ฮะบาฆูคคอยฟังพระดำรัสของพระยะโฮวาที่จะตรัสแก่ท่านต่อไป. ท่านผู้พยากรณ์ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ข้าพเจ้าจะยืนอยู่ที่คอยเฝ้าแห่งข้าพเจ้า, แลจะนั่งอยู่บนหอป้อม, แลจะคอยเพ่งดูเพื่อจะเห็นว่า, พระองค์จะตรัสว่าอะไรแก่ข้าพเจ้า, แลข้าพเจ้าจะตอบประการใดดีในเรื่องความของข้าพเจ้า.” (ฮะบาฆูค 2:1) ฮะบาฆูคสนใจอย่างแรงกล้าในสิ่งที่พระเจ้ายังจะตรัสต่อไปทางท่านในฐานะผู้พยากรณ์. ความเชื่อที่มีต่อพระยะโฮวาในฐานะพระเจ้าที่ไม่ทรงยอมทนต่อความชั่วทำให้ท่านสงสัยว่าเหตุใดความชั่วจึงมีดาษดื่น แต่ท่านก็เต็มใจปรับความคิดของท่าน. ถ้าอย่างนั้น จะว่าอย่างไรสำหรับพวกเรา? เมื่อเราสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการยอมทนต่อสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง ความมั่นใจของเราในความชอบธรรมของพระยะโฮวาพระเจ้าน่าจะช่วยเราให้รักษาความสมดุลของเราและคอยให้พระองค์ทรงจัดการ.—บทเพลงสรรเสริญ 42:5, 11.
19. เป็นจริงดังพระดำรัสที่ตรัสแก่ฮะบาฆูค เกิดอะไรขึ้นกับชาวยิวที่ดื้อด้าน?
19 เป็นจริงดังพระดำรัสที่ตรัสแก่ฮะบาฆูค พระยะโฮวาทรงสำเร็จโทษชาติยิวที่ดื้อด้านโดยทรงปล่อยให้พวกบาบูโลนรุกรานยูดา. ในปี 607 ก.ส.ศ. พวกเขาทำลายกรุงยะรูซาเลมและพระวิหาร ฆ่าทั้งคนแก่และคนหนุ่ม และจับคนจำนวนมากไปเป็นเชลย. (2 โครนิกา 36:17-20) หลังจากตกอยู่ในสภาพพลัดถิ่นเป็นเวลานานในบาบูโลน ชาวยิวผู้ซื่อสัตย์ที่ยังเหลืออยู่ได้กลับสู่มาตุภูมิของตนและในที่สุดได้บูรณะพระวิหารขึ้นใหม่. แต่หลังจากนั้น ชาวยิวก็กลับประพฤติไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาอีกครั้งหนึ่ง—โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาปฏิเสธพระเยซูในฐานะพระมาซีฮา.
20. เปาโลใช้ฮะบาฆูค 1:5 อย่างไรเกี่ยวข้องกับการปฏิเสธพระเยซู?
20 ตามในกิจการ 13:38-41 อัครสาวกเปาโลชี้ให้ชาวยิวในเมืองอันติโอเกียเข้าใจว่าการปฏิเสธพระเยซูซึ่งย่อมหมายถึงการบอกปัดเครื่องบูชาไถ่ของพระองค์ด้วยนั้นหมายความเช่นไร. โดยยกข้อความของฮะบาฆูค 1:5 จากฉบับแปลกรีกเซปตัวจินต์ เปาโลเตือนดังนี้: “จงระวังให้ดี, เกลือกว่าคำซึ่งเหล่าศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้นั้นจะได้แก่ท่านทั้งหลาย, คือว่า ‘ดูก่อนเจ้าทั้งหลายผู้ประมาทหมิ่น เจ้าจะประหลาดใจและถึงพินาศ ด้วยว่าเรากระทำการในกาลสมัยของเจ้า, แต่แม้มีผู้มาอธิบายให้เจ้าฟัง, เจ้าก็ไม่เชื่อ.’ ” สอดคล้องกับข้อความที่เปาโลยกขึ้นมา ความสำเร็จครั้งที่สองของฮะบาฆูค 1:5 เกิดขึ้นเมื่อกองทัพโรมันทำลายกรุงยะรูซาเลมและพระวิหารของกรุงนี้ในปีสากลศักราช 70.
21. ชาวยิวในสมัยของฮะบาฆูคมีทัศนะอย่างไรต่อ “การ” ของพระเจ้าที่ทรงใช้ให้ชาวบาบูโลนมาทำลายกรุงยะรูซาเลม?
21 สำหรับชาวยิวในสมัยฮะบาฆูคแล้ว “การ” ของพระเจ้าที่ให้พวกบาบูโลนทำลายกรุงยะรูซาเลมเป็นเรื่องเหลือคิด เพราะกรุงนั้นเป็นศูนย์กลางแห่งการนมัสการพระยะโฮวาและสถานที่ซึ่งกษัตริย์ที่พระองค์ทรงเจิมประทับบนบัลลังก์. (เพลงสรรเสริญ 132:11-18) กรุงยะรูซาเลมไม่เคยถูกทำลายเช่นนั้นมาก่อนเลย. พระวิหารของกรุงนี้ไม่เคยถูกเผา. ราชวงศ์ของดาวิดไม่เคยถูกโค่นล้ม. เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่พระยะโฮวาจะทรงยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น. แต่โดยทางฮะบาฆูค พระเจ้าทรงเตือนอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงเหล่านี้จะเกิดขึ้น. และประวัติศาสตร์ก็พิสูจน์ให้เห็นจริงว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นตามที่มีบอกไว้ล่วงหน้า.
“การ” อันเหลือเชื่อของพระเจ้าในสมัยของเรา
22. “การ” อันเหลือเชื่อของพระยะโฮวาจะหมายรวมถึงอะไรในสมัยของเรา?
22 พระยะโฮวาจะทรงทำ “การ” อันเหลือเชื่อในสมัยของเราไหม? ขอให้แน่ใจได้เลยว่าพระองค์จะทรงทำเช่นนั้น แม้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนช่างสงสัย. ในครั้งนี้ การอันเหลือเชื่อของพระยะโฮวาจะได้แก่การทำลายคริสต์ศาสนจักร. เช่นเดียวกับอาณาจักรยูดาโบราณ คริสต์ศาสนจักรอ้างว่านมัสการพระเจ้า แต่กลับประพฤติเสื่อมทรามอย่างสิ้นเชิง. พระยะโฮวาจะทรงจัดการกวาดล้างทำลายระบบศาสนาแห่งคริสต์ศาสนจักรจนสิ้นซากในอีกไม่ช้านี้ เช่นเดียวกับ “บาบูโลนใหญ่” ทั้งหมดอันได้แก่จักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จ.—วิวรณ์ 18:1-24.
23. พระวิญญาณของพระเจ้ากระตุ้นใจฮะบาฆูคให้ทำอะไรต่อจากนั้น?
23 พระยะโฮวาทรงมีงานให้ฮะบาฆูคทำมากกว่านี้ก่อนที่การทำลายกรุงยะรูซาเลมจะมาถึงในปี 607 ก.ส.ศ. ยังมีอะไรอีกที่พระเจ้าจะทรงแจ้งแก่ผู้พยากรณ์ของพระองค์? คิดดูซิ ฮะบาฆูคจะได้ยินเรื่องที่จะกระตุ้นท่านให้หยิบเครื่องดนตรีของท่านออกมาและร้องเพลงคร่ำครวญจากใจถวายแด่พระยะโฮวา. แต่ก่อนอื่น พระวิญญาณของพระเจ้าจะกระตุ้นใจท่านผู้พยากรณ์ให้ประกาศวิบัติอันทำให้ตกตะลึง. แน่ละ เราคงหยั่งรู้ค่าที่จะได้รับความหยั่งเห็นเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของพระคำเชิงพยากรณ์เกี่ยวกับเวลากำหนดของพระเจ้าดังกล่าว. ด้วยเหตุนั้น ให้เราใส่ใจในคำพยากรณ์ของฮะบาฆูคต่อไป.
คุณจำได้ไหม?
• สภาพทั่วไปในอาณาจักรยูดาเป็นเช่นไรในสมัยฮะบาฆูค?
• พระยะโฮวาทรงประกอบ “กิจ” อันเหลือเชื่ออะไรในสมัยฮะบาฆูค?
• ฮะบาฆูคมีความหวังโดยอาศัยอะไรเป็นพื้นฐาน?
• พระเจ้าจะทรงประกอบ “การ” อันเหลือเชื่ออะไรในสมัยของเรา?
[ภาพหน้า 9]
ฮะบาฆูคแปลกใจว่าเหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้มีความชั่วอยู่ดาษดื่น. คุณแปลกใจอย่างนั้นไหม?
[ภาพหน้า 10]
ฮะบาฆูคบอกล่วงหน้าถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับอาณาจักรยูดาภายใต้เงื้อมมือของชาวบาบูโลน
[ภาพหน้า 10]
สิ่งปรักหักพังทางโบราณคดีของกรุงยะรูซาเลมซึ่งถูกทำลายในปี 607 ก.ส.ศ.