บท 7
คุณมองว่าชีวิตมีค่าเหมือนที่พระเจ้ามองไหม?
“พระองค์เป็นบ่อเกิดของชีวิต”—สดุดี 36:9
1, 2. (ก) พระยะโฮวาให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมอะไรกับเรา? (ข) พระยะโฮวาให้อะไรกับเราเพื่อช่วยเราให้มีชีวิตที่ดีที่สุด?
พระยะโฮวาให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมกับเรา นั่นคือชีวิต (ปฐมกาล 1:27) พระองค์อยากให้เรามีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พระองค์จึงให้หลักการต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราตัดสินใจอย่างถูกต้อง เราควรใช้หลักการเหล่านี้เพื่อ “แยก” ให้ออกว่า “อะไรถูกอะไรผิด” (ฮีบรู 5:14) เมื่อเราใช้หลักการ เราก็กำลังให้พระยะโฮวาฝึกเราให้คิดอย่างถูกต้อง เราจะเห็นว่าชีวิตเราดีขึ้นและจะเข้าใจว่าหลักการเหล่านี้มีค่าจริง ๆ
2 ชีวิตอาจยุ่งยากซับซ้อน หลายอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่มีข้อคัมภีร์ที่พูดถึงโดยตรง ตัวอย่างเช่น เราอาจต้องตัดสินใจเรื่องการรักษาทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับการใช้เลือด เราจะตัดสินใจแบบที่ทำให้พระยะโฮวาพอใจได้อย่างไร? คัมภีร์ไบเบิลมีหลักการที่ช่วยให้รู้ว่าพระยะโฮวามองชีวิตและเลือดอย่างไร ถ้าเราเข้าใจหลักการเหล่านี้ เราก็จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและไม่มีอะไรรบกวนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเรา (สุภาษิต 2:6-11) ให้เรามาดูหลักการบางข้อด้วยกัน
พระเจ้ามองชีวิตและเลือดอย่างไร?
3, 4. (ก) เรารู้ได้อย่างไรว่าเลือดศักดิ์สิทธิ์ในมุมมองของพระเจ้า? (ข) เลือดหมายถึงอะไร?
3 คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าเลือดศักดิ์สิทธิ์ เพราะเลือดหมายถึงชีวิต และชีวิตมีค่าสำหรับพระยะโฮวา หลังจากคาอินฆ่าน้องชาย พระยะโฮวาบอกเขาว่า “เลือดของน้องเจ้าที่ไหลลงไปในดินกำลังร้องขอความยุติธรรมจากเรา” (ปฐมกาล 4:10) เลือดของอาเบลหมายถึงชีวิตของเขา เมื่อคาอินฆ่าอาเบล ก็เท่ากับว่าเขาได้เอาชีวิตของน้องไป
4 หลังจากน้ำท่วมโลกในสมัยโนอาห์ พระเจ้าให้มนุษย์กินเนื้อสัตว์ได้ แต่พระองค์สั่งว่า “เนื้อที่ยังมีเลือดอยู่นั้นพวกเจ้าอย่ากิน เพราะเลือดหมายถึงชีวิต” (ปฐมกาล 9:4) ลูกหลานของโนอาห์ทุกคนรวมทั้งพวกเราด้วยต้องเชื่อฟังคำสั่งนี้ ดังนั้น พระยะโฮวามองว่าเลือดหมายถึงชีวิต และเราก็ต้องมองแบบเดียวกัน—สดุดี 36:9
5, 6. กฎหมายของโมเสสแสดงให้เห็นอย่างไรเกี่ยวกับมุมมองของพระยะโฮวาเรื่องชีวิตและเลือด?
5 ในกฎหมายที่พระยะโฮวาให้โมเสส พระองค์บอกว่า “ถ้าชาวอิสราเอลคนไหน . . . กินเลือด ไม่ว่าเลือดอะไรก็ตาม เราจะเป็นศัตรูกับคนนั้น และเราจะประหารชีวิตคนนั้น”—เลวีนิติ 17:10, 11
6 กฎหมายของโมเสสบอกว่า ถ้าใครฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เขาต้องเทเลือดลงดิน นี่แสดงว่าชีวิตของสัตว์นั้นเป็นของพระยะโฮวาผู้สร้าง (เฉลยธรรมบัญญัติ 12:16; เอเสเคียล 18:4) พระองค์ไม่ได้คาดหมายให้ชาวอิสราเอลเอาเลือดทุกหยดออกจากตัวสัตว์ แต่ให้พยายามเอาออกเท่าที่ทำได้เพื่อจะกินเนื้อสัตว์นั้นโดยไม่รู้สึกผิดต่อพระเจ้า การนับถือกฎหมายนี้แสดงว่าพวกเขานับถือพระยะโฮวาผู้ให้ชีวิต นอกจากนั้น กฎหมายของโมเสสยังสั่งให้ชาวอิสราเอลถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปด้วย—ดูคำอธิบายเพิ่มเติม 19 และ 20
7. ดาวิดทำอะไรที่ทำให้เราเห็นว่าเขาแสดงความนับถือต่อเลือด?
7 สิ่งที่ดาวิดทำตอนที่เขารบกับชาวฟีลิสเตียทำให้เราเห็นว่าเลือดมีค่า คนของดาวิดเห็นเขาหิวน้ำมาก จึงเสี่ยงชีวิตเข้าไปในเขตของศัตรูเพื่อเอาน้ำมาให้ แต่ดาวิดไม่ยอมกินและ “เทน้ำนั้นลงพื้นต่อหน้าพระยะโฮวา” และพูดว่า “พระยะโฮวา ผมจะไม่กินน้ำนี้เด็ดขาด! ผมจะกินเลือดของคนที่เสี่ยงชีวิตไปเอาน้ำมาให้ผมได้ยังไง?” ดาวิดเข้าใจว่าชีวิตและเลือดมีค่ามากสำหรับพระเจ้า—2 ซามูเอล 23:15-17
8, 9. ประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้ควรมองเรื่องเลือดอย่างไร?
8 ตั้งแต่พระเยซูเสียชีวิต ประชาชนของพระเจ้าก็ไม่ต้องอยู่ใต้กฎหมายของโมเสสอีกต่อไป แต่พระยะโฮวายังให้พวกเขาทำตามกฎหมายบางข้อ ถึงแม้ไม่ต้องถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาแต่พวกเขายังต้อง ‘งดเว้นจากเลือด’ เรื่องนี้สำคัญเท่ากับการหลีกเลี่ยงการผิดศีลธรรมทางเพศและการไหว้รูปเคารพ—กิจการ 15:28, 29
9 ประชาชนของพระเจ้าในทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นบ่อเกิดของชีวิตและทุกชีวิตเป็นของพระองค์ เรารู้ด้วยว่าเลือดศักดิ์สิทธิ์และหมายถึงชีวิต ดังนั้น เราต้องทำให้แน่ใจว่า เราทำตามหลักการต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลเมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการใช้เลือด
การใช้เลือดทางการแพทย์
10, 11. (ก) พยานพระยะโฮวาคิดอย่างไรเกี่ยวกับการถ่ายเลือดและการรับส่วนประกอบหลัก 4 อย่างของเลือด? (ข) แต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองเรื่องอะไร?
10 พยานพระยะโฮวาเข้าใจว่าการ ‘งดเว้นจากเลือด’ ไม่ใช่แค่ห้ามกินหรือดื่มเลือดเท่านั้น แต่หมายถึงการไม่รับการถ่ายเลือด ไม่บริจาคเลือด ไม่เก็บเลือดของตัวเองไว้เพื่อนำกลับเข้าร่างกายทีหลัง การงดเว้นจากเลือดยังรวมถึงการไม่รับส่วนประกอบหลัก 4 อย่างของเลือดเข้าร่างกายด้วย ซึ่งก็คือ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และพลาสมา
11 ส่วนประกอบหลัก 4 อย่างของเลือดอาจนำมาแยกเป็นส่วนย่อย เรียกว่า ส่วนประกอบย่อยของเลือด เราแต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะรับส่วนประกอบย่อยของเลือดหรือไม่ พวกเขาต้องตัดสินใจด้วยว่าจะใช้วิธีทางการแพทย์อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้เลือดของตัวเอง แต่ละคนต้องตัดสินใจว่าจะให้ทำอย่างไรกับเลือดของเขาในขั้นตอนการผ่าตัด การตรวจทางการแพทย์ หรือการรักษาที่ได้รับอยู่—ดูคำอธิบายเพิ่มเติม 21
12. (ก) ทำไมพระยะโฮวาสนใจการตัดสินใจตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเรา? (ข) อะไรจะช่วยเราให้ตัดสินใจอย่างถูกต้องในเรื่องการรักษาพยาบาล?
12 พระยะโฮวาสนใจการที่เราตัดสินใจตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราไหม? ใช่ เพราะการตัดสินใจของเราบอกให้รู้ว่าเราคิดอย่างไรจริง ๆ นอกจากนั้น พระองค์ยังสนใจความคิดและความรู้สึกของเราด้วย (อ่านสุภาษิต 17:3; 24:12) ดังนั้น ถ้าเราต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เราต้องอธิษฐานขอการชี้นำจากพระยะโฮวาและหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษานั้น จากนั้นค่อยตัดสินใจตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราที่ได้รับการฝึกจากคัมภีร์ไบเบิล เราไม่ควรถามคนอื่นว่าพวกเขาจะทำอย่างไรถ้าต้องรับการรักษาแบบเดียวกัน และไม่ควรยอมให้คนอื่นมากดดันการตัดสินใจของเรา คริสเตียนแต่ละคนต้อง “แบกความรับผิดชอบของตัวเอง”—กาลาเทีย 6:5; โรม 14:12
กฎหมายของพระยะโฮวาทำให้เห็นว่าพระองค์รักเรา
13. กฎหมายและหลักการเรื่องเลือดสอนอะไรเราเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
13 สิ่งที่พระยะโฮวาบอกให้เราทำเป็นประโยชน์กับเรา และทำให้เห็นว่าพระองค์รักเรา (สดุดี 19:7-11) เราเชื่อฟังพระยะโฮวาเพราะรักพระองค์ ไม่ใช่แค่อยากได้ประโยชน์เท่านั้น ความรักที่เรามีต่อพระองค์กระตุ้นให้เราไม่รับการถ่ายเลือด (กิจการ 15:20) การไม่รับเลือดมีผลดีต่อสุขภาพของเราด้วย ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่รู้ว่าการถ่ายเลือดมีความเสี่ยงหลายอย่าง แพทย์หลายคนเชื่อว่าการผ่าตัดโดยไม่ใช้เลือดดีต่อสุขภาพของคนไข้มากกว่า เห็นได้ชัดว่าแนวทางของพระยะโฮวาดีที่สุด และทำให้เห็นว่าพระองค์รักเรา—อ่านอิสยาห์ 55:9; ยอห์น 14:21, 23
14, 15. (ก) กฎหมายของพระยะโฮวาข้อไหนบ้างที่ปกป้องประชาชนของพระองค์? (ข) คุณจะใช้หลักการที่อยู่เบื้องหลังกฎหมายเหล่านี้อย่างไร?
14 กฎหมายของพระยะโฮวาเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของพระองค์เสมอ พระองค์ให้กฎหมายกับชาวอิสราเอลเพื่อปกป้องพวกเขาจากอุบัติเหตุร้ายแรง ตัวอย่างเช่น การให้ทำแนวกั้นรอบดาดฟ้าเพื่อไม่ให้มีใครพลัดตกลงไป (เฉลยธรรมบัญญัติ 22:8) กฎหมายอีกข้อหนึ่งเกี่ยวกับสัตว์ ข้อนี้บอกว่าถ้าใครมีวัวที่ดุร้าย เขาต้องดูแลให้ดีไม่ให้ไปขวิดใครตาย (อพยพ 21:28, 29) ถ้าชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังกฎหมายเหล่านี้และทำให้มีคนตาย พวกเขาจะมีความผิด
15 กฎหมายเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่าชีวิตมีค่าสำหรับพระยะโฮวา การรู้เรื่องนี้ควรมีผลอย่างไรกับเรา? เราควรแสดงความนับถือต่อชีวิตด้วยการดูแลบ้านและรถของเราให้อยู่ในสภาพดี เราต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง และเลือกการพักผ่อนหย่อนใจที่ไม่เป็นอันตราย บางคนโดยเฉพาะวัยรุ่น คิดว่าถึงจะเจ็บตัวก็ไม่เป็นไร เขาก็เลยเลือกทำกิจกรรมที่เสี่ยงโดยไม่สนใจว่าจะมีอันตรายหรือไม่ แต่พระยะโฮวาไม่อยากให้เราทำแบบนี้ พระองค์อยากให้เราใช้ชีวิตโดยถือว่าทุกชีวิตมีค่า ทั้งชีวิตของเราและชีวิตของคนอื่น—ปัญญาจารย์ 11:9, 10
16. พระยะโฮวารู้สึกอย่างไรกับการทำแท้ง?
16 ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีค่าสำหรับพระยะโฮวาแม้แต่เด็กที่ยังอยู่ในครรภ์ ในกฎหมายของโมเสส ถ้าบังเอิญมีคนทำให้ผู้หญิงที่กำลังท้องหรือลูกในท้องของเธอตาย พระยะโฮวาถือว่าคนนั้นมีความผิดฐานฆ่าคน นี่หมายความว่าถึงแม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้ามีคนตายก็ต้องมีการชดใช้ด้วยชีวิต (อ่านอพยพ 21:22, 23) พระเจ้าถือว่าเด็กที่ยังอยู่ในครรภ์เป็นคนที่มีชีวิต ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าพระองค์รู้สึกอย่างไรกับการทำแท้ง? คุณคิดว่าพระองค์รู้สึกอย่างไรที่เห็นเด็กที่ยังไม่เกิดมาถูกฆ่าปีละหลายล้านคน?
17. อะไรจะช่วยปลอบโยนคนที่เคยทำแท้งก่อนที่จะรู้จักพระยะโฮวา?
17 แล้วคนที่เคยทำแท้งก่อนที่จะรู้จักพระยะโฮวาล่ะ? เธอมั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะให้อภัยเธอโดยอาศัยค่าไถ่ของพระเยซู (ลูกา 5:32; เอเฟซัส 1:7) ถ้าคนที่เคยทำแท้งรู้สึกเสียใจจริง ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป เพราะ “พระยะโฮวาเมตตา สงสาร . . . ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตกมากเท่าไร พระองค์ก็ทิ้งความผิดของพวกเราไปไกลมากเท่านั้น”—สดุดี 103:8-14
หลีกเลี่ยงความรู้สึกเกลียดชัง
18. ทำไมเราต้องกำจัดความเกลียดชังออกไป?
18 การนับถือชีวิตจะมีผลต่อความรู้สึกที่เรามีต่อคนอื่น อัครสาวกยอห์นเขียนว่า “คนที่เกลียดพี่น้องก็เป็นผู้ฆ่าคน” (1 ยอห์น 3:15) ความรู้สึกไม่ชอบอาจกลายเป็นความเกลียดโดยไม่รู้ตัว ความเกลียดอาจทำให้เราไม่นับถือคนอื่น ใส่ร้าย หรือถึงกับอยากให้คนอื่นตาย พระยะโฮวารู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับคนอื่น (เลวีนิติ 19:16; เฉลยธรรมบัญญัติ 19:18-21; มัทธิว 5:22) ถ้าเรารู้ตัวว่ากำลังเกลียดใคร เราต้องกำจัดความรู้สึกนั้นออกไปให้ได้—ยากอบ 1:14, 15; 4:1-3
19. เราจะทำอะไรได้อีกถ้าเรามองว่าชีวิตมีค่า?
19 เราจะทำอะไรได้อีกถ้าเรามองว่าชีวิตมีค่า? สดุดี 11:5 บอกให้เรารู้ว่าพระยะโฮวา “เกลียดคนที่ชอบความรุนแรง” ถ้าเราเลือกความบันเทิงที่รุนแรง นั่นอาจแสดงว่าเราชอบความรุนแรง เราคงไม่อยากเอาคำพูด ความคิดหรือภาพที่รุนแรงมาใส่ไว้ในใจเรา แทนที่จะทำอย่างนั้น เราอยากให้ใจของเราสงบและเต็มไปด้วยสิ่งที่บริสุทธิ์สะอาด—อ่านฟีลิปปี 4:8, 9
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับองค์การที่ไม่นับถือชีวิต
20-22. (ก) พระยะโฮวามองว่าโลกของซาตานเป็นเหมือนอะไร? (ข) ประชาชนของพระเจ้าจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงว่าพวกเขา “ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้”?
20 โลกของซาตานไม่นับถือชีวิต และพระยะโฮวาถือว่าโลกชั่วนี้เป็นเหมือนฆาตกร คือมีความผิดฐานฆ่าคน หลายร้อยปีมาแล้วที่อำนาจทางการเมืองทำให้หลายล้านคนรวมทั้งผู้รับใช้ของพระยะโฮวาต้องตาย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าอำนาจทางการเมืองหรือรัฐบาลต่าง ๆ เป็นเหมือนสัตว์ร้าย (ดาเนียล 8:3, 4, 20-22; วิวรณ์ 13:1, 2, 7, 8) ปัจจุบัน การค้าอาวุธเป็นธุรกิจใหญ่โต หลายคนได้กำไรมหาศาลจากการค้าอาวุธร้ายแรง เห็นได้ชัดว่า “โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจซาตานตัวชั่วร้าย”—1 ยอห์น 5:19
21 แต่คริสเตียนแท้ “ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้” พวกเขาเป็นกลางทางการเมืองและไม่เข้าร่วมสงคราม พวกเขาไม่ฆ่าใครและไม่สนับสนุนองค์การที่ทำให้คนตาย (ยอห์น 15:19; 17:16) เมื่อถูกข่มเหง คริสเตียนไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้ พระเยซูสอนว่าเราต้องรักแม้แต่คนที่เป็นศัตรูกับเรา—มัทธิว 5:44; โรม 12:17-21
22 ศาสนาต่าง ๆ มีส่วนทำให้หลายล้านคนต้องตายด้วย คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงบาบิโลนใหญ่หรือศาสนาเท็จทั้งหมดในโลกว่า “ในเมืองนี้มีเลือดของพวกผู้พยากรณ์ ผู้บริสุทธิ์ และเลือดของคนที่ถูกฆ่าบนโลก” คุณคงเข้าใจเหตุผลที่พระยะโฮวาสั่งว่า “ประชาชนของเรา พวกคุณต้องออกมาจากเมืองนี้” ดังนั้น คนที่นมัสการพระยะโฮวาต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสนาเท็จ—วิวรณ์ 17:6; 18:2, 4, 24
23. การ “ออกมาจาก” บาบิโลนใหญ่หมายถึงอะไร?
23 การ “ออกมาจาก” บาบิโลนใหญ่หมายถึงการไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสนาเท็จอย่างเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น เราอาจต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าเราไม่มีชื่อเป็นสมาชิกของศาสนาเท็จ ยิ่งกว่านั้น เราต้องเกลียดและปฏิเสธสิ่งเลวทรามที่มีอยู่มากมายในศาสนาเหล่านั้น นั่นคือ การผิดศีลธรรม การเมือง และความโลภ (อ่านสดุดี 97:10; วิวรณ์ 18:7, 9, 11-17) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายล้านคนต้องตาย
24, 25. ทำไมการรู้จักพระยะโฮวาทำให้เรามีสันติสุขและสบายใจ?
24 ก่อนที่เราแต่ละคนจะมารู้จักพระยะโฮวา เราอาจเคยสนับสนุนโลกชั่วของซาตานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ตอนนี้เราไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว เรายอมรับในค่าไถ่และได้อุทิศตัวให้พระเจ้า เรา “ได้รับความสดชื่นจากพระยะโฮวา” การที่รู้ว่าพระเจ้าพอใจเรา ทำให้เรามีสันติสุขและสบายใจ—กิจการ 3:19; อิสยาห์ 1:18
25 ถึงแม้ว่าเราเคยอยู่ในองค์การต่าง ๆ ที่ไม่นับถือชีวิต แต่พระยะโฮวาให้อภัยเราได้โดยอาศัยค่าไถ่ เราขอบคุณจริง ๆ ที่พระยะโฮวาให้ชีวิตเป็นของขวัญกับเรา เราแสดงความขอบคุณโดยทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยคนอื่นให้มารู้จักพระองค์ ช่วยพวกเขาให้ทิ้งโลกของซาตาน และมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดพระเจ้า—2 โครินธ์ 6:1, 2
ประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า
26-28. (ก) พระยะโฮวาให้เอเสเคียลทำงานมอบหมายพิเศษอะไร? (ข) ทุกวันนี้พระยะโฮวาให้เราทำอะไร?
26 ในสมัยโบราณ พระยะโฮวาให้ผู้พยากรณ์เอเสเคียลเตือนประชาชนว่ากรุงเยรูซาเล็มกำลังจะถูกทำลาย และบอกพวกเขาว่าต้องทำอะไรเพื่อจะรอดชีวิต ถ้าเอเสเคียลไม่เตือน พระยะโฮวาจะให้เขารับผิดชอบชีวิตของคนเหล่านั้น (เอเสเคียล 33:7-9) เอเสเคียลมองว่าชีวิตมีค่า เขาจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อประกาศเรื่องสำคัญนี้
27 พระยะโฮวาให้เราเตือนผู้คนว่าโลกของซาตานกำลังจะถูกทำลาย และช่วยพวกเขาให้รู้จักพระองค์เพื่อจะรอดชีวิตเข้าโลกใหม่ (อิสยาห์ 61:2; มัทธิว 24:14) เราอยากทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อประกาศเรื่องรัฐบาลของพระเจ้า เราอยากจะพูดได้เหมือนเปาโลที่ว่า “ถ้ามีใครไม่รอด ก็จะมาโทษผมไม่ได้ เพราะผมได้ทุ่มเทตัวบอกพวกคุณทุกสิ่งที่พระเจ้าอยากให้เราทำ”—กิจการ 20:26, 27
28 เพื่อให้พระยะโฮวารักเราเสมอ นอกจากมองว่าชีวิตมีค่าแล้ว เรายังต้องเป็นคนสะอาดในสายตาของพระองค์ด้วย เราจะเรียนเรื่องนี้ในบทต่อไป