ไพร่พลที่ได้รับการฟื้นฟูของพระยะโฮวาสรรเสริญพระองค์ทั่วโลก
“เราจะให้มีการเปลี่ยนเป็นภาษาบริสุทธิ์แก่ชนชาติต่าง ๆ เพื่อเขาทุกคนจะได้ร้องเรียกพระนามของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 3:9, ล.ม.
1. เพราะเหตุใดข่าวการพิพากษาจึงสำเร็จเป็นจริงกับยูดาและชาติอื่น ๆ?
ข่าวการพิพากษาที่พระยะโฮวาทรงดลใจให้ซะฟันยากล่าวช่างมีพลังอะไรเช่นนั้น! ข่าวการพิพากษานี้สำเร็จเป็นจริงกับยูดาและยะรูซาเลมราชธานีของอาณาจักรนี้ เนื่องจากพวกผู้นำและประชาชนโดยรวมไม่ได้ทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา. ชาติที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ฟะลิศตีม, โมอาบ, และอำโมนจะประสบกับพระพิโรธของพระเจ้าด้วยเช่นกัน. เพราะเหตุใด? เพราะพวกเขาต่อต้านไพร่พลของพระยะโฮวาอย่างโหดเหี้ยมมานานหลายศตวรรษ. ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น มหาอำนาจโลกอัสซีเรียจะถูกทำลาย และจะไม่มีทางถูกสถาปนาขึ้นใหม่.
2. ดูเหมือนว่าซะฟันยา 3:8 กล่าวถึงใคร?
2 อย่างไรก็ตาม มีบางคนในอาณาจักรยูดาสมัยโบราณที่มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้อง. คนเหล่านี้คอยท่าการพิพากษาสำเร็จโทษของพระเจ้าต่อคนชั่ว และดูเหมือนจะเป็นกลุ่มคนที่มีการกล่าวถึงพวกเขาว่า “ ‘จงคอยท่าเรา’ เป็นคำตรัสของพระยะโฮวา ‘จนถึงวันที่เราจะลุกขึ้นตีชิง เพราะการตัดสินความของเราคือที่จะรวบรวมนานาชาติ ที่เราจะรวบรวมอาณาจักรทั้งหลาย เพื่อจะกล่าวโทษเขาและหลั่งความพิโรธอันร้อนแรงของเราลงเหนือเขา; เพราะโดยไฟแห่งใจแรงกล้าของเราแผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะถูกผลาญ.’ ”—ซะฟันยา 3:8, ล.ม.
“ภาษาบริสุทธิ์” สำหรับใคร?
3. ข่าวสารเกี่ยวกับความหวังอะไรที่ซะฟันยาได้รับการดลใจให้กล่าว?
3 ถูกแล้ว ซะฟันยาส่งข่าวการพิพากษาของพระยะโฮวา. แต่ท่านผู้พยากรณ์ยังได้รับการดลใจให้ประกาศข่าวสารเกี่ยวกับความหวังอันเยี่ยมยอดด้วย—ความหวังที่จะให้การปลอบโยนอย่างมากแก่คนเหล่านั้นซึ่งยังคงรักษาตัวซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา. ดังบันทึกไว้ที่ซะฟันยา 3:9 (ล.ม.) พระยะโฮวาพระเจ้าทรงประกาศว่า “ตอนนั้น เราจะให้มีการเปลี่ยนเป็นภาษาบริสุทธิ์แก่ชนชาติต่าง ๆ เพื่อเขาทุกคนจะได้ร้องเรียกพระนามของพระยะโฮวา เพื่อจะรับใช้พระองค์เคียงบ่าเคียงไหล่กัน.”
4, 5. (ก) จะเกิดอะไรขึ้นกับคนอธรรม? (ข) ใครจะได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์นี้, และเพราะเหตุใด?
4 มีคนที่จะไม่ ได้รับภาษาบริสุทธิ์. คำพยากรณ์นี้กล่าวถึงพวกเขาว่า “เราจะเอาบรรดาคนที่เย่อหยิ่งอวดอ้างไปเสียจากท่ามกลางท่านทั้งหลาย.” (ซะฟันยา 3:11) ดังนั้น คนเย่อหยิ่งที่ดูหมิ่นกฎหมายของพระเจ้าและทำการอสัตย์อธรรมจะถูกขจัดออกไป. ใครจะได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์นี้? ซะฟันยา 3:12, 13 อ่านดังนี้: “เรา [ยะโฮวา] จะเหลือไว้แต่ชนที่ถ่อมใจแลเจียมตัวในท่ามกลางแห่งท่าน, แลเขาทั้งหลายจะปลงใจเชื่อในพระนามพระยะโฮวา. พวกยิศราเอลที่เหลืออยู่นั้นจะไม่ได้กระทำความชั่ว, หรือจะไม่กล่าวความเท็จ, หรือจะไม่มีลิ้นล่อลวงในปากของเขา, ด้วยว่าเขาทั้งหลายจะรับประทานอาหารแลจะนอนลง, แลจะหามีความกลัวต่อผู้ใดไม่.”
5 ประชาชนผู้ซื่อสัตย์ที่เหลืออยู่ในยูดาสมัยโบราณจะได้รับประโยชน์. เพราะเหตุใด? เพราะพวกเขาได้ประพฤติสอดคล้องกับถ้อยคำดังต่อไปนี้: “จงแสวงหาพระยะโฮวา เจ้าทั้งหลายที่อ่อนน้อมในแผ่นดินโลก ผู้ได้ปฏิบัติตามคำตัดสินของพระองค์เอง. จงแสวงหาความชอบธรรม แสวงหาความอ่อนน้อม. ชะรอยเจ้าอาจถูกกำบังไว้ในวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 2:3, ล.ม.
6. เกิดอะไรขึ้นในความสำเร็จเป็นจริงครั้งแรกตามคำพยากรณ์ของซะฟันยา?
6 ในความสำเร็จเป็นจริงครั้งแรกตามคำพยากรณ์ของซะฟันยา พระเจ้าทรงลงโทษยูดาที่ไม่ซื่อสัตย์โดยปล่อยให้มหาอำนาจโลกบาบูโลนมาพิชิตและจับพวกเขาไปเป็นเชลยในปี 607 ก่อนสากลศักราช. บางคนรวมทั้งผู้พยากรณ์ยิระมะยาด้วยไม่ได้ถูกกวาดต้อนไป ส่วนคนอื่น ๆ ก็รักษาตัวซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาต่อไปในสภาพที่ตกเป็นเชลย. ในปี 539 ก่อนสากลศักราช บาบูโลนถูกโค่นโดยชาวมาดายและชาวเปอร์เซียภายใต้การนำของกษัตริย์ไซรัส. ประมาณสองปีต่อมา ไซรัสออกกฤษฎีกาอนุญาตให้ชนที่เหลือชาวยิวได้กลับสู่มาตุภูมิของตน. ต่อมา ได้มีการสร้างพระวิหารของกรุงยะรูซาเลมขึ้นใหม่ และมีการฟื้นฟูคณะปุโรหิตขึ้นมาอีกครั้งให้สั่งสอนพระบัญญัติแก่ประชาชน. (มาลาคี 2:7) ดังนั้น พระยะโฮวาทรงทำให้ชนที่เหลือที่กลับมาประสบกับความรุ่งเรือง—ตราบเท่าที่พวกเขารักษาความซื่อสัตย์.
7, 8. ถ้อยคำเชิงพยากรณ์ที่ซะฟันยา 3:14-17 กล่าวถึงใคร และเหตุใดคุณจึงตอบอย่างนั้น?
7 เกี่ยวกับผู้ที่จะได้ชื่นชมกับการฟื้นฟูนั้น ซะฟันยาบอกล่วงหน้าว่า “โอ้บุตรีแห่งซีโอน, จงร้องเพลงชื่นใจ, โอ้พวกยิศราเอล, จงร้องเสียงกึกก้อง, โอ้บุตรีแห่งยะรูซาเลม, จงยินดี, แลอภิรมย์ด้วยเต็มกำลังใจของท่านเถิด. พระยะโฮวาได้ยกเอาบรรดาการพิพากษากระทำโทษกลับคืนจากท่านทั้งหลาย, พระองค์ได้ทรงขับไล่หมู่ศัตรูออกเสียจากท่าน, กษัตริย์แห่งพวกยิศราเอล, คือพระยะโฮวาทรงสถิตอยู่ในท่ามกลางท่าน, ท่านจะไม่ได้เห็นการชั่วร้ายอีกเลย. ในวันนั้นจะมีผู้กล่าวแก่ยะรูซาเลมว่า, ท่านอย่าได้กลัวเลย, แลแก่ซีโอนว่า, อย่าได้อ่อนหย่อนกำลังมือของท่านลงเลย. พระยะโฮวาพระเจ้าของท่านก็สถิตอยู่ในท่ามกลางท่าน, พระองค์ประกอบด้วยฤทธิ์อันยิ่งก็จะช่วยให้รอด, พระองค์จะชอบพระทัยในท่านด้วยความยินดี, พระองค์จะทรงนิ่งอยู่ในความรักของพระองค์, พระองค์จะอภิรมย์ในท่านด้วยเสียงร้องยินดี.”—ซะฟันยา 3:14-17.
8 คำพยากรณ์นี้กล่าวถึงชนที่เหลือซึ่งถูกรวบรวมออกจากการเป็นเชลยในบาบูโลนและถูกนำกลับมายังแผ่นดินแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา. ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดในซะฟันยา 3:18-20 ซึ่งที่นั่นเราอ่านดังนี้: “เรา [ยะโฮวา] จะประชุมบรรดาชนที่มีใจโศกเศร้าเพราะการชุมนุมอันบริสุทธิ์, ผู้เป็นพรรคพวกของท่าน, แลมีความทุกข์อยู่ในใจด้วยความประมาทดูหมิ่น. นี่แน่ะ, ในเวลานั้นเราจะตัดสินทำโทษแก่คนทั้งปวงที่ย่ำยีท่าน, แลจะช่วยคนที่กายเขยกให้รอด, แลจะรวบรวมซึ่งคนที่ต้องกระจัดกระจายไป, แลจะให้เขาทั้งหลายได้ความสรรเสริญแลมีชื่อเสียงปรากฏในทุก ๆ เมืองที่เขาได้ต้องอัปยศนั้น. พระยะโฮวาตรัสว่า, ในขณะนั้นเราจะเอาท่านทั้งหลายกลับเข้ามา, คือในเวลาที่เราจะประชุมท่านนั้น, ด้วยว่าเราจะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชื่อ, แลได้ความสรรเสริญปรากฏในท่ามกลางประชาชนทั้งปวงแห่งแผ่นดินโลก, เมื่อเราจะกลับคืนท่านทั้งหลายที่ต้องเป็นเชลยต่อหน้าท่าน.”
9. พระยะโฮวาทรงสร้างชื่อสำหรับพระองค์เองอย่างไรเกี่ยวข้องกับยูดา?
9 ขอให้นึกภาพถึงความตระหนกตกใจของชาติต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบซึ่งเป็นศัตรูของไพร่พลพระเจ้า! ประชากรของยูดาถูกบาบูโลนอันเกรียงไกรจับไปเป็นเชลย โดยที่ดูเหมือนไม่มีหวังจะได้รับอิสรภาพ. นอกจากนั้น แผ่นดินของพวกเขาถูกทิ้งให้ร้างเปล่า. อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจของพระเจ้า พวกเขาได้กลับสู่มาตุภูมิของตนหลังจากที่ผ่านไป 70 ปี ในขณะที่ชาติศัตรูทั้งหลายกำลังจะประสบความพินาศ. พระยะโฮวาทรงสร้างชื่อเสียงแก่พระองค์เองสักเพียงไรด้วยการนำชนที่เหลือผู้ซื่อสัตย์กลับมา! พระองค์ทรงทำให้พวกเขา “มีชื่อ, แลได้ความสรรเสริญปรากฏในท่ามกลางประชาชนทั้งปวง.” การกอบกู้ดังกล่าวนำมาซึ่งคำสรรเสริญสำหรับพระยะโฮวาและคนเหล่านั้นที่มีชื่อตามพระนามของพระองค์.
การนมัสการพระยะโฮวาได้รับการยกชู
10, 11. ความสำเร็จเป็นจริงครั้งใหญ่ตามคำพยากรณ์ของซะฟันยาเกี่ยวกับการฟื้นฟูจะเกิดขึ้นเมื่อไร และเราทราบได้อย่างไร?
10 มีการฟื้นฟูอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษแรกแห่งสากลศักราช เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงรวบรวมชนที่เหลือแห่งยิศราเอลมาสู่การนมัสการแท้. นั่นเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้น เพราะความสำเร็จเป็นจริงครั้งใหญ่ของการฟื้นฟูยังคงอยู่ในอนาคต. คำพยากรณ์ของมีคาบอกล่วงหน้าไว้ว่า “เมื่อถึงสมัยสุดท้ายนั้น, ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งพระยะโฮวานั้นจะถูกสถาปนาขึ้นให้เท่าเทียมกับ [“สูงเหนือ,” ล.ม.] ขุนเขาสูงทั้งหลาย, แล้วจะถูกยกชูขึ้นให้สูงเยี่ยมเหนือภูเขาทั้งมวล; ประชาชนจะหลั่งไหลไปถึงที่นั่น.”—มีคา 4:1.
11 เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร? ดังที่คำพยากรณ์บอกไว้ “เมื่อถึงสมัยสุดท้าย”—ถูกแล้ว ในระหว่าง “สมัยสุดท้าย” นี้. (2 ติโมเธียว 3:1, ล.ม.) เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก่อนอวสานของระบบปัจจุบันอันชั่วช้า ในขณะที่ชาติต่าง ๆ ยังคงนมัสการพระเท็จกันอยู่. มีคา 4:5 (ล.ม.) อ่านดังนี้: “ส่วนประชาชนทั้งสิ้น ต่างก็จะดำเนินในนามแห่งพระเจ้าของเขา.” และจะว่าอย่างไรสำหรับผู้นมัสการแท้? คำพยากรณ์ของมีคาให้คำตอบว่า “แต่ส่วนเราจะดำเนินในพระนามของพระยะโฮวาพระเจ้าของเราจนเวลาที่ไม่มีกำหนด ตลอดไปเป็นนิตย์.”
12. การนมัสการแท้ได้รับการยกชูให้สูงเด่นอย่างไรในสมัยสุดท้าย?
12 ด้วยเหตุนั้น เมื่อถึงสมัยสุดท้าย “ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งพระยะโฮวานั้น [ได้] ถูกสถาปนาขึ้นให้เท่าเทียมกับ [“สูงเหนือ,” ล.ม.] ขุนเขาสูงทั้งหลาย.” การนมัสการแท้อันสูงส่งของพระยะโฮวาได้รับการฟื้นฟูให้ตั้งมั่นคงและสูงเยี่ยมเหนือศาสนาอื่นใดทั้งหมดทุกรูปแบบ. ดังที่คำพยากรณ์ของมีคาได้บอกไว้ล่วงหน้าด้วย “ประชาชนจะหลั่งไหลไปถึงที่นั่น.” และคนเหล่านั้นที่ปฏิบัติศาสนาแท้ “จะดำเนินในพระนามของพระยะโฮวาพระเจ้าของ [ตน] จนเวลาที่ไม่มีกำหนด ตลอดไปเป็นนิตย์.”
13, 14. โลกนี้เข้าสู่ “สมัยสุดท้าย” เมื่อไร และเกิดอะไรขึ้นกับการนมัสการแท้นับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา?
13 เหตุการณ์ที่สำเร็จเป็นจริงตามคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลให้หลักฐานว่าโลกนี้เข้าสู่ “สมัยสุดท้าย” ในปี 1914. (มาระโก 13:4-10) ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาทรงเริ่มรวบรวมชนที่เหลือแห่งผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์ซึ่งมีความหวังฝ่ายสวรรค์ให้เข้าสู่การนมัสการแท้. สิ่งที่ตามมาก็คือการรวบรวม “ชนฝูงใหญ่ . . . จากชาติและตระกูลและชนชาติและภาษาทั้งปวง”—คนเหล่านั้นซึ่งมีความหวังจะมีชีวิตตลอดไปบนแผ่นดินโลก.—วิวรณ์ 7:9, ล.ม.
14 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งจนถึงทุกวันนี้ การนมัสการพระยะโฮวาโดยคนเหล่านั้นที่ถูกเรียกตามพระนามของพระองค์ได้ก้าวรุดหน้าไปอย่างมีพลังภายใต้การชี้นำของพระองค์. จากไม่กี่พันคนภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผู้นมัสการพระยะโฮวาทวีจำนวนจนเดี๋ยวนี้มีประมาณหกล้านคน ซึ่งร่วมประชุมกันในประชาคมต่าง ๆ ประมาณ 91,000 ประชาคมใน 235 ดินแดน. ในแต่ละปี ผู้ประกาศราชอาณาจักรเหล่านี้อุทิศเวลามากกว่าหนึ่งพันล้านชั่วโมงในการสรรเสริญพระเจ้าต่อสาธารณชน. เห็นได้ชัดว่า พยานพระยะโฮวาเหล่านี้เป็นกลุ่มชนที่กำลังทำให้คำพยากรณ์ของพระเยซูสำเร็จเป็นจริง ที่ว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.”—มัดธาย 24:14, ล.ม.
15. ซะฟันยา 2:3 กำลังสำเร็จเป็นจริงอยู่ในเวลานี้อย่างไร?
15 ซะฟันยา 3:17 บอกดังนี้: “พระยะโฮวาพระเจ้าของท่านก็สถิตอยู่ในท่ามกลางท่าน, พระองค์ประกอบด้วยฤทธิ์อันยิ่งก็จะช่วยให้รอด.” ความรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาประสบในสมัยสุดท้ายนี้เป็นผลโดยตรงจากการมีพระองค์ “สถิตอยู่ในท่ามกลาง” พวกเขาในฐานะพระเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจบริบูรณ์. เป็นจริงเช่นนั้นในทุกวันนี้เช่นเดียวกับที่เคยเป็นจริงในการฟื้นฟูยูดาสมัยโบราณ เมื่อปี 537 ก.ส.ศ. ด้วยเหตุนั้น เราเห็นได้ถึงวิธีที่ซะฟันยา 2:3 (ล.ม.) สำเร็จเป็นจริงครั้งยิ่งใหญ่ในสมัยของเรา ดังที่กล่าวไว้ว่า “จงแสวงหาพระยะโฮวา เจ้าทั้งหลาย ที่อ่อนน้อมในแผ่นดินโลก.” ในปี 537 ก.ส.ศ. คน “ทั้งหลาย” หมายรวมถึงชนที่เหลือชาวยิวที่กลับจากการเป็นเชลยในบาบูโลน. ในปัจจุบัน คนทั้งหลายดังกล่าวหมายถึงคนอ่อนน้อมจากชาติทั้งปวงทั่วแผ่นดินโลก ซึ่งได้ตอบรับงานประกาศเรื่องราชอาณาจักรที่มีไปทั่วโลกและหลั่งไหลมายัง “ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของโบสถ์แห่งพระยะโฮวา.”
การนมัสการแท้เฟื่องฟู
16. ปฏิกิริยาจากศัตรูของเราคงเป็นเช่นไรเมื่อเขาเห็นความรุ่งเรืองของผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยปัจจุบัน?
16 ภายหลังปี 537 ก.ส.ศ. ชาติที่อยู่โดยรอบหลายชาติต่างก็พิศวงที่เห็นผู้รับใช้ของพระเจ้าได้รับการกอบกู้คืนสู่การนมัสการแท้ในมาตุภูมิของพวกเขา. ทว่า การฟื้นฟูดังกล่าวเกิดขึ้นในขอบเขตค่อนข้างเล็ก. คุณนึกภาพออกไหมว่า ในเวลานี้บางคนซึ่งอาจเป็นศัตรูของไพร่พลพระเจ้าด้วยซ้ำกล่าวอย่างไร เมื่อเขาเห็นการเติบโต, ความรุ่งเรือง, และความก้าวหน้าอันน่าทึ่งของผู้รับใช้พระยะโฮวาในสมัยปัจจุบัน? เป็นไปได้ทีเดียวว่า ศัตรูเหล่านี้บางคนรู้สึกเช่นเดียวกับพวกฟาริซายเมื่อพวกเขาเห็นฝูงชนพากันเข้ามาหาพระเยซู. พวกเขาร้องครวญว่า “ดูเถิด ทั้งโลกติดตามเขาไปแล้ว.”—โยฮัน 12:19.
17. นักเขียนผู้หนึ่งกล่าวเช่นไรเกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา และพวกเขามีการเติบโตเช่นไร?
17 ในหนังสือของเขาที่ชื่อคนเหล่านี้ก็เชื่อด้วย (ภาษาอังกฤษ) ศาสตราจารย์ ชาลส์ เอส. เบรเดน กล่าวว่า ‘พยานพระยะโฮวาได้ปกคลุมโลกจริง ๆ ตามตัวอักษรด้วยการให้คำพยานของพวกเขา. อาจกล่าวได้อย่างแท้จริงว่า ไม่มีกลุ่มศาสนาใดในโลกที่แสดงความกระตือรือร้นแรงกล้าและบากบั่นพยายามในการแพร่กระจายข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรมากไปกว่าพยานพระยะโฮวา. เป็นไปได้มากทีเดียวว่าการดำเนินงานของพวกเขาจะยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.’ เขากล่าวไว้ถูกต้องจริง ๆ! เมื่อ 50 ปีที่แล้วตอนที่เขาเขียนข้อความดังกล่าว มีพยานฯ เพียงประมาณ 300,000 คนประกาศอยู่ทั่วโลก. เขาคงจะกล่าวเช่นไรที่ในเวลานี้มีประมาณ 20 เท่าของจำนวนนั้น—ประมาณหกล้านคน—ซึ่งกำลังประกาศข่าวดี?
18. ภาษาบริสุทธิ์คืออะไร และพระเจ้าประทานภาษานี้แก่ใคร?
18 โดยทางผู้พยากรณ์ของพระองค์ พระเจ้าทรงสัญญาว่า “เราจะให้มีการเปลี่ยนเป็นภาษาบริสุทธิ์แก่ชนชาติต่าง ๆ เพื่อเขาทุกคนจะได้ร้องเรียกพระนามของพระยะโฮวา เพื่อจะรับใช้พระองค์เคียงบ่าเคียงไหล่กัน.” (ซะฟันยา 3:9, ล.ม.) ในสมัยสุดท้ายนี้ กลุ่มคนที่ร้องเรียกพระนามของพระยะโฮวา ซึ่งรับใช้พระองค์อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในสายสัมพันธ์แห่งความรักที่ไม่มีวันขาดสะบั้น—อย่าง “เคียงบ่าเคียงไหล่กัน”—ได้แก่พยานพระยะโฮวา. พวกเขาคือกลุ่มคนที่พระยะโฮวาได้ประทานภาษาบริสุทธิ์. ภาษาบริสุทธิ์นี้หมายรวมถึงการมีความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์. เฉพาะพระยะโฮวาเท่านั้นที่จัดให้มีความเข้าใจเช่นนี้โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์. (1 โกรินโธ 2:10) พระยะโฮวาประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์แก่ใคร? เฉพาะ “คนเหล่านั้นที่เชื่อฟังพระองค์ในฐานะเป็นผู้ครอบครอง.” (กิจการ 5:32, ล.ม.) พยานพระยะโฮวาเท่านั้นที่เต็มใจเชื่อฟังพระเจ้าทุกประการในฐานะที่ทรงเป็นผู้ครอบครอง. นั่นเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาได้รับพระวิญญาณของพระเจ้าและพูดภาษาบริสุทธิ์ อันได้แก่ความจริงเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระประสงค์อันเยี่ยมยอดของพระองค์. พวกเขาใช้ภาษาบริสุทธิ์นี้เพื่อสรรเสริญพระยะโฮวาไปตลอดทั่วโลกในขอบข่ายที่ใหญ่โตและแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อย ๆ.
19. การพูดภาษาบริสุทธิ์หมายรวมถึงอะไร?
19 การพูดภาษาบริสุทธิ์ไม่ได้หมายถึงเพียงการมีความเชื่อเกี่ยวกับความจริงและสอนความจริงนั้นแก่ผู้อื่น แต่ยังรวมไปถึงการทำให้ความประพฤติของตนประสานลงรอยกับกฎหมายและหลักการของพระเจ้า. คริสเตียนผู้ถูกเจิมได้นำหน้าในการแสวงหาพระยะโฮวาและพูดภาษาบริสุทธิ์. คิดดูซิถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำให้สำเร็จ! แม้ว่าชนผู้ถูกเจิมมีจำนวนลดลงจนเหลือไม่ถึง 8,700 คน คนอื่น ๆ ประมาณหกล้านคนกำลังเลียนแบบความเชื่อของพวกเขาโดยการแสวงหาพระยะโฮวาและพูดภาษาบริสุทธิ์. คนเหล่านี้ได้แก่ชนฝูงใหญ่จากชาติทั้งปวงซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่แสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซู, ถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ที่ลานพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าทางแผ่นดินโลก, และจะรอดชีวิตผ่าน “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” ซึ่งจะเกิดขึ้นกับโลกอธรรมนี้ในอีกไม่ช้า.—วิวรณ์ 7:9, 14, 15, ล.ม.
20. มีอะไรรออยู่ในวันข้างหน้าสำหรับชนผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์และคนเหล่านั้นที่ประกอบกันเป็นชนฝูงใหญ่?
20 ชนฝูงใหญ่จะถูกนำเข้าสู่โลกใหม่อันชอบธรรมของพระเจ้า. (2 เปโตร 3:13) พระเยซูคริสต์และชนผู้ถูกเจิม 144,000 คนซึ่งถูกปลุกสู่ชีวิตฝ่ายสวรรค์เพื่อรับใช้เป็นกษัตริย์และปุโรหิตกับพระองค์จะประกอบกันเป็นคณะปกครองใหม่ของแผ่นดินโลก. (โรม 8:16, 17; วิวรณ์ 7:4; 20:6) ผู้รอดชีวิตจากความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่จะทำงานในการทำให้แผ่นดินโลกเป็นอุทยานและจะพูดภาษาบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้ต่อ ๆ ไป. โดยหลักการแล้ว ถ้อยคำดังต่อไปนี้ใช้ได้กับพวกเขา ที่ว่า “บุตรทั้งสิ้นของเจ้าจะเป็นบุคคลที่ได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา และสันติสุขแห่งเหล่าบุตรของเจ้าจะมีบริบูรณ์. เจ้าจะสำแดงตัวว่าตั้งมั่นในความชอบธรรม.”—ยะซายา 54:13, 14, ล.ม.
งานสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
21, 22. (ก) ดังระบุไว้ที่กิจการ 24:15 ใครจำเป็นจะต้องได้รับการสอนภาษาบริสุทธิ์? (ข) งานสอนอะไรที่ไม่มีอะไรเทียบเทียมได้ซึ่งจะกระทำบนแผ่นดินโลกภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักร?
21 ชนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากมายที่จะได้รับโอกาสเรียนภาษาบริสุทธิ์ในโลกใหม่ได้แก่กลุ่มคนที่กล่าวถึงในกิจการ 24:15 (ล.ม.) ซึ่งอ่านว่า “จะมีการกลับเป็นขึ้นจากตายทั้งของคนชอบธรรมและคนไม่ชอบธรรม.” ในอดีต มีหลายพันล้านคนที่เคยมีชีวิตอยู่และได้ตายไปโดยไม่ได้รับความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับพระยะโฮวา. ตามลำดับที่เหมาะสม พระองค์จะทรงปลุกพวกเขาให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง. และผู้ที่ถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับการสอนภาษาบริสุทธิ์.
22 ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่จะมีส่วนร่วมในงานสอนที่ยิ่งใหญ่นั้น! นั่นจะเป็นงานสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ. งานทั้งหมดจะสำเร็จภายใต้การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระคริสต์เยซูซึ่งมุ่งจะทำแต่สิ่งดีงาม. ผลคือ ในที่สุดมนุษยชาติจะเห็นความสำเร็จเป็นจริงของยะซายา 11:9 ซึ่งกล่าวไว้ว่า “แผ่นดินโลกจะเต็มไปด้วยความรู้ฝ่ายพระยะโฮวาดุจน้ำท่วมเต็มมหาสมุทร.”
23. เหตุใดคุณจึงกล่าวว่าเรามีสิทธิพิเศษอย่างมากที่เป็นไพร่พลของพระยะโฮวา?
23 ช่างเป็นสิทธิพิเศษสักเพียงไรที่เรามีชีวิตอยู่ในสมัยสุดท้ายนี้เพื่อเตรียมการไว้สำหรับสมัยอันเยี่ยมยอดเมื่อความรู้ของพระยะโฮวาจะเต็มแผ่นดินโลกอย่างแท้จริง! และนับเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่เรามีในเวลานี้ในการเป็นไพร่พลของพระเจ้า ซึ่งกำลังประสบกับความสำเร็จเป็นจริงอันยิ่งใหญ่ของคำกล่าวเชิงพยากรณ์ดังบันทึกไว้ที่ซะฟันยา 3:20! ที่นั่น เราพบคำรับรองของพระยะโฮวาว่า “เราจะกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชื่อ, แลได้ความสรรเสริญปรากฏในท่ามกลางประชาชนทั้งปวงแห่งแผ่นดินโลก.”
คุณจะตอบอย่างไร?
• คำพยากรณ์ของซะฟันยาเรื่องการฟื้นฟูสำเร็จเป็นจริงแล้วเช่นไร?
• การนมัสการแท้กำลังเฟื่องฟูในสมัยสุดท้ายนี้อย่างไร?
• งานสอนอันยิ่งใหญ่อะไรจะมีขึ้นในโลกใหม่?
[ภาพหน้า 25]
ไพร่พลของพระยะโฮวากลับสู่มาตุภูมิเพื่อฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์. คุณทราบความหมายของเหตุการณ์นี้สำหรับปัจจุบันไหม?
[ภาพหน้า 26]
โดยการพูด “ภาษาบริสุทธิ์” พยานพระยะโฮวาเสนอข่าวสารที่ปลอบโยนจากคัมภีร์ไบเบิลแก่ผู้คน